บทที่ 236 ไม่กินองุ่นก็เป็นความผิด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 236 ไม่กินองุ่นก็เป็นความผิด

ยามพระอาทิตย์ตกดิน โรงเตี๊ยมหยิงไหล

โรงเตี๊ยมหยิงไหลที่อยู่นอกเมือง ข้างๆถนน เป็นโรมเตี๊ยมขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่แห่งหนึ่ง ตกแต่งอย่างธรรมดา แต่การจัดวางห้องด้านใน ไม่ได้ด้อยไปกว่าโรงเตี๊ยมขนาดกลางในเมืองหลวงเลย

แม้ว่าจะอยู่ในที่ห่างไกลความเจริญ แต่ธุรกิจดีมาก

ลูกค้าเต็มแทบจะทุกวัน

แต่วันนี้กลับไม่มีลูกค้าสักคน

หลานเยาเยารู้ว่า นี่เป็นการจัดเตรียมการเป็นพิเศษของหานแส เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นรับรู้ถึงร่องรอยเบาะแสของนางก่อน

ซึ่งนางพอใจมาก!

อาบน้ำอาบท่าอย่างสบาย คลายความเหนื่อยล้าของสิบกว่าวันที่ผ่านมานี้ออกไป

หลานเยาเยาอยู่ในห้องชั้นดี ปกคลุมด้วยผมที่เปียกปอน มือถือตระกร้าองุ่นไว้ กินอย่างเอร็ดอร่อย บนโต๊ะยังมีของอร่อยอีกมากมายเป็นกอง

นางตอนนี้ก็คือ……กินในถ้วยตามองในหม้อ

แม้นาทีเดียวก็ไม่ได้ละสายตาไปจากอาหารเลิศรสบนโต๊ะไปเลย

ขณะที่กำลังกินเมามัน ก็ได้ยินเสียงดังเอะอะแว่วมาจากด้านนอกของโรงเตี๊ยม

อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ใครกล้ารบกวนตอนนางกำลังกินอาหาร…….

พุ้ย!

เป็นใครกันที่กล้ารบกวนตอนนางกำลังเสพสุขอยู่กับอาหารรสเลิศ? ไม่อยากมีชีวิตหรือไง?

ด้วยเหตุนี้!

นางจัดระเบียบเสื้อผ้า ถือตะกร้าแล้วเดินออกไป

ด้านนอกโรงเตี๊ยมมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งกำลังคิดจะก้าวเท้าเข้าโรงเตี๊ยม แต่กลับถูกเจ้าของโรงเตี๊ยมปฏิเสธให้ออกไป

แต่พวกเขากลับไม่ยอมจากไป

“เถ้าแก่ ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดค่ำแล้ว ประตูเมืองก็ปิดแล้ว จะเข้าเมืองก็ไม่ได้แล้ว ภรรยาของข้าตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถกินกลางดงนอนตากลมกลางป่าได้!

พวกข้ายอมเพิ่มเหรียญเงินให้ เพิ่มกี่เท่าก็ได้ หวังว่าเถ้าแก่ท่านจะเห็นใจสักนิด ให้พวกเราพักสักคืน พรุ่งนี้เช้าพวกเราก็จะจากไป จะไม่ไปชนเข้ากับลูกค้าคนสำคัญในร้านอย่างแน่นอน”

ชายวัยกลางคนมองภรรยาตัวเองอย่างเอ็นดู คุยกับเถ้าแก่ด้วยความกังวลใจ

แต่ทว่า!

สีหน้าของเถ้าแก่เต็มไปด้วยความลำบากใจ……

เขาอธิบายอย่างใจเย็นด้วยความหวังดี :

“ลูกค้า ขอโทษจริงๆ ที่โรงเตี๊ยมนี้มีลูกค้าพิเศษเหมาไว้แล้วจริงๆ

พวกเรายึดมั่นเรื่องความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐาน ไม่สามารถให้พวกท่านเข้ามาพักที่นี่ได้จริงๆ มิเช่นนั้นรบกวนลูกค้าพิเศษเข้า โรงเตี๊ยมของพวกเราก็จะกลายเป็นไม่รักษาคำพูดไม่น่าเชื่อถือ

หากว่าลูกค้าคนพิเศษเกิดไม่พอใจขึ้นมา ทำลายโรงเตี๊ยมของพวกเราแล้วจะทำเช่นไรเล่า?”

เถ้าแก่พูดจาเป็นเหตุเป็นผลมาก

แต่ทว่า!

สามีภรรยาคู่นั้นตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมจากไป

ดูท่าแล้วการเพิ่มเหรียญเงินให้เป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ พวกเขาก็หาวิธีอื่นอีก

“เถ้าแก่ เช่นนี้สิ! ห้องเก็บฟืน พวกข้าอยู่ห้องเก็บฟืนได้หรือไม่? ข้าทนเห็นได้ไม่จริงๆ ที่ภรรยาและลูกที่ยังไม่ออกมาดูโลกจะต้องรับกับแรงกระแทกอีก”

“นี่……”

คราวนี้เถ้าแก่เกิดความลังเลแล้ว

พูดตามเหตุผล อยู่ที่ห้องเก็บฟืนน่าจะไม่มีปัญหา

เพียงแต่……

เบื้องบนบอกไว้อย่างชัดเจนแล้ว หลังจากคืนนี้ลูกค้าคนพิเศษเหมาโรงเตี๊ยมแล้ว ก็ห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามาอยู่เด็ดขาด

คิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า เถ้าแก่ก็ยังคงส่ายหัว

แต่!

เหมือนว่าชายวัยกลางคนจะเห็นถึงความลังเลของเถ้าแก่ ก็รีบเอาเหรียญเงินก้อนหนึ่งยัดใส่มือเถ้าแก่

“พวกข้าอยู่แค่ในห้องเก็บฟืน ข้าเพียงแค่อยากให้ภรรยามีที่หลบฝน ขอร้องเถ้าแก่ให้ความสะดวกด้วย พวกข้ารับรองว่าจะไม่ว่าเพ่นพ่าน ไม่เช่นนั้นลูกค้าคนพิเศษจะเห็นเอา”

“ไม่ได้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ”

ครั้งนี้แม้ว่าเถ้าแก่จะบอกว่าไม่ได้ แต่มือได้รับก้อนเหรียญเงินนั้นมาแล้ว

ด้วยเหตุนี้!

ชายวัยกลางคนก็เข้าใจได้ทันที ก็ยัดเหรียญเงินอีกหนึ่งก้อนให้ เถ้าแก่จึงได้โล่งใจ

“งั้น……ได้ได้ได้ พวกท่านอยู่ห้องเก็บฟืน จำไว้ว่าหลังจากที่เข้าไปแล้วก็ห้ามออกมาอีก เพื่อเลี่ยงการรบกวนลูกค้าคนพิเศษ”

“แน่นอนแน่นอน ขอบใจเจ้าของเจ้ามาก!”

เถ้าแก่ชั่งน้ำหนักเหรียญเงินด้วยมือเปล่า พูดกับพนักงานด้วยเสียงเบาๆให้นำพวกเขาไปห้องเก็บฟืน ชายวัยกลางคนพยุงภรรยาที่ตั้งท้องของเขาเดินตามหลังพนักงานร้าน

“ช้าก่อน!”

เสียงที่ดังทะลุออกมาจากทางด้านหลัง

ทำให้ฝีเท้าของทุกคนชะงักลง จากนั้นก็หันหลังกลับไปอย่างต่างคนต่างความคิด

จื่อเฟิงที่ยืนอยู่ตรงบันไดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มองดูพวกเขาครู่หนึ่ง

เถ้าแก่ที่ยังไม่ทันได้เดินจากไปก็เริ่มรู้สึกใจสั่น รีบยิ้มรับ

“นายท่านท่านนี้ พวกเขาทั้งสองคนเป็นญาติที่บ้านข้า เดินทางมาอยู่กับข้า พวกเขานอนแค่เพียงที่ห้องเก็บฟืน ไม่รบกวนการพักผ่อนของคุณหนูเป็นแน่”

เห็นดังนั้น!

ชายวัยกลางคนก็รีบพูดเสริม :

“ใช่แล้ว! พวกเราจะอยู่ที่ห้องเก็บฟืนคืนหนึ่ง จะไม่รบกวนพวกท่านทุกคนอย่างเด็ดขาด พรุ่งนี้พอตะวันขึ้นก็จะจากไป หวังว่านายท่านท่านนี้จะผ่อนปรนให้……”

“ชิ้ง……”

ชายวัยกลางคนยังไม่ทันจะพูดจบ จื่อเฟิงก็ชักดาบที่เอวออกมา เล็งไปที่ชายวัยกลางคน แล้วพูดเพียงสองคำ

“ออกไป!”

บรรยากาศเริ่มเย็นยะเยือก

เถ้าแก่ไม่กล้าหายใจแรงออกมา และก็ไม่กล้าที่จะพูดช่วยสามีภรรยาวัยกลางคนอีก เพียงแค่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เกรงกลัว

ไม่มีวิธีอื่น ชายวัยกลางคนจึงทำได้เพียงพาภรรยาของตัวเองจากไป

ออกไปจากประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยม ก็รีบขึ้นรถม้า

ในรถม้า ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นภรรยาของชายวัยกลางคน เอามือล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งออกมา เห็นได้ชัดว่าท้องได้หายไปทันที

“เข้าไปในโรงเตี๊ยมไม่ได้ พวกเราจะลงมือได้เช่นไร?”

“ออกไปจากโรงเตี๊ยมก่อน ให้ค่ำกว่านี้ค่อยบุกเข้าไปฆ่า”

รถม้าที่หยุดอยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยม จากไปอย่างรวดเร็ว หลานเยาเยาที่อยู่ด้านข้างระเบียง กินของไปด้วย แล้วก็มองดูส่งพวกเขาจากไปด้วยสายตา

เวลานี้!

จื่อซีเดินเข้ามา

“คุณหนู ได้จัดการกลอุบายบนรถม้าของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว คืนนี้สามารถนอนอย่างสงบสุขได้แล้วขอรับ”

หลานเยาเยาพยักหน้า มุมปากยกขึ้น

จากนั้นก็เอาตะกร้าส่งไปด้านหน้าของเขา : “ลำบากแล้ว มา มอบรางวัลเป็นองุ่นให้เจ้าเม็ดหนึ่ง”

นางเลือกในตะกร้าเลือกไปเลือกมา สุดท้ายนางก็เลือกองุ่นเม็ดที่นางคิดว่าน่าจะอร่อยที่สุดเม็ดหนึ่ง ยื่นให้จื่อซี

จื่อซีรีบโบกมือ

“ไม่ต้องขอรับคุณหนู นี่คือสิ่งที่ข้าน้อยควรทำ” อย่าคิดว่าเขาจะไม่เห็น หลานเยาเยาเลือกไปเลือกมา เลือกองุ่นเม็ดที่เล็กที่สุด

เฮ้อ!

คุณหนูของพวกเขาท่านนี้ช่างแปลกประหลาดแท้ๆ

บางครั้งก็งกแทบตาย บางครั้งก็ใจกว้างทำให้คนตะลึงจนขากรรไกรหลุด

ก็เหมือนคราวนี้ องุ่นเม็ดนี้ในวันนี้

หากว่าเขากินแล้ว เวลาจ่ายเงินเดือน จะต้องชดใช้ด้วยไก่ย่างตัวหนึ่ง

แต่ว่า!

ตอนนี้หากเขากินอาหารอันโอชะที่โรงเตี๊ยม เพียงแค่คุณหนูไม่เห็นเข้า เวลาจะจ่ายเหรียญเงิน นางก็จะไม่กะพริบตาแม้สักนิด

แต่หากว่ากินของดีๆต่อหน้านาง นางจะต้องเจ็บปวดรวดร้าวกล่าวว่าเขาเป็นพวกผู้หญิงใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเป็นแน่

“เจ้าไม่กินจริงๆหรือ?”

หลานเยาเยาไม่เข้าใจ

องุ่นอร่อยขนาดนี้ นางตัดใจแบ่งให้ เขากลับไม่เอา

เข้าใจยากจริงๆเลย!

เห้อ ถึงเวลาจ่ายเงินเดือนอดไก่ย่างไปอีกตัวแล้ว!

“ไม่กินขอรับ” ตีให้ตายก็ไม่กิน

กลัวว่าหลานเยาเยาจะบังคับยัดเยียดให้เขา จื่อซีจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“คุณหนู ท่านรู้ได้เช่นไรว่าสองคนเมื่อครู่นั้นมีปัญหา?”

“ลิขิตสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย ไม่กินองุ่นนั้นเป็นความผิด”

“……”

จบกัน ความสนใจของหลานเยาเยากลับมาอยู่ที่องุ่นแล้ว เขาจะเป็นต้องหนีออกไปจึงจะเป็นการดี เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งเงินเดือนเพียงเล็กน้อย

“คุณหนู ข้าจำได้ว่ายังมีเรื่องที่ยังสะสางไม่เสร็จ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”

“ไปเถอะไปเถอะ!”

เฮ้อ! ยิ่งฉลาดหลักแหลมขึ้นเรื่อยๆแล้ว

รู้ตัวดี หมดหวังที่จะหลอกล่อจื่อซีต่อไปแล้ว หลานเยาเยาจึงได้โบกมือให้เขาเดินจากไป

จากนั้นก็เคลื่อนสายตาไปยังที่ที่รถม้าหายไป ในดวงตาฉายแววชาเย็นชาออกมาแวบหนึ่ง

สามีไม่เหมือนสามี คนท้องไม่เหมือนคนท้อง

ยังจะบังคับให้คนสองคนที่ไม่เข้ากันให้อยู่ด้วยกันอีก แม้ว่าจะทำตัวสนิทชิดเชื้อกัน มีท่าทีที่ดูเหมือนเป็นสามีภรรยากันขนาดนั้น

แต่ว่า……

พวกเขากลับลืมไปจุดหนึ่ง

นั่นก็คือ–สายตา!

ไม่ได้แสดงถึงความรักความผูกพันแม้สักนิด และยังจะมองสังเกตไปรอบกึ่งๆตั้งใจ นางก็ฟันธงได้ พวกเขาไม่ใช่นักฆ่าก็เป็นสายสืบ