ตอนที่ 82 คนทั้งสามจากเมืองหลวง

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 82 คนทั้งสามจากเมืองหลวง

หลายวันต่อมาหลังเกิดการคลุ้มคลั่งของมอนสเตอร์ ก็ได้มีกลุ่มคน 3 คนปรากฏตัวขึ้นที่แนวป้องกันของเมืองอิชกะ

พวกเขาอ้างว่าตนมาจากเมืองหลวง โฮรัสและหนุ่งในพวกเขาก็เป็นชายผู้มีรูปร่างกำยำใหญ่โต

มนุษย์ร่างยักษ์ที่สวมชุดเกราะแบบตะวันออกเอาไว้

อีกหนึ่งเป็นหญิงสาวผมสีขาวมันวาวดวงตาสีทับทิมเครื่องแต่งกายของเธอนั้นทำมาจากกิโมโนแขนยาว ถักทอด้วยลวดลายศรสีแดงและส่วนล่างเป็นฮากามะสีแดงซึ่งเป็นของที่ไม่ค่อยเห็นในอาณาจักรคานาเรียนัก

ท้ายสุดก็คือชายหนุ่มที่มีผมสีขาวดวงตาสีแดงเหมือนกับหญิงสาว ทำให้คาดได้ว่าทั้งสองคือพี่น้องกัน แต่บรรยากาศไม่ได้สื่อในนึกถึงชาวตะวันออกตั้งแต่แรก เนื่องจากเขาสวมชุดคลุมสีน้ำตาลเอาไว้ ก่อนจะแผ่บรรยากาศที่ดูเยือกเย็นออกมา

ทั้งสามต่างก็พกดาบไว้ที่เอวของตนแล้วเข้าช่วยเหลือและปกป้องแนวป้องกัน ที่พวกเขาเดินทางมาจากเมืองหลวงก็เพราะเรื่องนี้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาบอก

แนวป้องกันจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากกว่านี้แน่หากขาดพวกเขาไป ทั้งสามได้เข้าต่อสู้ราวกับตนก็เป็นนักผจญภัยคนหนึ่ง

ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีอย่างท่วมท้น ทุกครั้งที่พวกมอนสเตอร์เข้ามาใกล้ พวกเขาก็จะไปยืนขวางเอาไว้ราวกับก้อนหินยักษ์ที่กั้นทางเดินน้ำ และฟาดฟันเหล่ามอนสเตอร์อย่างง่ายดาย

จนสามารถกล่าวได้ว่าทั้งสามคนไม่ต่างอะไรกับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียบ (อิคคิโทเซ็น)

กลยุทธ์ในการป้องกันเมืองของทางอิชกะนั้น ก็คือสร้างปราการป้องกันฉุกเฉินขึ้นมาเป็นแนวหน้าเพื่อซื้อเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด ในระหว่างนั้นพวกเขาก็จะสร้างปราการอีกอันหนึ่งบริเวณแนวหลังของอันแรกไปด้วย นี่ก็เพื่อที่ว่าหากปราการแรกล่มสลาย ก็ยังเหลืออีกอันไว้ป้องกันเป็นด่านถัดไปเรื่อยๆ

และก็ตามที่พวกเขาวางแผนไว้ ในตอนนี้พวกเขาก็ได้ทำการสร้างปราการป้องกันอันที่สามรอไว้แล้ว นี่แหละกลยุทธ์การยื้อเวลาเพื่อให้ระบบป้องกันภายในเมืองของจริงสามารถทำงานได้ดีที่สุด

ทว่าก็ต้องขอบคุณพลังที่ท่วมท้นของทั้งสาม ที่ทำให้ป้อมปราการแรกซึ่งควรจะล่มสลายไปนานแล้วยังคงอยู่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ปราการที่ สอง สามและสี่ ที่กำลังจะสร้างจึงมีเวลาเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น จนทำให้แนวป้องกันในตอนนี้ยากจะทะลวงได้

การคลุ้มคลั่งในครั้งนี้ที่อาจจะกลายเป็นสาเหตุให้เมืองอิชกะต้องถึงคราวล่มสลายอาจจะเปลี่ยนไปเป็นพวกมอนสเตอร์ไม่แม้แต่จะได้เห็นกำแพงเมืองอิชกะจริงๆ แล้วก็ได้

สิ่งที่ผู้คนในเมืองเห็นเป็นเสียงเดียวกันในตอนนี้ก็คือกลุ่มคนสามคนที่มาจากเมืองหลวงนี่แหละคือผู้ที่มีพระคุณมากที่สุดกับพวกเขา

จากความเห็นของพวกทหารแล้วมองว่า พลังของพวกเขานั้นสูสีกับอัศวินระดับสูง ไม่ก็อัศวินมังกรระดับบนๆ ได้

ทางพวกนักผจญภัยก็มองว่า ความสามารถของทั้งสามสามารถเทียบเท่าได้กับนักผจญภัยระดับ 1 ของประเทศนี้เลย

ผู้คนต่างสรรเสริญทั้งสามโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ ในตัวพวกเขา

แต่แล้ววันหนึ่ง หนึ่งในสามคนนั้นที่เป็นชายหนุ่มผมขาวก็มาได้ยินบทสนทนาของผู้คนเหล่านี้เข้า ก่อนจะทำหน้าเหมือนอยากจะอ้วกออกมาแล้วบ่น

――สูสี? ต้องเรียกว่าเหนือกว่าสิวะ

◆◆◆

「ชิบะ ที่พวกเราต้องมาล่าพวกหนอนแมลงในที่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย? 」

「ไม่พอใจงั้นเหรอ คลิม? 」

「ก็แหงสิ ที่เรามาประเทศนี้ก็เพื่อตรวจสอบการตายของไอ้พระนั่นไม่ใช่หรือไง ผลก็ออกมาแล้วนี่ว่าถูกดยุกดราอะไรสักอย่างฆ่าไป แล้วทำไมเราไม่ไปฆ่ามันให้จบๆ แล้วกลับเกาะกันล่ะ ทำไมพวกเราจำเป็นต้องมาอยู่ร่วมกับพวกอ่อนแอนี่เพื่อล่าหนอนแมลงกัน? 」

สายหนุ่มที่มีชื่อว่าคลิมเตะพื้นด้วยความไม่พอใจ

「แค่นี้มันก็ทำให้ฉันโมโหสุดๆ แล้วนะ ที่ต้องถูกเปลี่ยนเทียบกับพวกอัศวินมังกรอะไรนั่น คิดได้ยังไงถึงเอาพวกเราไปรวมกับคนพวกนั้น นี่ฉันยังไม่ได้เอาอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้เลยแท้ๆ 」

「มาตรฐานความแข็งแกร่งระหว่างทวีปหลักกับเกาะมันต่างกันนะ สามัญสำนึกและค่านิยมก็เช่นกัน ภารกิจของพวกเราจริงๆ ในครั้งนี้ก็คือทำให้พวกเจ้าเข้าใจถึงเรื่องพวกนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกเรามาสู้กันตอนนี้ นอกจากนี้ในฐานะข้ารับให้ของตระกูลมิตซึรุกิ พวกเราก็จำเป็นต้องมาตามเช็ดล้างการกระทำที่แสนชั่วร้ายของจินโบด้วย」

เมื่อชิบะ――หรือโกซุ ชิมะพูดแบบนั้น คลิมก็ได้แค่ยักไหล่ตอบกลับไป

「ไม่สายเกินไปหน่อยหรือไง ถึงพวกเราจะมาสู้กับมอนสเตอร์พวกนี้ คนที่ตายไปเพราะเจ้าพระนั่นก็ใช่จะฟื้นขึ้นเสียหน่อย」

「แต่เราก็ต้องทำอยู่ดี」

โกซุตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่เยือกเย็นและสงบนิ่ง แต่ตอนนี้กลับมีอารมณ์ที่ดูขุ่นมัวแผ่ออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่าความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้มุ่งไปหาพวกคลิม

ที่โกซุรู้สึกไม่พอใจก็เป็นเพราะเมื่อเขามาถึงอาณาจักรนาคาเรีย เขาได้ทราบถึงการกระทำของจินโบที่ทำกับอาณาจักรแห่งนี้

ความรู้สึกส่วนตัวของเขาและความรู้สึกในฐานะข้ารับให้แห่งตระกูลมิตซึรุกิอย่าง”ชิบะ”ที่ปรึกษาทางการทหารของผู้นำตระกูล เขาไม่อาจจะยอมรับการกระทำของจินโบได้จริงๆ

「วิชามายาดาบเดียวควรมีไว้เพื่อช่วยเหลือและปกป้อง หรือก็คือมันเป็นพลังที่ใช้เพื่อปกป้องผู้อ่อนแอ การกระทำของจินโบถือว่าขัดกับหลักการดังกล่าว」

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โกซุไม่คิดจะแก้แค้นใดๆ กับดยุกดรากูนอทที่สังหารจินโบไป

อันที่จริงเขาอยากจะไปพบกับดยุกดรากูนอทเพื่ออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ก็อยากจะสรรเสริญในความกล้าหาญของเขาที่สามารถเอาชนะผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณลงได้แม้จะไม่ได้เป็นคนของเกาะ

แต่สิ่งที่คลิมตอบกลับคำพูดของโกซุก็มีแค่ความรู้สึกที่เหมือนเป็นเรื่องยุ่งยากไปหมด

「เอาเถอะ ฉันก็ไม่คิดจะต่อต้านคำสั่งนายหรอกนะชิบะ เพียงแค่รู้สึกว่าฝีมือของตัวเองอาจจะทื่อเอา ถ้าเอาแต่ฟันพวกหนอนแมลงทุกวันน่ะ ท่านพี่ก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? 」

คลิมหันไปคุยกับหญิงสาวที่นิ่งเงียบฟังพวกเขาคุยกันมาจนถึงเมื่อกี้

และหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกับคลิมก็พยักหัวให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

「คลิม ความภูมิใจกับความผยองน่ะแม้จะไม่ต่าง แต่มันก็ไม่เหมือนกันหรอกนะ พวกเราควรคิดและระวังเสมอ นอกจากนี้ก็ดูแลเรื่องคำพูดคำจาด้วย ไม่สำคัญหรอกว่านายจะแข็งแกร่งมากเพียงใด เพราะมันไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้นายควรดูถูกผู้อื่นเลยเข้าใจไหม? 」

「ก็เอาแต่พูดแบบนี้ตลอดเลยน้า นี่ท่านพี่ หนอนแมลงยังไงก็คือหนอนแมลงอยู่วันยังค่ำนะ พวกอ่อนแอเราก็ต้องเรียกว่าอ่อนแอสิถึงจะถูก」

คลิมพูดออกมาด้วยความเย็นชาและเหมือนจะไม่ยอมรับคำที่พี่สาวตนพูด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อเธอ สิ่งที่เขาแสดงออกก็เป็นเพียงแค่ใบหน้าที่บึ้งตึงเหมือนเด็กที่ไม่พอใจ

จะมีก็แค่คนเดียวที่เห็นได้ถึงความสัมพันธ์ของสองพี่น้องในตอนนี้

โกซุมองทั้งสองอย่างเงียบๆ

พี่สาวคนโตมีชื่อว่า ไคลอา เบิร์ช ส่วนน้องชายมีชื่อว่าคลิม เบิร์ช

ตระกูลเบิร์ชนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกหนึ่งตระกูลบนเกาะปีศาจ หากจะให้เทียบตระกูลชิมะของโกซุนั้นไม่สามารถเทียบกับสถานะทางสังคมกับตระกูลเบิร์ชได้เลย

ในตระกูลมิตซึรุกินั้นจะมีสีเสาหลักที่คอยเป็นผู้ดูแลตระกูลเหมือนกับรัฐมนตรีของตระกูลอยู่ โดยพวกเขาจะถูกแต่งตั้งเป็นสมญานามอย่าง “ชิโตะ” “ชิคุ” “ชิโก” และสุดท้ายที่มอบให้กับโกซุอย่าง”ชิบะ” โดยตระกูลเบิร์ชนั้นได้ครอบครองเอาไว้ถึงสองสมญานาม ก็คงไม่ต้องบอกแล้วว่าอำนาจของพวกเขามีมากขนาดไหน

ไคลอากับคลิมก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่สักวันหนึ่งจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นของตระกูลมิตซึรุกิ

ภารกิจลับที่โกซุได้มาในครั้งนี้ก็คือคอยดูว่าทั้งสองนั้นเหมาะสมกับการจะไปนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นจริงหรือไม่

ระหว่างที่โกซุกำลังคิดถึงภารกิจ พี่สาวอย่างไคลอาก็พูดขึ้น

「ชิบะ มีเรื่องที่ฉันอยากจะถาม เกี่ยวกับดยุกดรากูนอทที่อยู่เมืองหลวงหน่อยค่ะ」

「เกี่ยวกับดยุกเหรอ อื้มว่ามาสิ? 」

「ชิบะ…คุณคิดเหรอคะว่าคนที่สังหารนักรบของธงแห่งผืนป่าจะเป็นเขาจริงๆ? 」

ดวงตาของโกซุหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของไคลอา แล้วพอเขาส่งสายตาให้กับไคลอาเพื่อให้เธอพูดต่อ เธอก็พยักหน้ารับ

「จากที่ฉันเห็น ก็จริงอยูว่าดยุกไม่ได้เป็นพวกอ่อนแอ เลเวลของเขาก็น่าจะอยู่ประมาณ 50 ไม่ก็มากกว่านั้น หากเป็นเขาคงจะทำให้ฉันหรือคลิมตึงมือได้」

พอน้องชายของเธอได้ยินแบบนั้นก็ส่งสายตาไม่ค่อยพอใจออกมา ส่วนทางไคลอาก็ได้แค่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

「ทว่า นั่นมันก็ในกรณีที่พวกเราไม่ได้ใช้อาภรณ์วิญญาณ หากเราใช้มันขึ้นมาเรามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ แต่จากข้อมูลที่ฉันมี จินโบก็มีเลเวลมากกว่า 70 แถมเขาใช้อาภรณ์วิญญาณแล้วด้วย ดังนั้นฉันจึงเชื่อได้ยากว่าดยุกจะเป็นคนที่สังหารเขาได้จริงๆ ค่ะ」

「เพราะงั้นเธอก็เลยสงสัยดยุกสินะ? 」

「ค่ะ หากจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังนอกจากนี้อีกก็คงจะเป็นสภาพของเขาหลังสังหารจินโบลงได้ ฉันได้ยินมาจินโบได้ปลุกอันเดธที่เมืองหลวงขึ้นมาเป็นจำนวนมากและดยุกก็ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้คนและจัดการเขาลงได้ แต่การที่เขาสามารถต่อสู้กับจินโบซึ่งมีเลเวลมากกว่าเขาขนาดนั้น โดยไม่ได้รับบาดแผลสาหัสอะไรมาเลย มันไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอคะ」

「แบบนี้นี่เอง」

โกซุพยักหน้ารับอย่างช้าๆ

อันที่จริงโกซุก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องจากข่าวการคลุ้มคลั่งที่ได้ยินมาในเมืองหลวงทำให้เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้มากนัก

นั่นจึงทำให้โกซุจะบอกแผนของตนว่าเดี๋ยวเขาจะทำการสืบค้นเรื่องนั้นต่อหลังจบงานนี้

「ขออภัยค่ะ แต่ท่านโกซุ ชิมะอยู่หรือเปล่าคะ? 」

มีเสียงดังออกมาจากข้างนอกเต็นท์ที่ทั้งสามพักอยู่

โกซุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันไปทางเสียงนั้น เสียงที่เรียกเขาอยู่นั้นคือเสียงของหญิงสาว

เนื่องจากพวกเขามีส่วนร่วมอย่างมากในการป้องกันครั้งนี้ จึงทำให้พวกเขาได้รับความเคารพจากพวกทหารและนักผจญภัยมากไม่น้อย จนถึงขั้นมีหญิงสาวในแนวป้องกันบางคนถึงกับเสนอเชื้อเชิญให้โกซุไม่ก็คลิมไปใช้เวลายามค่ำคืนกับพวกเธอ

ด้วยเหตุนี้เองโกซุก็เลยกังวลว่าจะเป็นแบบเดิมไหม

แต่พอเขาได้ฟังเสียงของเธอให้ดีๆ ก็ทำให้ทราบว่าเสียงที่เรียกเขาอยู่ไม่ได้มีความคิดทำนองนั้นและเนื้อหาที่เธอพูดก็ไม่ได้ชักจูงให้ไปทางนั้นได้เลย

โกซุจึงได้เชิญหญิงสาวสองคนเข้ามาข้างใน โดยเธอบอกว่าพวกตนเป็นคนของกิลด์นักผจญภัย

หญิงสาวยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นกันทั้งคู่ พวกเธอแนะนำตัวว่าตนชื่อว่าลิดเดลและพาร์เฟต

———

Note 1 : โซระกลับมาได้มีมวยแน่
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code