บทที่ 336 นิกายกิเลน
บทที่ 336 นิกายกิเลน
ทุกคนในที่นี่ทำได้แค่มองมีดด้ามนี้ปลิดชีวิตของเฉิงกู่ ทุกคนกำลังถอดใจและรู้สึกโศกเศร้า แถมพวกเขายังรู้สึกเกลียดชังพวกราชาท้องถิ่นถึงขีดสุด ใครจะนึกถึงว่าพวกมันแทรกซึมเข้ามาประปนกับเหล่าศิษย์ในนิกายได้อย่างแนบเนียนขนาดนี้
เกือบทุกคนสิ้นหวังและคิดว่าเฉิงกู่คงตายแน่แล้ว ฉับพลันสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเด็กในอ้อมแขนเฉิงกู่อยู่ ๆ ก็พรวดพราดกระโดดขึ้นมาอีกทั้งตอนกระโดดร่างกายก็ใหญ่โตขึ้น ใช้สายตากะความสูงคราว ๆ ก็ประมาณร้อยกว่าเซน ไม่เพียงแต่ร่างกายของเด็กทารกจะกลายเป็นเด็กน้อยทั้งยังออกมารับมีดของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ศิษย์ทรยศไม่คิดว่าตัวเองจะฆ่าเฉิงกู่ไม่สำเร็จ แต่ถึงตอนนี้เขาจะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันเสียแล้ว ปาเค่อใช้หมัดต่อยไปยังหน้าอกของศิษย์ทรยศอย่างแรงจนร่างกายสั่นสะท้ายก่อนจะกระเด็นออกไป
ร่างของศิษย์ทรยศที่เพิ่งถูกซักกระเด็นก็ถูกหนึ่งในผู้อาวุโสจับเอาไว้ได้เสียก่อน การไต่สวนทำให้เขารู้ว่าคน ๆ นี้เดิมที่ก็คือทายาทของราชาท้องถิ่นนั้นเอง เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เขายอมเข้านิกายกิเลนและฝึกอยู่ในนั้นนับ 10 ปี
จะมีอีกสักกี่คนที่รู้แผนการเจ้าเล่ห์เพทุบายนี้ คน ๆ นี้เก่งด้านการปกปิดตัวตน หากเขาอยู่ในนิกายกิเลนอีก 10 กว่าปี เกรงว่าเรื่องคงยิ่งบายปลายกว่านี้แน่
ทุกคนหันมาสอบถามปาเค่อ คำตอบของปาเค่อทำให้ทุกคนประหลาดใจ “ตอนนั้นนายท่านของข้ากลายเป็นเด็ก เพราะเขาสัมผัสได้ว่าในกลุ่มศิษย์ของพวกนายเกรงว่าจะมีหนอนบ่อนไส้ ทว่าในตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงให้ฉันซ่อนตัวเองไว้ในร่างเด็กทารก”
เหล่าราชาหลังจากที่ตั้งใจฟังจนจบก็ยิ่งเคารพนับถือฉู่เหินมากขึ้นกว่าเดิม ในสายตาของพวกเขาฉู่เหินเป็นดั่งเทพเซียนผู้เก่งกาจ เพียงมานิกายกิเลนครั้งแรกก็รู้แล้วว่าภายนิกายมีหนอนบ่อนไส ถ้าไม่ใช่ว่าเขามีสัมผัสพิเศษขั้นเทพ เขาก็ต้องเห็นอนาคตแล้วละ
ซึ่งเหล่าราชาก็ทายถูกแล้ว ฉู่เหินเห็นอนาคตจริง ๆ แต่ตอนนี้ฉู่เหินกำลังสลบอยู่ แม้พวกเขาอยากจะสอบถามเรื่องนี้แค่ไหนก็จนปัญญา ทางด้านเสี่ยวชิง ตอนนี้ที่ได้สติเรียบร้อยแล้วก็มาคอยดูแลฉู่เหินตลอด
นอกจากฉู่เหินที่กำลังสลบก็ยังมีโม่เจียวที่โดนเวทย์สะท้อนกลับทำให้บาดเจ็บสาหัส แม้เหล่าราชากิเลนจะช่วยไว้ได้ แต่จะฟื้นมาตอนไหนก็ต้องมาลุ้นกันอีกที อาการบาดเจ็บของทั้งสองสาหัสไม่น้อยหากพักฟื้นเช่นนี้ต่อไปไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกกี่เดือนกี่ปีถึงจะหาย
พวกเขาปรึกษาหารือกันแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าจะให้ฉู่เหินและโม่เจียวไปยังหุบเขากิเลน พวกเขาจะใช้ตาน้ำพุวิญญาณอันเป็นของพิเศษแห่งหุบเขากิเลนเยียวยารักษาทั้งสองแบบนี้จะทำให้หายบาดเจ็บในระยะเวลาสั้น ๆ อีกทั้งบนหุบเขากิเลนยังมียาหลากหลายชนิด เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่จะช่วยทั้งสองก็ยิ่งมากขึ้น
หลังจากปรึกษากันแล้ว โป๋อีกู่ก็ให้เหล่าสมาชิกทีมมังกรกลับไปรายงานตัวก่อนเพราะครั้งนี้หน้าที่ของพวกเขาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ด้านนอกเกาะซาถัว หลังจากส่งทีมมังกรจากไปแล้ว เสี่ยวชิงก็ได้ใช้วิธีที่
ฉู่เหินเคยสอนเรียกราชาฉลามขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล แม้จะมีคนไม่น้อยแต่เรียกราชาฉลามมาถึง 5 ตัวนั้นแค่นี้ก็เหลือเฟือ
หลังจากเหล่าราชาบอกเส้นทางเสร็จ บรรดาราชาฉลามก็เดินทางไปบนท้องทะเลด้วยความเร็วกลาง ๆ เพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากจึงถือโอกาสชมวิวท้องทะเลไปด้วยพร้อมกับการเดินทาง ยิ่งมีการนำทางจากเหล่าราชากิเลนด้วยแล้ว ทำให้พวกเขาไม่เกรงกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย พวกเขาใช้เวลา 5 วันในที่สุดก็เดินทางมาถึงหุบเขากิเลนเสียที
หุบเขากิเลนเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนท้องทะเล ทว่าเมื่อมองจากไกล ๆ จะเห็นว่ามันคล้ายหุบเขาที่ทอดยาวขึ้นลงไม่เท่ากัน เดิมทีหุบเขากิเลนมีชื่อเดิมว่าเกาะรุ่งอรุณแห่งความสงบ เพราะแนวเทือกเขาที่ก่อตัวขึ้นจากธรรมชาติเป็นหมู่เกาะโดดเดี่ยวราวกับเป็นโลกเล็ก ๆ อีกโลกหนึ่งเลย
นับตั้งแต่นิกายกิเลนได้ยึดครองเกาะแห่งนี้ เกาะแห่งรุ่งอรุณก็เปลี่ยนชื่อเป็นหุบเขากิเลน แม้เกาะซาถัวจะใหญ่โตมากแต่เมื่อเทียบกับหุบเขากิเลนเกาะซาถัวจะดูเล็กลงไปทันที
ตามที่เหล่าราชากิเลนแนะนำ ที่แห่งนี้แปลกประหลาดมาก ถ้าหากลูกโลกคือโลกทั้งใบแล้วละก็ งั้นที่แห่งนี้ก็ถือว่าเป็นโลกเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในโลกทั้งใบอีกที ที่เรียกว่าโลกเล็ก ๆ ไม่ใช่เพราะว่ามองจากในแผนที่มันเล็กแต่เป็นเพราะภายในมันกลายเป็นเหมือนโลกอีกใบที่ไม่มีกฎตายตัว
บางทีโลกอาจจะทับซ้อนกันจนเกิดเป็นมิติที่แตกต่าง หลายเห่งบนโลกก็มีสถานที่เช่นนี้ บางแห่งเป็นสถานที่ชั่วร้ายแม้แต่วรยุทธระดับเหล่าราชากิเลนก็ยังไม่กล้าเข้าไปเลย
ผู้คนบอกว่าโลกกว้างใหญ่ก็ต้องมีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งพบเรื่องราวที่แปลกประหลาดมากขึ้นเท่านั้น ตอนที่โป๋อีกู่เหยียบเข้ามายังหุบเขากิเลน เขาก็ตกใจกับความงดงามของที่แห่งนี้ ทั่วหุบเขากิเลนมันคล้ายกับเทือกเขาอันศักดิ์สิทธิ์
ระหว่างทางเต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้ใบหญ้า เหล่าสัตว์ในหุบเขาเคลื่อนไหวไปมา เหล่าสิงโตอันดุราย เสือ เสือดาวพบเห็นเกือบจะทุกที่ แต่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาทำให้พวกสัตว์ป่าสัมผัสได้ถึงอัตราย ดังนั้นพวกมันจึงคอยหลบซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ
การมาเยือนหุบเขาแห่งนี้ คนที่มีความสุขที่สุดก็คือพี่เสือกับแรดเขาเดียวสองตัว พวกมันเป็นสัตว์ป่า ดังนั้นเมื่อเห็นว่าทั่วหุบเขาเต็มไปด้วยเหล่าสรรพสัตว์ สัญชาตญาณธรรมชาติก็ถูกปลุกเร้าและคำรามออกมาทันทีหลังจากพวกมันคำราม สัตว์ป่าที่ได้ยินก็คุกเข่าลงคล้ายกับว่ากำลังแสดงความเคารพต่อราชาของพวกมัน
พี่เสือและแรดเขาเดียวยืดอกผายไหล่ผึง ราวกับราชาและเดินไปข้างหน้าพวกสรรพสัตว์ ภาพนี้ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่ามันช่างพิลึกสุด ๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดความสำราญของทั้งสอง
เมื่อหลายวันก่อนตอนที่เหล่าราชากลับมาที่นิกาย คนในนิกายกิเลนก็ได้ยินข่าวคราวก่อนแล้วว่าครั้งนี้พวกเราไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย ในใจของทุกคนทั้งประหลาดและมีความสุข แน่นอนว่าพวกเขาสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่ฉู่เหินคนเดียวก็สามารถช่วยชีวิตศิษย์หลายสิบชีวิตเอาไว้
ในตอนที่เหล่าราชากลับมา พวกเขาก็เห็นสัตว์สองตัวเดินอย่างเย่อหยิ่งแต่จู่ ๆ ก็มีพลังดาวดาวอันยิ่งใหญ่ปรากฏบนยอดเขากิเลน ทำให้สัตว์ทั้งสองวิ่งไปหลบหลังคนอื่น! พอทุกคนเห็นแบบนี้ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
หลังจากนั้นพวกศิษย์เข้ามาทักทายทุกคนขณะเดินขึ้นยอดเขา ศิษย์ที่มาต้อนรับทุกคนต่างยกย่องในตัวโป๋อีกู่ โป๋อีกู่อายุไม่เยอะเพียงแค่ 30 กว่าเท่านั้น ก็มีวรยุทธที่แกร่งกล้า ถ้าเอาให้พวกเขาไปเปรียบเทียบเกรงว่าจะเป็นการดูถูกโป๋อีกู่ด้วยซ้ำ
แต่ว่าอัจฉริยะคนนี้ก็ยังเรียกฉู่เหินว่านายท่าน เช่นนี้ทำให้คนในนิกายอารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก ตามที่พวกเขาแอบคาดเดา หรือว่าชายหนุ่มที่ชื่อว่าฉู่เหินจะมีภูมิหลังพิเศษบางอย่าง
แต่เหล่าผู้อาวุโสได้ส่งคนไปทุ่มเทตรวจสอบตัวตนของฉู่เหินมาแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง เหล่าผู้อาวุโสได้ข่าวว่าฉู่เหินเป็นแค่ชายธรรมดาๆ ค่อนข้างมีสัญญาสัจจะและกตัญญู
ทว่าความเร็วในการฝึกตนของฉู่เหินรวดเร็วเกินไป ทำให้เหล่าผู้อาวุโสในนิกายกิเลนแอบตั้งข้อสงสัยอย่างเงียบ ๆ ว่าฉู่เหินต้องมีความลับซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน