ตอนที่ 129.2 โอสถพิษสัมผัสเซียน แผดเผาหัวใจ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

พวกเขาทั้งสองคนเดินผ่านป่าของยอดเขาตันติ่งที่ซึ่งต้นไม้กำลังพลิ้วไหวโอนเอนไปมาตามลม และทางเดินก็เงียบสงบ และเมื่อพวกเขาเหยียบลงบนจุดแสงที่ไหวเบาๆ บนพื้นดิน ก็ทำให้ดูโดดเด่นสง่างามเช่นกัน

“ฉางโซ่ว เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้เรียนรู้พลังปราณสัมผัสรับรู้ และได้รับแรงกระตุ้นจากหินสัมผัสของเจ้า จากนั้นจึงได้คิดค้นยาพิษขึ้นมา” “โอ้?” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านมาทำสมาธิ เช่นนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ดียิ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าโอสถพิษนี้จะไวต่อพลังสัมผัสเซียนรับรู้”

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนยิ้ม ‘อย่างเย็นชา’ และกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ถูกต้อง ฉางโซ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพลังสัมผัสเซียนรับรู้และพลังปราณสัมผัสรับรู้คืออะไร”

หลี่ฉางโซ่วตอบว่า “ข้าเคยได้อ่านเรื่องเหล่านี้จากพระสูตรในสำนัก พลังปราณสัมผัสรับรู้และพลังสัมผัสเซียนรับรู้ คือความคิดที่เล็ดลอดออกมาจากปราณวิญญาณ และการรับรู้โลกของปราณวิญญาณ ตามคำกล่าวของ ‘พระสูตรเซียนวิสุทธิ์’ ปราณวิญญาณ คือหัวใจ พลังปราณสัมผัสรับรู้และพลังสัมผัสเซียนรับรู้ คือ สัมผัสของหัวใจ มนุษย์อาศัยสัมผัสด้วยตา หู จมูก และลิ้นของตน ใจมนุษย์ล้วนอวดดีหยิ่งทะนง และพวกเขาเพิกเฉยต่อเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่ผู้บำเพ็ญมองโลกด้วยหัวใจ ดังนั้นจึงเรียกมันว่าพลังปราณสัมผัสรับรู้”

แม้จะได้รับคำตอบที่คล้ายกันเช่นนี้จากศิษย์คนอื่นๆ ในสำนัก แต่เมื่อได้ยินคำตอบของหลี่ฉางโซ่ว รอยยิ้มของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็เย็นลงในขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความชื่นชม

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวว่า “ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นหินสัมผัสของเจ้า ข้าก็ได้ค้นหาตำราโบราณและอ่านตำราในหอสมบัติเต๋าของสำนัก ข้ายังเคยไตร่ตรองเรื่องนี้กับผู้อาวุโสสองสามคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการหลอมโอสถ น้ำดอกไม้หลากสีจะเปลี่ยนสีได้เมื่อสัมผัสกับพลังปราณสัมผัสรับรู้และพลังสัมผัสเซียนรับรู้ ยางไม้ของไม้วิญญาณหยกจะถูกแบ่งออกเป็นเครือข่ายหากพบกับพลังปราณสัมผัสรับรู้และพลังสัมผัสเซียนรับรู้ นอกจากนั้น ยังมีพลังปราณสัมผัสรับรู้และพลังสัมผัสเซียนรับรู้อีกเจ็ดถึงแปดประเภทที่สามารถโต้ตอบได้ ข้าลองใช้พวกมันทีละอย่างและสรุปออกมาเป็นสูตรยาเสร็จสิ้นในคราวเดียว”

ขณะกล่าว ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ยื่นกระดาษให้หลี่ฉางโซ่ว และแค่นเสียงกล่าวว่า “เจ้าลองดูสิ เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไร”

แม้หลี่ฉางโซ่ว จะคุ้นเคยกับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้อาวุโสว่านหลินหยุน แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกกลัว หลี่ฉางโซ่วหยิบสูตรยาและมองดูอย่างระมัดระวัง ขณะไตร่ตรองอย่างรอบคอบในใจ บางครั้งเขาก็ขมวดคิ้วสงสัย บางครั้งเขาก็ดูเข้าใจ แต่ในที่สุดก็พยักหน้ารับเบาๆ

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “สูตรยานี้น่าจะเป็นไปได้ ข้ารู้สึกได้เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านคุณสมบัติทางยาหรือหลักการขอรับ”

“ต่อไป ข้าจะหาปริมาณและวิธีการปรับแต่งมัน” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าว “ข้าจะไปดินแดนเทวะอุดรในเร็วๆ นี้เพื่อค้นหาหนอนเทพหนามปี้จิง หากข้าจับมาได้อีกสักสองสามตัว ยาเม็ดนี้ก็จะสำเร็จได้ภายในสามปี”

“ท่านผู้อาวุโส ท่านจะไปดินแดนเทวะอุดรด้วยตัวเองหรือไม่ขอรับ”

“แน่นอน ข้าขอให้เหล่ารุ่นเยาว์ของยอดเขาตันติ่งค้นหาไปทั่วทุกที่ในดินแดนเทวะบูรพา แต่ก็ไม่พบหนอนเทพหนามปี้จิง”

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนค้ำยันร่างของเขาด้วยไม้เท้าทองสัมฤทธิ์พลางจ้องมองไปที่ต้นไม้หนาทึบสีเขียว “ในโลกนี้ หายาพิษแห่งพลังสัมผัสเซียนรับรู้ได้ยากยิ่งนัก หากข้าสามารถปรับแต่งมันได้ ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ”

เขากล่าวเสริมต่อว่า “ฉางโซ่ว ข้ามีชีวิตอยู่มานานกว่าครึ่งชีวิตในฐานะเซียนเทียน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้รับผลอายุยืนได้ ข้าคิดว่าคงไม่สามารถได้รับผลเต๋าอายุยืนแล้ว หากข้าสามารถทิ้งคัมภีร์พิษเอาไว้ได้อีกสักสองสามเล่มในชีวิตของข้า และผลิตสูตรยาใหม่อีกสักสองสามสูตรได้ในช่วงชีวิตนี้ของข้า เช่นนั้น ย่อมนับว่าชีวิตนี้คุ้มค่า ไม่สูญเปล่าแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันสะเทือนใจเล็กน้อย ทว่าเขาเพียงแค่ฟังด้วยรอยยิ้มโดยไม่เอ่ยอันใด แล้วจากนั้นผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็กล่าวเสริมต่อว่า “อ้อ มีอีกอย่าง ฉางโซ่ว โอสถปรารถนาของเจ้า…”

“แค่กๆ!”

หลี่ฉางโซ่วไม่คิดว่าจะเปลี่ยนหัวข้อไปอย่างรวดเร็ว

“ผู้อาวุโส ท่านต้องการใช้มันหรือขอรับ หลังจากการแข่งขันภายในสำนัก ข้าได้หลอมโอสถเหล่านั้นขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก แต่ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูได้เอาไปทั้งหมด และข้าเพิ่งหลอมโอสถปรารถนาชุดใหม่ขึ้นมาอีกเมื่อไม่นานมานี้ หากท่านต้องการ ข้าจะส่งมาให้ท่านหลังจากที่หลอมมันเสร็จแล้วขอรับ”

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนโบกมือและกล่าวว่า “ข้าจะใช้มันทำอะไรได้ ข้าไม่มีหัวใจสำหรับเรื่องเช่นนั้นแล้ว”

“ท่านทำให้ศิษย์กลัวแล้วจริงๆ ขอรับ…”

“เหอะๆๆ ดูเหมือนว่า โอสถปรารถนาของเจ้าจะหลอมขึ้นมาจากหินแห่งความรักของหนอนกู่” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าได้รับมาหนึ่งเม็ดจากหลิวเฟยเซียน และค้นพบสูตรยาและหลักการที่อยู่ภายในนั้น โอสถนี้ไม่ได้มีผลเฉพาะกับผู้บำเพ็ญชายที่มีจิตอ่อนแอเท่านั้น แต่ยังมีผลกับผู้บำเพ็ญสตรีด้วย เจ้าต้องบอกผู้ที่ใช้ยานี้ด้วยว่า อย่าได้สร้างปัญหา”

“ศิษย์จะจดจำไว้ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านสามารถระบุได้ว่าส่วนผสมหลักของโอสถเม็ดนี้คือ หินแห่งความรักด้วยโอสถเม็ดเดียว ช่างอัศจรรย์ใจจริงๆ ขอรับ เมื่อไม่นานมานี้ ศิษย์ต้องการปรับปรุงสูตร ข้าคิดจะเพิ่มสมุนไพรสองชนิดเพื่อเสริมสร้างพลังหยางให้แข็งแกร่งขึ้นขอรับ”

ว่านหลินหยุนยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เลว เจ้ารู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบถุงเก็บสมบัติออกมาจากกระเป๋าหน้าอกของเขา แล้วกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านโปรดนำสิ่งของนี้ติดตัวไปที่ดินแดนเทวะอุดรด้วยเถิด ที่นั่นอันตรายยิ่ง แม้ข้าอาจช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็มีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวซึ่งไม่กลัวไอพิษอยู่ในถุงนั้นขอรับ”

“ได้” ว่านหลินหยุนรับถุงเก็บสมบัติมาและวางไว้ในแขนเสื้อของเขาอย่างเคร่งขรึม

เขารับมาเพียงเพราะเห็นแก่ความภาคภูมิใจของหลี่ฉางโซ่วเท่านั้น

และนับตั้งแต่กลับมาจากยอดเขาตันติ่ง หลี่ฉางโซ่วก็คิดถึง ‘พิษสัมผัสเซียน’ ที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนคิดค้นขึ้นมา

หลังจากสกัดกลั่นยาพิษแล้ว มันก็จะเหมือนกับหินสัมผัสที่สามารถสวมใส่บนร่างกายได้

ผลของมันคือ สามารถทำร้ายผู้ที่พยายามใช้พลังสัมผัสเซียนรับรู้ค้นหาเขาได้ แต่จะไม่สร้างความเสียหายได้มากนัก อย่างมากที่สุดก็จะทำให้คนผู้นั้นรู้สึกปวดศีรษะและมึนงงไปบ้างเท่านั้น

แต่ในทางตรงกันข้าม หลี่ฉางโซ่วกลับรู้สึกว่าความจริงแล้ว ยาพิษนี้ไม่มีประโยชน์สักเท่าใดนัก

หากเขาต้องเปลี่ยนส่วนผสมหลักซึ่งเป็นหนอนเทพหนามปี้จิงด้วยสมุนไพรอื่นๆ แทนเพื่อให้สามารถระบุที่มาของพลังสัมผัสเซียนรับรู้อย่างลับๆ ที่จะเป็นอันตรายต่ออีกฝ่ายและให้ประโยชน์มากขึ้น…

แค่กๆ เช่นนั้น มันย่อมจะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีสำหรับ ‘การต่อต้านการสำรวจ’!

“จะใช้อะไรแทนหนอนได้บ้าง”

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิดลึกล้ำโดยไม่รู้ตัว เขามีความรู้ในด้านนั้นไม่มากเท่ากับผู้อาวุโสว่านหลินหยุนอย่างแน่นอน และยังไม่สะดวกเหมือนผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเขาที่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ง่ายกว่า…

หือ?

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้

ปีศาจจิ้งจอกที่ข้าและอาจารย์ลุงจิ่วอูจับมาได้…

เสน่ห์อาคมของปีศาจจิ้งจอกนั่น…

หินแห่งความรักที่ข้ามีในเวลานี้…

พลังสัมผัสเซียนรับรู้คือสัมผัสรู้สึกแห่งใจ…ระบุตัวผู้สำรวจสอดแนมและส่งผลต่อจิตใจของพวกเขา…

“ใช่แล้ว ข้าสามารถเริ่มต้นได้ด้วยสิ่งนี้…”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบม้วนไม้ไผ่ม้วนหนึ่งขึ้นมาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้โยกหน้าหอโอสถแล้วเริ่มวาดและเขียนลงไปด้วยมีดแกะสลัก

ในไม่ช้า โอสถพิษสัมผัสเซียนที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อชั่วคราวว่า ‘หากเจ้าตรวจจับข้า เจ้าก็จะถูกทำเครื่องหมายและหัวใจของเจ้าก็จะถูกแผดเผาอย่างรวดเร็ว’ ก็ค่อยๆ กลายเป็นรูปเป็นร่างด้วยมีดแกะสลักของเขา

ขอบเขตสูงสุดของการวางยาพิษคือการล่อให้อีกฝ่ายหนึ่งลงมือและเป็นเหยื่อตกลงไปในอุบายโดยไม่รู้ตัว

หลังจากง่วนอยู่ครึ่งวัน หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย จากนั้น เขาก็แผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปสำรวจร่างในกรงสัตว์วิญญาณ…

ร่างทั้งสามกำลังยุ่งอยู่กับการตัดไม้ ตัดต้นไม้ และขุดดิน พวกนางทำงานอย่างขยันขันแข็งกว่าเมื่อก่อนมาก

หลี่ฉางโซ่ว มองไปที่ร่างของพวกนางและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะลอบยิ้มออกมาอย่างลับๆ ในใจ

แน่นอนว่า เป็นไปตามคาด เหล่าคนทำงานหนักที่สวยที่สุด ในท้ายที่สุดก็ไม่มีผู้ใดหลอกข้า

ในตำหนักเทพจันทราแห่งศาลสวรรค์ ขณะนี้แม่ทัพตงมู่กำลังมองไปรอบๆ และแอบดอดย่องเข้าไปอย่างระมัดระวังช้าๆ