ฉู่หมิงชุ่ยเดินเข้ามานั่งข้างๆ เขาช้าๆ พลันดึงมือเขามากุมที่ท้องตัวเอง แล้วพูดขึ้น: “นี่คือลูกของเราเพคะ เป็นฮ่องเต้ของเรา”
อ๋องฉีตกใจทันที พลางดึงมือออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องหน้านาง
ฉู่หมิงชุ่ยมองหน้าเขา แล้วถามขึ้นเสียงแข็ง: “ท่านกลัวอะไร?”
อ๋องฉีตกใจมากจริงๆ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ฉู่หมิงชุ่ยมีความคิดอย่างนี้
ตอนนี้เขาเป็นองค์ชาย ถึงแม้ว่าเขาจะได้ลูกชาย มากสุดก็เป็นได้แค่รัฐทายาท
“ชุ่ยเอ๋อ อย่าพูดซี้ซั้ว!” อ๋องฉีเหมือนถูกไฟลนที่มือ พลันหันข้างแล้วนอนลงไป โดยไม่สนใจบาดแผลตรงหัวไหล่ที่โดนกดเลย
ฉู่หมิงชุ่ยแทบอยากจะเอาฝ่ามือตีลงไป
นางนั่งตาลอย เพราะไม่นึกเลยว่าตัวเองจะเลือกคนโง่อย่างเขา
ผ่านไปสักพักนางถึงฉีกยิ้มออกมา “เสด็จปู่เคยพูดกับข้าก่อนหน้านี้ว่า จะสนับสนุนท่านให้เป็นองค์รัชทายาท เสด็จปู่จึงสั่งให้ข้าทดสอบท่าน เมื่อครู่ก็คือการทดสอบ”
อ๋องฉีค่อยๆ หันกลับมา “ทดสอบ?”
“ใช่ เสด็จปู่อยากทราบว่าท่านมีความคิดเรื่องนี้หรือไม่ มีความกล้าที่จะทำและเป็นผู้นำหรือไม่” ฉู่หมิงชุ่ยพูดด้วยนำเสียงเยือกเย็น
อ๋องฉีนิ่งไป “โส่วฝู่ฉู่คิดมากไปแล้ว เสด็จพ่อมีอายุยืนแน่นอน อีกอย่างเสด็จพ่อเองก็ยังอายุไม่มาก ไม่จำเป็นจะต้องรีบแต่งตั้ง”
ฉู่หมิงชุ่ยหัวเราะในใจ ไม่รีบแต่งตั้งงั้นหรือ?ตอนนี้ทุกคนต่างจับจ้องตำแหน่งรัชทายาท ขนาดพวกปัญญาชนหรือขุนนางต่างก็เริ่มตีสนิทและใกล้ชิดอ๋องกันแล้ว
ขนาดอ๋องซุนเอง ตอนนี้ก็ได้เริ่มวางแผนการแล้ว
เขายังจะบอกว่าไม่รีบอีกหรือ?ช่างซื่อบื้ออะไรขนาดนี้
หัวใจของฉู่หมิงชุ่ย เริ่มเย็นขึ้น
นางลุกขึ้น แล้วพูดเสียงเรียบ: “ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าขอตัวก่อน”
นางค่อยๆ เดินออกไป อ๋องฉีร้องเรียกนางด้วยเสียงหวาดกลัว “ชุ่ยเอ๋อ!”
นางหันกลับมามองเขาทันที
อ๋องฉีรู้สึกลำบากใจมาก และกลั้นใจพูดขึ้น: “ชุด…..ชุดของเจ้า ตอนนี้เปื้อนรอบเดือนแล้ว”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดเสียงนิ่ง: “อย่างนั้นหรือ?งั้นข้าจะไปเปลี่ยนชุด”
พูดจบ นางก็เดินไปที่ตู้ด้านข้างเตียงเพื่อหยิบชุด แล้วเปลี่ยนด้านหลังฉากกั้น
นางไม่ได้รู้สึกตกใจหรือกังวลใจเลยสักนิด
อ๋องฉีอึ้งจนพูดขึ้น “วันนี้เจ้าส่งคนไปกราบทูลฝ่าบาทแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ได้ตั้งครรภ์ เราจะอธิบายกันอย่างไรดี?”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มีใครรู้บ้างว่ารอบเดือนข้ามา?ยังไงซะคนในวังก็ไม่มีทางเปิดขาข้าดูไม่ใช่หรือ?” ฉู่หมิงชุ่ยพูดเสียงแข็ง
อ๋องแทบแทบจะไม่เชื่อว่าจะได้ยินคำนั้นออกมาจากปากของนาง เขาเบิกตากว้าง พร้อมกับอ้าปากค้างจนแทบจะยัดไข่เป็ดเข้าได้
ฉู่หมิงชุ่ยไม่ได้หยุดเดิน เพียงแค่หมุนตัวแล้วเดินออกไป
อ๋องฉีนอนตัวอ่อนระทวยอยู่บนเตียง มือเท้าเย็นเฉียบ
ทำไมนางถึงเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้?
หลังจากที่ออกมา ฉู่หมิงชุ่ยก็มีสีหน้าไม่พอใจ พลางเดินไปที่ห้องรับรอง
“ไปเตรียมตัว ข้าจะกลับบ้าน” นางหันไปกำชับนางกำนัล
“เพคะ!” นางกำนัลออกไป พลางสั่งคนเตรียมรถม้า
ฉู่หมิงชุ่ยรู้ดีว่าเมื่อครู่ไม่ควรทำแบบนั้น แต่นางทนไม่ไหวจริงๆ
นางไม่อยากจะเกลี้ยกล่อมเขา ชักนำเขาแบบนี้ ถ้าหากว่ามันได้ผล นางเองก็ไม่ว่า
แต่ว่าเขาเป็นเพียงคนโง่เขลาคนหนึ่ง
นางไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถทนต่อไปได้หรือไม่
นางรู้สึกเสียใจจริงๆ ทำไมตอนนั้นถึงได้เลือกเขา
ตอนนี้ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับพี่เห้ามาก ไท่ซ่างหวงเองก็หายป่วยแล้ว ตอนนี้โอกาสของเขาจึงมีมากที่สุด
พอกลับมาถึงบ้าน นางก็ไปอยู่กับเสด็จย่า หลังจากที่เสด็จย่าเสียงหายไปก็ป่วยมาโดยตลอด
นางรอ รอจนถึงโสว่ฝู่ฉู่กลับมาตอนค่ำ
โสว่ฝู่ฉู่เห็นนาง จึงพูดขึ้นเสียงแข็ง: “พระชายาเชิญตามข้ามาที่ห้องตำรา”
ฉู่หมิงชุ่ยตอบรับทีหนึ่ง : “ได้!”
พอเข้ามาในห้อง โส่วฝู่ฉู่ก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วพาดบนชั้น เขาสวมใส่ชุดไหมสีดำ มองแล้วรู้สึกบารมีสูงส่งและสุขุมมาก
เขานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ พร้อมกับใช้สายตามองฉู่หมิงชุ่ย “เรื่องอ๋องฉีถูกลอบทำร้าย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
แน่นอนว่าฉู่หมิงชุ่ยไม่กล้าปิดบัง พลันพูดขึ้น: “เป็นฝีมือของหลานเอง”
โส่วฝู่ฉู่พูดเสียงแข็ง: “ตอนนี้เจ้าดูทำอะไรโดยพลการแล้วนะ”
“หลานเองก็ไม่มีทางเลือก จึงคิดออกเพียงเท่านี้ ถึงสามารถเบี่ยงเบนทุกคนได้ และให้ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของคนนอก ที่ต้องการจะจัดการจวนอ๋องฉี” ฉู่หมิงชุ่ยพูดเสียงน่าสงสาร
“แล้วแผนของเจ้าสำเร็จหรือไม่?เจ้าปิดบังอ๋องฉู่ได้หรือไม่?” โสว่ฝู่ฉู่พูดเสียงเยือกเย็น
ฉู่หมิงชุ่ยแสดงความเจ็บปวดออกมาทันที พร้อมทั้งหายใจติดขัด “เขา……หลานไม่คิดว่าเขาจะตัดเยื่อใยง่ายขนาดนี้”
โส่วฝู่ฉู่แสยะยิ้ม “เจ้าคิดว่าอ๋องฉู่โง่หรือ?หลังจากที่พวกเจ้าอภิเษกแล้ว เขาเองก็น่าจะมองออก บุตรชายของฝ่าบาทนั้น คนที่ฉลาดที่สุดก็คืออ๋องฉู่ สำหรับแผนการอ่อนๆ ของเจ้า คิดหรือว่าจะปิดบังเขาได้?ช่างไม่มีความคิดจริงๆ !”
ฉู่หมิงชุ่ยคุกเข่าลง แล้วพูดเสียงปวดใจ : “เสด็จปู่ ข้ารู้สึกเสียใจ ตอนนั้นข้าไม่ควรเลือกอ๋องฉู่ ข้าขอร้องท่านช่วยข้าหน่อยนะ”
โสว่ฝู่ฉู่หยิบบุหรี่ขึ้นมา แล้วเติมยาเส้นเข้าไป พลางพูดเสียงนิ่ง: “วันนี้ ตอนที่อยู่ในห้องทรงพระอักษร ฝ่าบาทมาแสดงความยินดีกับข้า”
ฉู่หมิงชุ่ยหลบสายตา โดยไม่พูดอะไร
“เจ้าตั้งครรภ์จริงหรือ?” โสว่ฝู่ฉู่จุดบุหรี่ พลางดูดเข้าหนึ่งครั้ง แล้วจึงค่อยๆ พ่นควันออกมา และยิ่งทำให้สีหน้าเขาดูนิ่งขึ้นไปอีก
ฉู่หมิงชุ่ยไสหัว พูดด้วยเสียงเบา: “เปล่า”
“เพราะฉะนั้น ได้วางแผนอะไรหรือไม่!” โส่วฝู่ฉู่เหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้มีความโกรธแค้นใดๆ
ฉู่หมิงชุ่ยพูดขึ้นมาด้วยสายตาโกรธแค้น: “หลานได้วางแผนไว้นานแล้ว รอให้ถึงวันงานเลี้ยงในจวนที่จะถึงนี้ เพื่อจะได้ชวนคนในราชวงศ์และตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงมาร่วมงาน และก็ใช้โอกาสนี้เชิญหยวนชิงหลิงมาด้วย พอถึงตอนนั้น หลานก็จะหาทางทำให้นางเป็นคนที่ทำร้ายหลานจนแท้งและเสียชื่อเสียง”
โส่วฝู่ฉู่หัวเราะทันที “ดีจริง วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เรื่องนี้ข้าไม่มีทางทำห่านผิดหวังแน่นอน” ฉู่หมิงชุ่ยพูด
โสว่ฝู่ฉู่พยักหน้า “ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ รอสองสามวัน ไทเฮาก็จะส่งหมอหลวงออกมาตรวจชีพจรให้เจ้า เจ้าได้คิดหาทางไว้แล้วหรือยัง?”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดเสียงเบา: “ถึงตอนนั้น อย่างมากก็ยัดเงินให้มากๆ ก็พอแล้ว”
โสว่ฝู่ฉู่สายตาเปลี่ยนไปทันที “ดังนั้น เจ้าคิดว่าเรื่องในราชวงศ์นั้น แค่ให้เงินมากหน่อยก็สามารถจัดการทุกอย่างได้งั้นหรือ?”
ฉู่หมิงชุ่ยอึ้งทันที “หมองหลวงในวัง เงินเดือนไม่มาก ใครจะไม่ชอบเงินบ้างละ?”
“ใช่ ใครก็ชอบเงิน แต่ใครก็คงไม่ม่ทางยอมให้หัวตัวเองหลุดจากบ่า ในเมื่อพระชายาคิดว่าตัวเองสามารถจัดการได้ อย่างนั้นก็ทำตามแผนที่เจ้าวางไว้เถอะ” โสว่ฝู่ฉู่ดูไม่อยากจะพูดอะไรกับนางต่อแล้ว
ฉู่หมิงชุ่ยรีบเงยหน้าขึ้นมา “เสด็จปู่ งั้นเรื่องนี้ ควรจัดการอย่างไร?หลานโง่เขลา เบาปัญญา ข้าขอให้เสด็จปู่ช่วยสั่งสอนแนะนำที”
“ไม่ ไม่ เจ้าฉลาดมาก ทุกเรื่องก็สามารถจัดการด้วยตัวเอง ขนาดวางแผนฆ่าสวามีตัวเองเจ้ายังทำได้ เจ้ามีความใจแข็งมาก”
ฉู่หมิงชุ่ยเริ่มลนทันที “เสด็จปู่ ท่านโมโหข้าหรือ?ข้าสำนึกแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปจะทำตามคำสั่งที่ทานสั่งอย่างเดียว”
ในที่สุดโส่วฝู่ฉู่ถึงได้พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้น: “ดี ในเมื่อเจ้ารู้สำนึกแล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็เข้าวังเพื่อไปขอรับโทษ แล้วรับผิดชอบเรื่องประตูเมือง แบกรับความผิดคนเดียว แล้วก็กราบทูลเรื่องการเข้าใจผิดที่ตัวเองตั้งครรภ์ด้วย”
ฉู่หมิงชุ่ยทำหน้าตกใจ “เสด็จปู่ ทำไมถึงต้องพูดขนาดนี้?แบบนี้ท่านจะฆ่าหลานได้นะ”
โสว่ฝู่ฉู่จึงพูดขึ้น: “ถ้าหากว่าพระชายาฉู่รอด เจ้าเองก็จะรอด เรื่องถึงขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ฝ่าบาทได้ตัดสินใจจัดการกับเจ้าแล้ว ถ้าหากว่าเจ้าเข้าไปรับโทษเอง อาจจะได้รับโทษเบาหน่อย ไม่อย่างนั้น ข้าว่าตำแหน่งชายาอ๋องฉีของเจ้าก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้”