บทที่ 334 ช่วยชีวิต
บทที่ 334 ช่วยชีวิต
ทันทีที่สายฟ้าฟาดลงบนร่างกายของชายชรา ร่างของชายชราที่น่ารังเกียจก็ร่างระเบิดเป็นชิ้น ๆ แต่ละชิ้นแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ชายชราตายอย่างน่าอนาถยิ่ง สมกับคำพูดที่ว่าเวรกรรมตามสนองโดยแท้
หลังราชานิกายกิเลนฆ่าชายชราแล้ว เขาก็เดินไปทางจือซินและตรวจชีพจรเธอเบา ๆ ถึงได้รู้ว่าลมปราณในร่างปั่นป่วนไม่คงที อวัยวะภายในเองก็ถูกทำลายหลายแห่ง เขารีบร้อนคุกเข่าลงช่วยรักษาจือซินทันที
ขณะเดียวกันราชาอีกคนก็ตรงเข้าไปช่วยโป๋อีกู่เช่นกัน ส่วนคนที่เหลือก็มีหน้าทีคอยป้องกันภัยทั้งสี่ด้านและตรวจสอบว่ามีใครเหลือรอดบ้าง ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สองราชากิเลนก็หยุดค้นหา วันนี้ถือได้ว่าวันที่พวกเขาได้ออกแรงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี จนพวกเขาเหนื่อยล้ามากจริง ๆ กลับมายังจือซินและโป๋อีกู่พวกเขาได้สติขึ้นมาแล้ว
พอทั้งสองฟื้นก็รีบตรวจสอบร่างกายตัวเองทันที ก่อนจะพบว่าสภาพร่างกายของเขาฟื้นพลังกลับมา 7-8 ส่วนแล้ว พวกเขามองไปรอบ ๆ จนแน่ใจว่าไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงวางใจ ในตอนที่ทั้งสองกำลังชะล่าใจถึงได้พบว่าสี่ราชาและสี่ผู้อาวุโสยืนอยู่ข้างกายพวกเขาแล้ว
จือซินแนะนำให้โป๋อีกู่รู้จักกับทั้งแปดคน หลังจากพวกเขาทำความรู้จักกันสักพัก อยู่ ๆ โป๋อีกู่ก็ลนลานขึ้นมา
“ท่านราชา ท่านผู้อาวุโส พวกเรารีบเข้าไปในภูเขาเพื่อตามหาคนที่รอดเถอะ ถ้าเดาไม่ผิดคนที่พวกเราตามหากับศิษย์ของพวกท่านตอนนี้น่าจะอยู่ด้วยกันแน่ครับ” มองท่าทีลนลานของโป๋อีกู่เหล่าราชาก็มองตากันเองพร้อมกับถอนหายใจ
“ครั้งนี้ราชาท้องถิ่นทำรุนแรงเกิดไปแล้ว เห็นทีว่าลูกศิษย์ของพวกเราคงถึงคราวเคราะห์แล้วละ” แม้ว่าใจจริงพวกเขาจะไม่อยากคิดเช่นนี้ แต่พอคิดว่าเหล่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิดาราที่เก่งกาจคนอื่น ๆ แล้วเข้าไปถล่มนิกายสาขาบนภูเขา พวกศิษย์ที่อยู่แค่ขั้นผู้พิชิตดาราจะมีโอกาศรอดชีวิตได้ยังไง
“ทุกท่านโปรดวางใจ หากอยู่กับคน ๆ นั้นต่อให้เป็นเรื่องที่ไม่ไปไม่ได้ เขาก็ทำให้มันไปเป็นได้อย่างแน่นอน เสียงระเบิดเมื่อสักครู่ก็คือฝีมือของชายคนนั้น เชื่อว่าด้วยแรงระเบิดขนาดนั้นพวกจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิดาราที่อยู่แถวนั้น คงไม่รอดแล้ว ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องไม่เป็นอะไรแต่อาจจะเกิดเรื่องบ้างอย่างขึ้นจึงทำให้ไม่สามารถออกมาได้ พวกเราต้องรีบไปช่วยพวกเขา!”
แม้ทุกคนจะคิดว่าสิ่งที่โป๋อีกู่พูดมันไม่มีน้ำหนักเลย แต่เรื่องในวันนี้ยังไงพวกเขาก็ต้องขึ้นไปตรวจสอบอยู่แล้ว หากยังมีชีวิตก็ต้องเจอคน หากตายแล้วก็ต้องเจอศพ ไม่เช่นนั้นการที่พวกเขามาที่นี่ก็เปล่าประโยชน์
ทุกคนมุ่งไปยังเทือกเขากิเลนอย่างรวดเร็ว ทว่าเพิ่งจะถึงตีนเขาโป๋อีกู่ก็หยุดร่างกายโดยฉับพลัน หลังจากมองอย่างละเอียดถึงได้พบสิ่งผิดปกติบ้างอย่าง
“ทุกท่าน ถ้าผมรู้สึกไม่ผิด ค่ายกลมันน่าจะอยู่ตรงนี้แหละ!” เมื่อได้ยินโป๋อีกู่พูดอย่างนั้น พวกราชาและผู้อาวุโสจึงมองอย่างละเอียด ถึงได้พบว่าตีนเขาตรงนี้มีไอพลังของค่ายกลอยู่จริง ๆ
“ค่ายกลนี้ผมค่อนข้างคุ้นชิน น่าจะเป็นคนที่ผมตามหาสร้างมันขึ้นมาเอง คงเพราะแรงระเบิดเมื่อกี้ ทำให้พวกเขาจะถูกทับอยู่ข้างใต้นี้” หลังจากฟังคำอธิบายของโป๋อีกู่พวกราชาและผู้อาวุโสเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
หลังจากนั้นพวกเขาก็ลงแรงโดยอ้างอิงตามเส้นทางที่โป๋อีกู่บอก แล้วเริ่มขุดภูเขาลงไปหลายแห่งทันที ไม่นานสมาชิกทีมมังกรถึงพบว่า ในที่สุดพวกตัวเองก็จะมีโอกาสแสดงความสามารถเสียที แต่ด้วยวรยุทธของพวกเขามีขีดจำกัด ดังนั้นความเร็วในการขุดจึงไม่เร็วมากนัก
สุดท้ายก็จนปัญญา เหล่าราชาและเหล่าผู้อาวุโสต้องยื่นมือเข้ามาช่วยขุด พวกเขาขุดไปครึ่งหนึ่งของภูเขาก็ยังไม่เจอ โป๋อีกู่พยายามจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายค่ายกล พวกเขาเลยไปเจอเข้ากลับจุดศูนย์กลางที่เกิดระเบิดขึ้น!
จุดศูนย์กลางของระเบิดนอกจากจะเจอหลุมที่ว่างเปล่า ก็ไม่มีศพเลยแม้แต่ศพเดียว จากแรงระเบิดเมื่อสักครู่ร่างกายน่าจะแหลกเหลวไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าราชาและผู้อาวุโสก็ยังไม่อาจวางใจ ต้องตรวจสอบหลุมนี้ลงไปต่อ
หลุมนี้ลึกถึงหลายร้อยเมตร บริเวณโดยรอบกว้างกว่าหนึ่งร้อยตารางเมตร คล้ายกับน้ำตกธรรมชาติแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าแรงระเบิดเมื่อกี้มันรุนแรงขนาดไหนกันแน่? เหล่าราชาและผู้อาวุโสเห็นร่องรอยของแรงระเบิดก็ขมวดคิ้ว
หลังสำรวจที่นี่อย่างละเอียดแล้ว โป๋อีกู่ก็พบบางอย่างมันคือซากปรักหักพังของค่ายกล พวกเขาขุดลงไปใต้ซากปรักหักพังพวกนี้ต่อ ตอนนี้พวกเขาขุดอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะคนของพวกเขาอาจจะอยู่ข้างใต้นี้ก็ได้
พวกเขาใช้เวลา 10 กว่านาทีก็ขุดลึกประมาณ 3-4 กิโลเมตร ทันใดนั้นสายตาพวกเขาก็เห็นปลายเสื้อคลุม พวกเขาไม่ลังเลเร่งรีบขุดลงไปก่อนที่ใบหน้าอันหล่อเหลาจะปรากฏให้ทุกคนเห็น
“คุณฉู่ เป็นอะไรไหม!?” โป๋อีกู่รีบวิ่งมาดู คน ๆ นี้ก็คือฉู่เหินนั้นเอง เพราะถูกดินฝั่งเอาไว้นานแล้ว เขาจึงคล้ายกับว่าหยุดหายใจไป ตอนนี้สภาพของฉู่เหินอาการร่อแร่เต็มที ถ้าหากเขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมประหลาดตัวนี้ เห็นทีว่าคงถูกฝั่งขาดอากาศหายใจตายไปแล้ว
สี่ราชารีบเข้ามาดูอาการอย่างละเอียดก็พบว่าฉู่เหินยังพอจะช่วยได้ เพียงแต่อาการหนักมากจริง ๆ เมื่อกี้จือซินกับโป๋อีกู่ยังไม่ได้อาการหนักขนาดนี้เลย ดังนั้นพอเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ยังมีชีวิตอยู่พวกเขาจึงแปลกใจมาก
หลังจากนั้นหนึ่งในสี่ราชาก็หยิบยาวิเศษออกมาจากแหวนมิติของตัวเอง พอยาเม็ดนั้นถูกหยิบออกมากลิ่นหอมก็โชยเตะจมูก และเม็ดนั้นก็ถูกป้อนเข้าปากของฉู่เหิน ลมปราณที่ถูกทำลายค่อย ๆ ถูกฟื้นฟูอย่างช้า ๆ ไม่นานพวกเขาก็สัมผัสได้ว่าฉู่เหินจริง ๆ แล้วยังมีสติอยู่!
เหล่าราชากิเลนแทบไม่เชื่อสายตา พวกเขาแอบประเมินว่าคน ๆ นี้จะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งนัก บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ก็ยังคงสติอยู่อีกได้ พวกเขาจึงตัดสินใจใส่พลังดวงดาวของตัวเองช่วยฉู่เหินฟื้นฟูร่างกาย
หลังจากผ่านไปเนินนาน ในที่สุดฉู่เหินก็ลืมตา ริมฝีปากที่แตกระแหงถูกราชากิเลนแสกหยดน้ำมาชโลม จึงทำให้ชุ่มชื่นขึ้นมานิดหน่อย
ฉู่เหินลืมตามองรอบ ๆ ตอนเห็นโป๋อีกู่ก็งุนงงสักพัก ทว่าต่อมาก็ไม่ลังเลที่จะพูดกับโป๋อีกู่ทันที “ช่วยคน รีบไปช่วยคนก่อน”
โป๋อีกู่เดินมาหาประคองฉู่เหินไว้ในอ้อมแขน เขารู้ว่าตอนนี้ฉู่เหินกำลังบังคับให้ตัวเองตั้งสติอยู่ เขาควรรีบทำตามที่ฉู่เหินบอก
ฉู่เหินชี้นิ้วไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก เพื่อให้โป๋อีกู่รีบเดินตามนิ้วที่เขาชี้ ตอนนี้ทุกคนไม่ต้องขุดมั่ว ๆ อีกต่อไป เพียงแค่ฉู่เหินบอกก็จะหาคนเจอย่นเวลาไปได้เยอะเลย!
พวกเขาเดินไปตามทิศทางที่ฉู่เหินชี้ มันเป็นยอดเขายุ้งข้าว ตามคำบอกใบ้ของฉู่เหิน พวกเขารีบย้ายธัญญาหารในนี้ทั้งหมดออกมา จากนั้นก็เริ่มขุดลงมา พวกเขารีบไปตรวจสอบก็พบว่าดินตรงนี้อ่อนนิ่มมากคล้ายกับว่าเคยถูกขุดมาก่อน
โป๋อีกู่ช่วยพาฉู่เหินมาที่ยุ้งข้าว หลังจากนั้นฉู่เหินก็ชี้ไปยังที่ลับตาคนมุมหนึ่งเพื่อบอกทิศทางที่จะขุด เมื่อทุกคนจะขุดก็พบเจอเรื่องประหลาดใจอีกครั้ง!
ไม่ได้ใช้เสียมมันก็ผ่านไปเลย เมื่อเห็นแบบนี้พวกเขาก็ขมวดคิ้วเพราะว่าพวกเขารู้ว่ามันคือค่ายกล แต่แปลกมาก พลังของพวกเขากลับไม่สามารถ อาจสัมผัสได้ถึงค่ายกลเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจว่าแล้วทำไมฉู่เหินถึงพยายามประคองสติตัวเองเอาไว้แลัวคอยบอกทางพวกเขา ถ้าให้พวกเขาหาเองคงไม่มีทางหาค่ายกลลึกลับแห่งนี้เจอแน่