ตอนที่ 288 ยอมแพ้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 288 ยอมแพ้

ฮ่องเต้หย่งไท่จะทรงลงโทษพระราชบุตรเขยหลิว บรรดาขุนนางราชสำนักไม่เห็นด้วย

พวกเขายังหวังพึ่งกองทัพเหลียงโจวปราบปรามการจลาจล สังหารกบฏชั่วร้ายเหล่านั้นให้หมดสิ้น ระหว่างนี้จะมีการแลกเปลี่ยนอย่างไร ยังต้องอาศัยพระราชบุตรเขยหลิวประสานงาน

หากปล่อยให้ฮ่องเต้ลงโทษพระราชบุตรเขยหลิว มันจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไร้ศักยภาพของพวกเขาไม่ใช่หรือ แม้แต่คนเพียงคนเดียวยังปกป้องไม่ได้

บรรดาขุนนางคัดค้านอย่างพร้อมเพรียง

“พระราชบุตรเขยหลิวทำเพื่อส่วนรวม ฝ่าบาทจะทรงลงโทษได้ตามพระทัยได้อย่างไร!

“พระราชบุตรเขยหลิวพูดความจริงทุกประการ กองทัพเหลียงโจวไม่พึงพอใจต่อรางวัลพระราชทาน มันคือความจริง ฝ่าบาททรงไม่สมควรลงโทษพระราชบุตรเขยหลิว!”

“เรื่องสำคัญในเวลานี้คือหาทางแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกองทัพเหลียงโจวและกองทัพโยวโจว ฝ่าบาทโปรดทรงไตร่ตรองให้ถี่ถ้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ตามความเห็นของกระหม่อม พวกเราสมควรเรียกคืนเมืองป๋อไฮ่ เยียนโส่วจ้านมีวาสนาใดที่จะได้ครอบครองเมืองป๋อไฮ่”

“พูดมีเหตุผล! เวลานี้กองทัพเหลียงโจวอยู่โยวโจวพอดี สู้ให้กองทัพเหลียงโจวจัดการเรื่องนี้ดีกว่า”

“ดีมาก!”

บรรดาขุนนางต่างหารือขึ้นมา พวกเขาเริ่มวางแผนกดขี่เยียนโส่วจ้าน เรียกคืนเมืองป๋อไฮ่

พวกเขาต้องการให้ฮ่องเต้กลายเป็นคนกลับกลอกที่หลอกใช้ผู้อื่นเสร็จแล้ว เมื่อหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง

ขุนนางราชสำนัก “…”

อย่างไรฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรก ในเมื่อเชี่ยวชาญแล้ว ทำอีกครั้งย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย!

ฮ่องเต้หัวเราะเสียงเย็น

เขารับปากแล้วหรือ

ขุนนางราชสำนักกลุ่มนี้พูดพล่ามเอาเอง เห็นฮ่องเต้อย่างเขาอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่

อีกอย่าง เรียกคืนเมืองป๋อไฮ่ที่ให้ออกไปแล้วกลับคืนมาทันที มันไม่ใช่เพียงแค่กลับกลอก หากแต่เป็นการเหยียดหยามเยียนโส่วจ้านอย่างร้ายแรง

เยียนโส่วจ้านจะยอมได้หรือ

นอกจากนี้ ให้กองทัพเหลียงโจวจัดการกับกองทัพโยวโจว เมื่อเสร็จแล้วจะจัดการอย่างไรต่อ

หรือจะต้องยอกเมืองป๋อไฮ่ให้กองทัพเหลียงโจว?

ล้อเล่นหรือ!

แม้การมอบเมืองป๋อไฮ่ให้เยียนโส่วจ้านจะเป็นการเดินหมากผิด

แต่การให้กองทัพเหลียงโจวรับมือกับเยียนโส่วจ้านก็เป็นการเดินหมากผิดเช่นเดียวกัน มันเท่ากับการเริ่มต้นประวัติศาสตร์การเข่นฆ่ากันเองของแม่ทัพ

เมื่อถึงเวลานั้น หายนะจากภายนอกยังไม่ทันคลี่คลาย หายนะภายในก็เกิดขึ้นอีก

แม่ทัพเข่นฆ่ากันเอง ความเสียหายของมันย่อมมากกว่าการปะทะระหว่างตระกูลขุนนางกับอำนาจราชวงศ์

การทำสงครามต้องมีคนตาย ต้องสูญเสียเงินและเสบียงจำนวนมาก ต้องมีการยึดครองพื้นที่…

พื้นที่ภายในขอบเขตการทำสงคราม อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตที่สุขสงบแม้แต่วันเดียว

แม่ทัพเข่นฆ่ากันเองเท่ากับการทำลายล้างที่รวดเร็ว โหดร้ายและแม่นยำ

เมื่อเห็นบรรดาขุนนางกำลังถกเถียงอย่างมีอรรถรส ฮ่องเต้หย่งไท่จึงกระแอมไอหลายครั้งเพื่อขัดการถกเถียงของทุกคน

“เรื่องมาถึงเวลานี้แล้ว เรื่องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อยหารือในภายหลัง!”

ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงประกาศเลิกการหารือในทันที เขาไม่ต้องการเสียเวลายืดเยื้อกับบรรดาขุนนางราชสำนัก

ส่วนเรื่องการลงโทษพระราชบุตรเขยหลิวย่อมต้องปล่อยไป

ฮ่องเต้หย่งไท่พักผ่อนสองวันก่อนจะเรียกขุนนางทั้งหลายมาหารือเรื่องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือใหม่อีกครั้ง

ทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ไกลออกไป

เยียนโส่วจ้านกำลังมองพินิจดาบคมเล่มหนึ่งที่ถืออยู่ในมือ

ตู้ซินแสติดตามอยู่ด้านข้าง

“ท่านโหว ท่าทีของราชสำนักกำกวม เกรงว่าจะเปลี่ยนใจ”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะเสียงเย็น “ของที่เข้ามาอยู่ในท้องของข้าแล้วยังคิดจะให้ข้าคายออกมา ขุนนางกลุ่มนั้นกำลังฝันกลางวันหรือ หรือว่าฮ่องเต้จะแก่จนเลอะเลือน จึงมักจะถูกคนจมูกเดิน”

ตู้ซินแสเอ่ยเตือน “กองทัพเหลียงโจว จำเป็นต้องระวัง!”

เยียนโส่วจ้านไม่ปิดบังความโหดเหี้ยมภายในดวงตา “อย่างมากก็สู้กับกองทัพเหลียงโจวสักตั้ง ข้าก็คงไม่แพ้พวกเขา”

ตู้ซินแสพูดพลางครุ่นคิด “หากไม่สู้รบได้ย่อมดีที่สุด! พวกเรากับกองทัพเหลียงโจวไม่มีความแค้นต่อกัน สุดท้ายแล้วความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นเพราะความอยุติธรรมของราชสำนัก กองทัพเหลียงโจวไม่ควรหาเรื่องพวกเรา หากแต่ควรหาเรื่องราชสำนัก”

“กองทัพเหลียงโจวจะฟังหรือ พวกเขาคิดว่าข้ายึดรางวัลของพวกเขาไป แต่ละคนตาแดงก่ำเรียกให้ข้าคายออกมา พูดจาเหลวไหล เจ้าไปบอกหลิวเหล่าต้า หากเขาไม่ยอมดูแลทหารภายใต้เขาให้ดี อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ พรุ่งนี้ข้าจะขับไล่พวกเขาออกจาโยวโจว ทำให้พวกเขาไปไกลได้เท่าใดก็เท่านั้น”

เยียนโส่วจ้านก็ร้อนใจอย่างมาก

เหลวไหลสิ้นดี!

ในพื้นที่ของเขามีกองทัพเหลียงโจวนับหมื่นปักหลักอยู่ทำให้เขายากที่จะนอนหลับ

หากพวกเขาไม่ได้เป็นแม่ทัพของราชวงศ์ต้าเว้ยทั้งคู่ เขาคงจะฉีกหน้าไปนานแล้ว

แต่ละคนบังอาจมาเหิมเกริมในพื้นที่ของเขา วันอื่นเขาจะทำให้กองทัพเหลียงโจวรู้ถึงความสามารถของเขา

เขาสั่งตู้ซินแส “เจ้าไปเจรจากับหลิวเหล่าต้า พยายามถ่วงเวลา ให้เขาคิดว่าข้าไม่อยากเกิดการปะทะกับเขา อย่างไรคือต้องหลอกลวงเขา”

ตู้ซินแสอกสั่นขวัญแขวน ถามอย่างระมัดระวัง “ท่านโหวคิดจะทำอย่างไร”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ข้าจะทำให้กองทัพเหลียงโจวได้เห็นดี ไม่กล้าหาเรื่องราชสำนัก จึงมาหาเรื่องข้า คิดว่าข้ารังแกง่ายหรือ ข้าจะทำให้คนแซ่หลิวได้รู้ว่าพื้นที่โยวโจว พวกเขาจะมาเหิมเกริมไม่ได้”

เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว วัวเก้าตัวก็ฉุดไม่กลับ

ตู้ซินแสโน้มน้าวไม่ได้ ทำได้เพียงช่วยปกปิดข้อบกพร่อง พยายามจู่โจมให้ถูกจุดในคราวเดียว

ในเช้าตรู่วันที่อากาศสดใส กองทัพโยวโจวจะใช้เหตุผลว่าทหารหายตัว ควบคุมกองทัพเหลียงโจวนับร้อยเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยตัว

หลิวเหล่าต้าหรือพี่ชายคนโตของพระราชบุตรเขยหลิวผู้เป็นแม่ทัพหลักในครั้งนี้ของกองทัพเหลียงโจว เขาออกหน้าเจรจากับเยียนโส่วจ้านด้วยตนเอง

แม้ภายนอกของเยียนโส่วจ้านหัวเราะ แต่ภายในใจของเขากำลังก่นด่า!

ทั้งสองฝ่ายดำเนินการเจรจาอย่างสันติ สุดท้ายก็ไม่มีผลสรุปแม้แต่น้อย

ระหว่างการเจรจา กองทัพโยวโจวหาข้ออ้างต่างๆ เพื่อกักตัวกองทัพเหลียงโจวอีกนับร้อย

สองครั้งรวมกันนับพันคน

ในเวลาเดียวกัน พวกเขายังปิดทาง ตัดน้ำ ตัดเสบียง…

ทำให้กองทัพเหลียงโจวออกจากค่ายทหารไม่ได้ ซื้ออาหารไม่ได้ ดื่มน้ำที่สะอาดไม่ได้

มันคือข้อดีของเจ้าของพื้นที่

พื้นที่ของเยียนโส่วจ้าน เยียนโส่วจ้านเป็นคนตัดสินใจ เขามีพลังในการควบคุมอย่างเด็ดขาด

สำนักราชการในพื้นที่โยวโจวล้วนต้องให้ความร่วมมือกับแผนการของเยียนโส่วจ้าน

ผู้ใดกล้าส่งอาหารให้กองทัพเหลียงโจวลับหลังย่อมเปรียบเสมือเป็นศัตรูกับเขา เยียนโส่วจ้าน

หลิวเหล่าต้าโกรธมาก!

ในฐานะชายหนุ่มเลือดร้อนของเหลียงโจว เขาจะยอมให้เยียนโส่วจ้านเหิมเกริมเช่นนี้ได้อย่างไร!

แต่ในฐานะแม่ทัพที่มีความกล้าหาญและมีแผนการ เขาจะทำบุ่มบ่ามไม่ได้

เขายอมแพ้!

“ท่านโหวฝีมือดี! วันพรุ่งนี้ข้าจะถอนกองทัพออกจากพื้นที่โยวโจว นับจากนี้ต่อไปพวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน เวลานี้ท่านโหวควรปล่อยคนของข้าได้แล้วหรือไม่”

“ฮ่าๆ…”

เยียนโส่วจ้านเปล่งเสียงหัวเราะ พลันตบไหล่ของหลิวเหล่าต้า “หลานเอ๋ย ตระกูลของพวกเราก็ถือเป็นเครือญาติกัน ในเมื่อเป็นญาติกัน เจ้ามาเป็นแขกในพื้นที่ของข้า กินของข้าดื่มของข้าก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ข้าต้องทำหน้าที่เจ้าถิ่นที่ดี รับรองพวกเจ้าให้ดี ยังไม่ทันได้กินดื่มจนพอใจ เหตุใดจึงรีบร้อนที่จะไป สู้อยู่ต่ออีกหลายวัน รอพระราชโองการของราชสำนักก่อนค่อยไป”

“รบกวนท่านโหวมานานแล้ว ข้าจะกล้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร ท่านพ่อก็ส่งจดหมายมาเร่งเร้าให้ข้าพาทหารในมือรีบถอยกลับไป น้ำใจของท่านโหว ข้าน้อยรับเอาไว้ด้วยใจแล้ว! หากท่านโหวมีโอกาสไปเยือนเหลียงโจว ข้าน้อยจะรับรองอย่างดี ให้ท่านโหวรู้สึกเหมือนอยู่ในพื้นที่ของตนอง คนเหลียงโจวตรงไปตรงมา ท่านโหววางใจ พวกข้าไม่มีทางกักขังแขก”

หลิวเหล่าต้าหัวเราะ

แต่ภายในใจกัดฟันกรอด เขาจะยอมทนความไม่เป็นธรรมครั้งนี้ไปก่อน

ต่อไปเขาจะให้อีกฝ่ายชำระคืนเป็นสิบเท่า!

ส่วนเยียนโส่วจ้าน ปล่อยให้เขายโสโอหังไปก่อน

เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “หลานช่างล้อเล่นเก่งเสียงจริง ข้าก็บอกแล้ว ไม่มีผู้ใดกักขังคนของเจ้า ในนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด มาๆ ดื่มสุรา! หลานวางใจ สุรานี้ไม่มีพิษ! ฮ่าๆ…”

เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

กองทัพเหลียงโจวจะเก่งอย่างไร อยู่บนพื้นที่ของเขา แม้แต่มังกรก็ต้องขดตัว แม้แต่เสือก็ต้องหมอบตัว

กล้ามาเหิมเกริมในพื้นที่ เขาจะทำให้อีกฝ่ายคุกเข่าเรียกเขาว่าท่านปู่อยู่บนพื้น

หลังจากการยืดเยื้อ เยียนโส่วจ้านใช้ข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ได้มาซึ่งชัยชนะ

ส่วนหลิวเหล่าต้าก็นำผู้ใต้บังคับบัญชาออกจากพื้นที่ของโยวโจวไป

ทันทีที่ออกจากพื้นที่โยวโจว หลิวเหล่าต้าจับเชือกบังเหียนหันกลับมายิ้มเย็นยะเยือก “สักวันข้าจะนำกองกำลังมาเหยียบตระกูลเยียนให้ราบเป็นหน้ากลอง!”

“ท่านแม่ทัพสามารถ!”

เครือญาติหรือไม่ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล!

พื้นที่สำคัญ ประชากรสำคัญ ส่วยสำคัญ เสบียงสำคัญ กองทัพสำคัญ…มีเพียงเครือญาติที่ไม่สำคัญ

ตระกูลหลิวเป็นตระกูลแม่ทัพ ยอมรับเพียงความดีความชอบและกำลัง เรื่องอื่นล้วนเป็นเรื่องรอง

เรื่องที่เกิดขึ้นในโยวโจวถูกส่งไปยังเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

เมื่อฮ่องเต้หย่งไท่ทรงรับรู้ว่ากองทัพเหลียงโจวถอยออกจากพื้นที่โยวโจว เขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

เรื่องนี้ถือว่าจัดการแล้วหรือไม่

ขุนนางราชสำนักหัวเราะ

ฝ่าบาท พระองค์ทรงไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

กองทัพเหลียงโจวเสียเปรียบเช่นนี้ จะยอมได้อย่างไร

เวลานี้ พวกเขาไม่มีทางหาเรื่องเยียนโส่วจ้าน

แต่พวกเขาจะหาเรื่องราชสำนักแน่นอน

เป็นไปอย่างที่คิด…

ไม่นานนัก ฮ่องเต้ก็ได้รับฏีกาจากอวี้สื่อเหลียงโจว

เนื่องจากท่าทีของราชสำนักไม่ยอมส่งรางวัลมาเสียที อวี้สื่อเหลียงโจวลงมือก่อนทูลรายงานทีหลัง เขายึดส่วยหลายสิบเมืองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทางการทหาร

ฮ่องเต้หย่งไท่กระอักเลือดทันที!

“เหิมเกริม! บังอาจ! ตระกูลหลิวคิดจะก่อกบฏหรือ บังอาจยึดส่วยของราชสำนักมาเป็นค่าใช้จ่ายทางการทหารเอง ผู้ใดให้อำนาจเขา ผู้ใดให้เขาทำเช่นนี้ ผู้ใดก็ได้ จับพระราชบุตรเขยหลิวเอาไว้ สอบสวนอย่างเข้มงวด!”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

ซุนปังเหนียนรีบเกลี้ยกล่อม ก่อนจะแอบสั่งให้บุตรชายบุญธรรมไปเชิญขุนนางราชสำนักมา

เวลานี้มีเพียงขุนนางราชสำนักที่สามารถเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้ได้

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องหารือระยะยาว อย่าได้รีบร้อนเด็ดขาด!”

ความหมายก็คือ จะรับสั่งจับพระราชบุตรเขยหลิวทันทีที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเกิดเรื่อง

หากเป็นเช่นนี้ ระวังตระกูลหลิวจะเกิดใจกบฏจริง

กองทัพเหลียงโจวเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด ยกเว้นกองทัพเหนือ พวกเขาเฝ้าระวังชายแดนของราชวงศ์ต้าเว้ย จะเกิดปัญหาไม่ได้เด็ดขาด

บนที่ราบ ไม่มีซีหยงแล้ว ก็ยังจะมีเป่ยหยง ตงหยง มีชนเผ่าอีกมากมาย…

ชายแดนไม่มีทางสงบลงเพราะการล่มสลายของราชวงศ์ซีหยง

หากแต่จะวุ่นวายและอันตรายยิ่งขึ้น

ชนเผ่าบนที่ราบที่มากยิ่งขึ้นรวมตัวอยู่ด้วยกัน วางแผนจะเดินทางลงใต้เพื่อหาหนทางรอด

เวลานี้จับพระราชบุตรเขยหลิวเอาไว้ย่อมเป็นการเดินหมากที่ผิด

เพื่อหยุดยั้งฮ่องเต้หย่งไท่ เพื่อถ่วงเวลา ซุนปังเหนียนร้องห่มร้องไห้ เกลี้ยกล่อมด้วยใจจริง

ฮ่องเต้หย่งไท่โกรธจนยกเท้าถีบ

“ไพร่ชั้นต่ำ ผู้ใดให้ความกล้าเจ้ามาขัดขวางข้า ผู้ใดก็ได้…”

ในช่วงเวลาที่สำคัญ ในที่สุดบรรดาขุนนางก็เดินทางมาถึง ช่วยชีวิตซุนปังเหนียนเอาไว้

เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้จะลงโทษพระราชบุตรเขยหลิวอีกครั้ง บรรดาขุนนางราชสำนักก็โกรธจนแทบกระอักเลือด

เหตุใดฮ่องเต้จึงนับวันยิ่งอารมณ์ร้อนขึ้น ยิ่งแก่ยิ่งไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อม ยิ่งยืนกรานในความเห็นของตัวเอง

หรือมันคือที่ผู้คนมักพูดว่ายิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน?