บทที่ 220 คนแปลกหน้า

บทที่ 220 คนแปลกหน้า

ต้องพูดว่าอะไร? มีอะไรให้พูดอีก? ระหว่างที่บรรยากาศในห้องเงียบลงก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกนอกห้องทำงาน

ทั้งสองมองหน้าก่อนจะรู้ว่าสิ่งที่กังวลอยู่มาหาแล้ว

ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะทำพวกครูถึงขนาดไหน!

เรื่องในโรงเรียนพวกเสี่ยวเถียนไม่รู้ เพราะตอนนี้พวกเขาง่วนอยู่กับการขึ้นเขาลงห้วย และอ่านหนังสือ

ไม่ว่าคนไหนก็ยุ่งกันหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับข่าวจากจื่ออันว่าสามารถไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นอันดับหนึ่งได้แล้ว พวกเขาก็ยิ่งยุ่งกันมากขึ้น

ปีนี้ไม่สามารถขึ้นเขาไปหาของดี ๆ กลับบ้านได้ตลอดแล้ว จึงต้องทำก่อนเปิดเทอม

ในไม่ช้า บ้านซูก็มีของไว้ทำอาหารแห้งกักตุนไว้มากมาย แม้แต่เนื้อตากแห้งก็มีเหมือนกัน

พริบตาเดียวก็ถึงเดือนแปดแล้ว

อากาศยังร้อนจัด มีฝนตกเล็กน้อยตลอดฤดูร้อน

พวกคนเฒ่าคนแก่บอกว่าปีนี้จะแห้งแล้งอีกปี ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงคงทำได้ไม่ดี

เสี่ยวเถียนกังวลเรื่องนี้มาก เพราะมันส่งผลต่อฟาร์มไก่และฟาร์มหมู แต่ช่วยไม่ได้เลย

ที่จริงเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับบรรยากาศในชุมชน

ช่วงนี้หัวหน้าซูไปประชุมที่ชุมชนใหญ่หลายวันเลย ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน

และวันนี้ก็มีคนแปลกกน้าปรากฏตัวตรงสี่แยกชุมชนการผลิตหงซิน!

เป็นหญิงวัยกลางคนอายุสี่สิบเศษ เธอพาชายหนุ่มและหญิงสาวมาด้วยอีกสองคน

ทั้งคู่อายุประมาณยี่สิบกว่า ๆ ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกัน

แถมยังคล้ายกับหญิงวัยกลางคนด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นแม่ลูกกัน

ตอนนั้นเสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ เพิ่งลงจากเขาพอดี

พวกเด็ก ๆ กำลังถือแบกตะกร้าหนัก ๆ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ก็ยังยิ้มสดใส

เป็นอีกวันที่เก็บของมาได้เพียบเลย แล้วจะไม่ยินดีได้อย่างไร?

กำลังอารมณ์ดี ๆ อยู่พอเจอสามคนนี้ก็หายไปทันที!

“สาวน้อย ที่นี่ใช่หงซินไหม?” หญิงวัยกลางคนหยุดถามเสี่ยวเถียน

ถึงจะพูดสุภาพ แต่ความยโสและความรังเกียจบนใบหน้าก็ฉายชัดออกมา

แล้วก็เห็นได้ชัดด้วยว่าดูถูกเด็กชนบทอย่างเสี่ยวเถียน

โดยเฉพาะชายหญิงที่ตามมาด้วย ท่าทางสูงส่งยิ่งกว่าผู้นำระดับสูงบางคนเสียอีก

ซูเสี่ยวเถียนมองเธอ แม้จะไม่อยากสนใจแต่ก็พูดอย่างมีน้ำอดน้ำทน “ใช่ค่ะ”

ว่าจบก็หมุนตัวหมายจะกลับบ้าน

เธอยังมีเรื่องต้องทำมากมาย ไม่มีเวลาใส่ใจคนพวกนี้ที่คิดว่าตัวเองสูงส่งหรอก

วันนี้ได้ของมาเยอะเลย มีกระต่ายสามตัว ไก่สี่ตัว และเนื้อทรายอีกตัว รอให้พ่อใหญ่มาจัดการแล้วค่อยแอบเอากลับบ้านไป

พอเห็นพวกเสี่ยวเถียนหันตัวหมายจะเดินไป หญิงวัยกลางคนก็ก้มหน้า

“พวกแกนี่มันไร้มารยาทเหลือเกิน พวกเราคุยด้วย แต่กลับแสดงท่าทางกิริยาแบบเนี่ยหรือ?” หญิงสาวรีบว่าซูเสี่ยวเทียนทันที

“ก็แค่พวกขาจุ่มโคลนไง!” ชายหนุ่มก็แสดงความเห็นด้วยท่าทางเหมือนกว่าเช่นกัน

“พวกขาจุ่มโคลนแล้วมันทำไม?” ซูเสี่ยวเถียนหันไปมองทันที แล้วจ้องมองชายหนุ่มก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “คุณไม่ใช่คนบ้านนอกก็เลยสูงส่งหรือ? แต่หนูไม่คิดแบบนั้นนะ!”

ไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวเถียนถึงไม่ชอบสามคนนี้เอามาก ๆ

“นี่ท่าทางของแกหรือ?” ชายหนุ่มไม่คิดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะสวนเขากลับเช่นนี้

“ท่าทางอะไร? แขกเหรื่อมาพร้อมกับสุรารสเลิศ แต่ถ้าหมาจิ้งจอกมาพร้อมกับปืนลูกซองแล้วมาถามว่าท่าทางของหนูก่อนหน้านี้คืออะไร ถามตัวเองหน่อยไหมว่าเป็นตัวอะไรกันแน่!” ท่าทีของซูเสี่ยวเถียนไม่แยแส และตอบอย่างหนักแน่น

“ฉันไม่ได้เป็นตัวอะไรทั้งนั้น แกต่างหากที่เป็น!” เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มหงุดหงิดที่โดนเสี่ยวเถียนทำให้ขุ่นเคือง เลยเอ่ยปากขัดไว้

ตอนที่เขาพูด เสี่ยวชี เสี่ยวปา และเสียวจิ่วที่อยู่ด้านหลังหัวเราะอย่างมีความสุข แม้แต่คนที่อายุมากกว่าหน่อยก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้

ซูเสี่ยวเถียนยังคงพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “หนูรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่ตัวอะไรทั้งนั้น!”

ว่าจบกันหันไปพูดกับพวกพี่ ๆ “ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจคนแบบนี้เลย เสียเวลา!”

“แกมาด่าคนอื่นเขาได้ยังไง? ดูเหมือนจะเป็นเด็กสาวอ่อนหวานนะ แต่ทำไมไร้มารยาทขนาดนี้? แล้วยังมากับกลุ่มผู้ชายอีก ไม่กลัวเสียชื่อเสียงหรือไง!”

หญิงสาวก็พูดจาไม่ดี ท่าทางดูถูกเหยียบดหยามเสี่ยวเถียนราวกับเธอทำบางอย่างผิดศีลธรรมอันดีงาม

เสี่ยวเถียนที่วางแผนจะไปไม่คิดว่าจะมีคนพูดอะไรไม่ดูสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เธอหันขวับไปมองด้วยสายตาเย็นชา

กลุ่มเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอก็มองผู้หญิงที่หยุดไว้ไม่ได้คนนี้ด้วยสายตาไร้ความปรานี

พวกเขามองคนที่พฤติกรรมเยี่ยงหมา พูดจาหยาบคายแบบนี้ได้อย่างไรน่ะ?

หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวกับดวงตาที่เหมือนหมาป่าของพวกเด็ก ๆ เธออดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง แต่เธอยังคงยืนกรานที่จะพูดว่า “พวกแกจะมองฉันหาอะไร ฉันพูดผิดหรือไง?”

“ป้า ก็ป้าพูดผิดจริง ๆ พวกเราเป็นเด็ก ไอ้เรื่องสกปรกที่ป้าว่าไม่เกิดขึ้นกับพวกเราหรอกนะ!” ซูเสี่ยวเถียนพูดจาไม่มีความเกรงใจสักนิด และยังเรียกหญิงสาวว่าป้าตรง ๆ อีก ร้ายจริง ๆ

หญิงสาวที่เพิ่งอายุยี่สิบกว่าโดนเรียกว่าป้าก็หน้ามืดสนิท ดวงตาจ้องเสี่ยวเถียนอย่างชั่วร้าย ราวกับจะกลืนกินเสี่ยวเถียนทั้งเป็น

“ก็พวกเราเป็นพี่น้องกัน เล่นด้วยกันมันจะไปเป็นอะไร? มีคำกล่าวที่ว่า ถ้าใจคนมันสกปรก เห็นอะไรก็สกปรก!”

“แกมันก็แค่เด็กบ้านนอก กล้าพูดจาแบบนี้กับฉันหรือ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“หนูไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใคร แต่หนูอยากรู้แค่ว่าคุณเป็นคนหรือเปล่า?”

ว่าจบเธอก็ไม่สนใจคนพวกนี้อีก และเดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมอง

คนทั้งสามที่ถูกทิ้งไว้โกรธจัด โดยเฉพาะหญิงสาว ดวงตาเธอจับจ้องแผ่นหลังเด็ก ๆ ตอนที่กำลังเดินจากไป!

พอกลับมาถึง พ่อใหญ่ไม่รู้ แต่โชคดีที่พ่อรองมีเวลาพอดี

พอได้ยินว่าเด็ก ๆ พบของดีบนเขา และตอนนี้โส่วเวินกับซื่อเลี่ยงเฝ้าอยู่ ก็รีบมุ่งไปที่นั่นทันที

เสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ เอาเห็ด สาหร่าย และผักป่าที่กลับมราจากสวนหลังบ้านไปตากแห้ง

ตอนนี้ของบนเขามีให้กินมากมาย แต่ละปีก็หาได้ไม่น้อยเลย ถ้ากินไม่หมดก็เสียของแย่

เพราะงั้น ในเมื่อเก็บได้ทุกวันก็จะเลือกไปตากแห้งแทน

ด้วยวิธีนี้ พอถึงฤดูหนาวก็ไม่ต้องกลัวอาหารหมด

พวกเขายังไม่ทันทำงานเสร็จดี จู่ ๆ ฉืออี้หย่วนก็วิ่งมาหาใครสักคน

สมรรถภาพทางร่างกายของเด็กหนุ่มดีมาก แต่วันนี้กลับหมดเรี่ยวแรงเมื่อได้เห็นเสี่ยวเถียน ไม่แม้แต่จะพูดอะไรได้เลยสักคำ