ตอนที่ 155

Earth’s Best Gamer

Earth’s Best Gamer ตอนที่ 155 วีรบุรุษ : หลู่จัน

“เอาล่ะ อาจมีอีกอย่างหนึ่งที่เราทําได้!”

หลังจากที่ผู้อาวุโสเพิ่งพูดคุยกับซูนงอิง กงซุนเซิ่งและคนอื่น เขาก็สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้กับมนุษย์อินทรี

เมื่อมองไปที่วิญญาณแห่งอารยธรรมในมือของเขาที่เพิ่งดร็อปออกมา จีเย่ก็มีความคิดบางอย่าง

“ฉันควรจะทําพิธีกรรมต้อนรับด้วยวิญญาณแห่งอารยธรรมผู้บัญชาการ ตอนนี้ถิ่นฐานมาถึงอันดับ 5 ไม่ต้องกังวลว่าเราจะสูญเสียพลังแห่งโชคชะตาหากพิธีกรรมล้มเหลว!”

ถูกต้อง จีเย่ตั้งใจที่ตะอัญเชิญวีรบุรุษอีกคนหนึ่งสู่ป้อมปราการภูเขามังกรคู่ก่อนการต่อสู้

ตามทฤษฎี วิญญาณแห่งอารยธรรมนี้ยังคงเป็นระดับวิสามัญอันดับ 4 แต่ดูจากประสิทธิภาพของมนุษย์อินทรีที่ดร็อปมัน มันน่าจะใกล้เคียงกับอันดับ 5 มาก

ในป้อมปราการภูเขามังกรคู่ในปัจจุบัน ไม่มีเครื่องบูชายัญระดับวิสามัญอันดับ 4 แต่มีเครื่องบูชายัญที่อันดับสูงกว่านั้น

พวกมันคือแท่งไม้ขั้นเหนือชั้นระดับวิสามัญอันดับ 5 ที่ทํามาจากหัวใจของไม้สีม่วงที่ราชามอนเตอร์พงไพรดร็อปออกมาก่อนหน้านี้!

อย่างไรก็ตามแท่งไม้สีม่วงทั้งสองแท่งก็ได้ถูกผสานเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วในตอนนี้

[แท่งไม้สีม่วง]

[ระดับ : วิสามัญอันดับ 5]

[ขั้น : สมบูรณ์ (เครื่องบูชายัญ)]

[รายละเอียด : นี่คืออาวุธที่ทํามาจากหัวใจของไม้สีม่วงที่หาได้ยากในอาณาเขตของมอนเตอร์พงไพร พลังของมันถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่หลังจากการผสาน มันเพิ่มพลังการเปลี่ยนแปลง การดูดซับ และการปลดปล่อยพลังระดับวิสามัญ!]

“หากเราสามารถอัญเชิญวีรบุรุษขั้นสมบูรณ์มาได้อีกคนหนึ่ง เราจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้กับมนุษย์อินทรี!”

จีเย่วางแท่งไม้สีม่วงและวิญญาณแห่งอารยธรรมไว้ที่โต๊ะพิธีกรรมภายในวัดแห่งโชคชะตา

มังกรแห่งโชคชะตาทั้งสองที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นกว่าแต่ก่อนได้ปรากฏตัวขึ้นมาและพ่นแสงสีทองไปที่ไอเทมทั้งสองชิ้น

เครื่องบูชายัญขั้นสมบูรณ์ระดับวิสามัญอันดับ 5 ซึ่งเกิดขึ้นจากพลังแห่งโชคชะตาจากมังกรของภูเขามังกรคู่ สร้างมุมมองที่แตกต่างจากที่เคยปรากฏมาก่อน

แท่งไม้ที่ทํามาจากหัวใจของไม้สีม่วงขยายตัวอย่างรวดเล้วเป็นต้นไม้สีม่วงที่สูงเกือบหนึ่งเมเต้นโมลี

วูล่าาา! วูล่าาา! ล่าาา!

จากนั้นมอนเตอร์พงไพรนับร้อยตัวกระโดดจากต้นไม้สีม่วงและจ้องมองไปที่วิญญาณแห่งอารยธรรมที่อยู่ตรงข้ามพวกมันในขณะที่โบกไม้ในมือของพวกมัน

“นี่คือ…. เขาต้องปราบมอนเตอร์พงไพรจํานวนมากในคราวเดียวงั้นเหรอ?”

มันเป็นหน้าที่ที่ท้าทายอย่างยิ่ง!

ไม่มีมอนเตอร์พงไพรเหล่านั้นตัวใดที่ดูเหมือนจะเป็นระดับวิสามัญ แต่พวกมันทุกตัวสูงกว่าสองเมตรและมีแท่งไม้ในมือทั้งสี่ข้างของพวกมัน การถูกฟาดด้วยไม้สี่ร้อยแห่งในเวลาเดียว แม้กระทั่งวีรบุรุษระดับวิสามัญอันดับ 5 ก็ไม่สามารถรรับมือได้อย่างง่ายดาย!

นอกจากนี้วิญญาณแห่งอารยธรรมก็เป็นเพียงระดับวิสามัญอันดับ 4 เป็นไปได้มั้ยว่าพิธีกรรมจะล้มเหลว?

จีเย่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะไม่มีการตอบสนองจากวิญญาณแห่งอารยธรรม

ท้ายที่สุดแล้ว มันคงน่าอายหากวีรบุรุษต้องกลับไปด้วยความหงุดหงิดหลังจากล้มเหลวในการเอาชนะ “เครื่องบูชายัญ”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่เป็นเครื่องบูชายัญขั้นสมบูรณ์ที่เชื่อมโยงกับวีรบุรุษที่มีศักยภาพขั้นสมบูรณ์ พวกเขาจะไม่มีวันออกมาเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีความมั่นใจ!

“ห้ะ? มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”

เมื่อจีเยรู้สึกผิดหวังและคิดว่าพิธีกรรมล้มเหลว ทันใดนั้นวิญญาณแห่งอารยธรรมก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาหลังจากเงียบไปนานกว่าสิบวินาที

“เขาเก่งกาจในที่สุดในกองทหารม้าและทหารราบ เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดของดาวฟ้า เขาอยู่ยงคงกระพันด้วยหอกของเขาและเขาก็ทะยานเหมือนกับกิเลน เขาทั้งหล่อเหลาและแข็งแกร่ง…”

ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ไพเราะก้องกังวานก็ดังอีกครั้งในวัด ทําให้มอนเตอร์พงไพรทั้งหมดตกตะลึง

“นี่คือ…”

แววตาของจีเยู่เปล่งประกายเมื่อเขาได้ยินการประกาศบทกวี

“มันสมเหตุสมผล เขาอาจเป็นคนเดียวในคนทั้ง 108 คนในบึงเหลียงซานที่มั่นใจมากพอที่จะท้าทายศัตรูที่อยู่อันดับเหนือเขา!”

จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ํา

จีเยกล่าวเพียงเพราะตามที่บทกวีสองประโยคแรกระบุไว้ วีรบุรุษที่ถูกอัญเชิญในครั้งนี้นั้นผิดปกติมาก

ชายคนนี้เก่งกาจที่สุดในกองทหารม้าและทหารราบ เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดของดาวฟ้า!

มีเพียงชายผู้นี้เท่านั้นที่จะมั่นใจพอที่จะท้าทายเครื่องบูชายัญขั้นสมบูรณ์ที่มีอันดับสูงกว่าเขา

แสงเจิดจ้าจากวิญญาณแห่งอารยธรรมสลายไป และบุคคลที่มีใบหน้าเลือนลางก็ปรากฏขึ้น ตรงข้ามกับมอนเตอร์พงไพรที่โกรธแค้นและพยาบาท ถือไม้ยาวและขี่ม้าขาวที่หุ้มเกราะลายทาง

“กรรร กรรร กรรร…”

มอนเตอร์พงไพรนับร้อยคํารามออกมาพร้อมกันและพุ่งเข้าใส่คนคนนั้น!

ฝ่ายหนึ่งก็คือมนุษย์ต่างดาวที่ดุร้ายนับร้อยตัว ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็มีเพียงผู้ชาย ม้า และ แท่งไม้

อย่างไรก็ตามภาพลวงตาของวีรบุรุษที่มีใบหน้าคลุมเครือนั้นดูน่ากลัวไม่น้อย

แม้แต่ม้าที่เขาขอยู่ก็ไม่ตอบสนองกับศัตรูที่กําลังเข้ามา มันส่ายหัวและร้องออกมา

กุบกับ กุบกับ กุบกับ..

จากนั้นมาก็พุ่งเข้าใส่กองทัพของมอนเตอร์พงไพร!

“กรรร!”

มอนเตอร์พงไพรที่วิ่งเร็วที่สุดกระโดดด้วยขาที่ไม่แข็งแรงเกินไปและเหวี่ยงแท่งไม้ในมือทั้งสี่ข้างของมันไปที่คนขี่ม้า

ฉัวะ!

แต่แท่งไม้ของคนขึ้นั้นก็เร็วกว่า มันทะลุช่องว่างระหว่างแห่งไม้ทั้งสี่และแทงหัวของมอนเตอร์พงไพรอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

บูม!

พลังระเบิดออกมาและเผามอนเตอร์พงไพรกลายเป็นเถ้าถ่าน!

ในเวลาต่อมา คนขี่ผู้ที่ปะทะกับกองทัพหลักของมอนเตอร์พงไพรก็ทําเพียงแค่สบัดแท่งไม้ในมือของเขา แต่ก็มีเงาแท่งไม้จํานวนมากเกิดขึ้นทันที!

เขาใช้แท่งไม้แค่อันเดียว แต่มันก็รู้สึกเหมือนกับกําลังแทงแท่งไม้มากกว่ามอนเตอร์พงไพรนับร้อยตัว มอนเตอร์พงไพรทุกตัวที่ขวางทางเขาถูกบดขยี้ หลายตัวถูกโยนไปกลางอากาศ ก่อนที่จะโดนแทงในส่วนที่สําคัญและกลายเป็นเถ้าถ่าน

กุบกับ กุบกับ กุบกับ…

ในที่สุดหลังจากที่ควบม้าผ่านมอนเตอร์พงไพรตัวสุดท้ายซึ่งถูกแทงและสลายไปกลางอากาศ ม้าก็ไม่ได้หยุดลง แต่ยังคงมุ่งไปที่ต้นไม้สีม่วงต่อไป และคนขี่ก็ยกแท่งไม้แทงเข้าไปในต้นไม้สีม่วง ราวกับหอกในระหว่างการพุ่งด้วยความเร็วสูง

ฉัวะ!

พลังอันมหาศาลได้ทําลายลําต้นของต้นไม้สีม่วงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสองเมตร และแทงหัวใจของไม้สีม่วงที่ซ่อนอยู่ข้างใน!

บูม! บูม!

จากนั้นต้นไม้สีม่วงก็เริ่มหดตัว

ในท้ายที่สุด ภาพลวงตาก็หายไป และแท่งไม้สีม่วงยาวสองเมตรซึ่งดูเหมือนว่าจะทําจากไม้ และหยกก็ถูกวีรบุรุษคว้าไป

ในตอนที่เขาคว้าแท่งไม้ ระดับของวีรบุรุษก็ก้าวเข้าสู่ระดับวิสามัญอันดับ 5!

ใบหน้าที่แท้จริงของวีรบุรุษที่ท้าทายศัตรูที่มีอันดับสูงกว่าเขาถูกเปิดเผย เขาเป็นชายที่สูง หล่อเหลา และสามารถข่มขู่ผู้คนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย!

[หลู่ลุ้นอี้]

[ระดับ : วิสามัญอันดับ 5]

[การประเมิน : ผู้บัญชาการ]

[รายละเอียด : ฉายากิเลนหยก เขาเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพในเหลียงซาน เขาเป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ และเป็นนักรบที่แข็งแกร่งซึ่งรู้จักกันดีในเรื่องความเชี่ยวชาญของเขาเรื่องแท่งไม้]

กิเลนหยก หลู่ลุ้นอี้

ก่อนห้องโถงแห่งความจงรักภักดีในเหลียงซาน มีธงเพียงสองผืนที่มีคําเย็ยติดอยู่ หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ผู้พิทักษ์ความยุติะรรมจากซานตง” และอีกหนึ่งกล่าวว่า “กิเลนหยกจากเหอเปย!

ในการต่อสู้ กองทหารของเหลียงซานถูกศัตรูแยก หลู่ลุ้นอี้ได้สู้กับนักรบที่แข็งแกร่งทั้งสี่คนจากอาณาจักรเหลียว หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาก็สังหารหนึ่งในนั้นและทําให้อีกสามคนหวาดกลัว

หลังจากการต่อสู้กับแม่ทัพทั้งสี่ เขาก็พบกับทหารเหลียวประมาณหนึ่งพันคน เขาโจมตีพวกเขาทุกคนด้วยตัวเองและบดขยี้ทหารเหล่านั้น

นั่นเป็นกรณีเดียวในซ้องกิ่งที่เป็นการต่อสู้หนึ่งต่อศัตรูนับพันด้วยตัวเขาเองและเป็นฝ่ายชนะ

นอกจากนี้ยังเป็นเหตุผลที่ทําให้หลู่จันอี้เอาชนะมอนเตอร์พงไพรนับร้อยตัวได้อย่างง่ายดาย วีรบุรุษคนอื่นจากซ้องกึ่งแทบจะไม่สามารถผ่านบททดสอบแม้ว่าเครื่องบูชายัญจะถูกปราบปราม โดยพลังแห่งโชคชะตาของป้อมปราการภูเขามังกรคู่

“ผู้นําหลู่ การมาถึงของนายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการต่อสู้ของป้อมปรากรรกับมนุษย์อิน ทรี!” จีเย่มองไปที่กิเลนหยกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในทางเทคนิคแล้ว วีรบุรุษทุกคนมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทาง ตัวอย่างเช่น หยางจื้อและหลู่จือเซินในฐานะนายทหารของราชวงศ์ซ่งในอดีตนั้นสามารถเลือกที่จะไปถิ่นฐานที่มีภูมิหลังของกองทัพซ่ง และอู่ซงก็สามารถไปถิ่นฐานเช่นวัดลิ่วเหอ

หลู่จันอี้เป็นอันดับสองรองจากซ่งเจียงในเหลียงซาน และเขาก็เป็นผู้นําที่แท้จริงของที่นั่น เขาไร้เทียมทานเหมือนกับลิโป้ในสามก๊ก

ในขณะนั้นเอง ความทรงจําหลักของหลู่ลุ้นอี้คือความทรงจําเหล่านั้นก่อนที่เขาจะไปที่เหลียงซาน จีเย่ค่อนข้างแปลกใจที่เขาเต็มใจที่จะ “ดูถูก” ตัวเองโดยการมายังป้อมปราการภูเขามังกรคู่ในฐานะเจ้าดินแดนที่ร่ํารวย

“ท่านยกยอฉันเกินไปแล้วครับ!”

“ด้วยน้องชายอู่ น้องชายหลู่ และน้องชายกงซุนอยู่ที่นี่ มนุษย์ต่างดาวจะพ่ายแพ้ในไม่ช้า!”

“โชคดีสําหรับฉันอย่างแท้จริงที่ฉันมาทันการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับมนุษย์ต่างดาว ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”

หลู่ลุ้นอี้ผู้ที่ถือแท่งไม้สีม่วงลายกิเลนยิ้มออกมา แต่ก็ไม่มีความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเขา

วีรบุรุษไม่มีทางเลือกมากมายเหมือนกับที่พวกเขาคิด

เป็นเพราะว่าถิ่นฐานส่วนใหญ่ไม่สามารถจัดหาเครื่องบูชายัญที่จําเป็นสําหรับการอัญเชิญของพวกเขาด้วยความแข็งแกร่งเต็มกําลังของพวกเขา พวกเขาอาจเลือกไปด้วยระดับพลังที่ต่ํากว่าเดิม แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ต้องการทําอย่างนั้น

แน่นอนว่านอกจากแท่งไม้กิเลนขั้นสมบูรณ์นี้แล้ว สิ่งที่ดึงดูดใจหลู่จิ้นอื้อย่างแท้จริงก็คือศักยภาพของภูเขามังกรคู่

การมาถึงป้อมปราการนี้หมายความว่าเขาต้องยอมรับคําสั่งของจีเย่ซึ่งแตกต่างจากถิ่นฐานอื่นที่วีรบุรุษมักจะเรียกร้องความเป็นผู้นําหลังจากที่พวกมาไปถึงเพราะพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก

อย่างไรก็ตาม “เป็นผู้นําดีกว่าเป็นผู้ตาม” นั้นไม่เป็นความจริงในดินแดนแห่งมรดก สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือการเลือกให้ถูกที่ถูกเวลา!