ตอนที่ 214 ระวังวาจา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 214 ระวังวาจา
ทว่า หลี่จือเจี๋ยมีใบหน้าหล่อเหลา สง่างาม หากไป๋ชิงเหยียนมีใจให้หลี่จือเจี๋ยขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร

รัชทายาทเป็นกังวลอยู่แค่ในใจไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า เขายกเหล้าขึ้นจิบพลางฟังเพลงบรรเลงอย่างรื่นรมย์ ราวกับถูกสาวงามที่เต้นระบำอยู่กลางกระโจมดึงดูดสายตา

สาวใช้นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม นางยกไหเหล้ารินให้ไป๋ชิงเหยียน

“ท่านแม่ทัพ บ่าวรินเหล้าให้นะเจ้าคะ…”

สายตาของไป๋ชิงเหยียนมองไปยังนางรำ เสียงของเสิ่นชิงจู๋ดังอยู่ข้างใบหูของนาง หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้านิ่งๆ

“เปลี่ยนเป็นชาเถิด! ข้าไม่ดื่มเหล้า”

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้เดินจากไป ไม่นานก็นำชาร้อนมาเปลี่ยนให้แทน นางวางชาร้อนไว้บนโต๊ะไม้ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน จากนั้นย่อกายลงพลางขยับไปยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง

ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้น เปิดฝาถ้วยออกพลางเป่าไล่ความร้อนในถ้วยชา ตัวอักษรที่เสิ่นชิงจู๋เขียนไว้บนฝาถ้วยชาปรากฏขึ้น

เสี่ยวจิ่วถูกขัง…

ใจของไป๋ชิงเหยียนเต้นรัว พริบตาเดียว หญิงสาวร่างชาวาบกับข่าวที่ได้รับ

จักรพรรดิซีเหลียงถูกลอบปลงพระชนม์ จักรพรรดินีของซีเหลียงจึงต้องขึ้นครองราชย์อย่างกะทันหัน เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของเสี่ยวจิ่วอย่างนั้นหรือ!

ลอบเข้าไปสังหารจักรพรรดิซีเหลียงในวังหลวง คือนิสัยของเสี่ยวจิ่วจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวจิ่วจะเป็นเช่นไรบ้าง ถูกทรมานบ้างหรือไม่

ไม่เป็นอันใด แค่โดนกังขังเท่านั้น ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว!

หากมีชีวิตอยู่…นางก็มีทางช่วยเหลือเขาออกมา!

ไป๋ชิงเหยียนจิบน้ำชาด้วยท่าทีนิ่งๆ พยายามควบคุมตัวเองให้สงบนิ่ง

หากเป็นเช่นนี้…คงต้องรอดูท่าทีของหลี่จือเจี๋ยว่า จะใช้เสี่ยวจิ่วเป็นข้อต่อรองในการเจรจาสงบศึกในครั้งนี้หรือไม่

หากหลี่จือเจี๋ยใช้เสี่ยวจิ่วเป็นข้อต่อรองอย่างเปิดเผย เช่นนั้นรัชทายาท และคณะทูตของต้าจิ้นต้องยอมแลกชีวิตเสี่ยวจิ่วกลับมาอยู่แล้ว เพราะราชวงศ์ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองที่สุด พวกเขาต้องไม่ยอมให้ชาวบ้านเห็นว่าราชวงศ์ต้าจิ้นไม่ยินดีแลกชีวิตของแม่ทัพที่ถูกแคว้นศัตรูจับไปเป็นตัวประกันเด็ดขาดขณะออกรบเพื่อปกป้องแคว้นต้าจิ้นเด็ดขาด

ที่สำคัญ บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงในสนามรบทั้งหมด หากเสี่ยวจิ่วถูกจับเป็นตัวประกัน…เขาก็คือบุรุษเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋

ทว่า หากหลี่จือเจี๋ยรู้ว่าจักรพรรดิของต้าจิ้นหวาดระแวงในตัวขุนนาง ตัดสินใจใช้เสี่ยวจิ่วเป็นข้อต่อรองกับรัชทายาทอย่างลับๆ เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วก็แทบไม่มีโอกาสรอด

หากเป็นเช่นนั้น นางคงทำได้เพียงสู้รบแย่งชิงตัวเสี่ยวกลับมาอย่างซึ่งๆ หน้า

ไป๋ชิงเหยียนถือถ้วยชาอยู่ในมือ มองไปทางนางรำพลางหรี่ตาแคบลง ซีเหลียงจะใช้ประโยชน์จากเสี่ยวจิ่วเช่นไรกันแน่นะ นางต้องหาวิธีหยั่งเชิงเสียแล้ว…

“องค์หญิงผิงหยางเสด็จ…”

เสียงแหลมของทันทีดังขึ้นจากนอกกระโจม นางรำที่กำลังร่ายรำอยู่หยุดการแสดงลงโดยพร้อมเพรียงกัน ต่างย่อกายถอยไปยืนอยู่ริมกระโจมทั้งสองข้างอย่างเป็นระเบียบ

หลี่จือเจี๋ยวางเหล้าในมือลง เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เห็นหญิงสาวนั่งหลังตรงอยู่กลางกระโจมอย่างสง่างาม ไม่ดื่มเหล้าแต่กลับยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มแทน กิริยาท่าทางของนางสูงส่งสง่างาม ไอเย็นที่แผ่ออกมารอบกายเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนงดงามเหนือคำบรรยายจริงๆ งามจดน่าตะลึง แม้หลี่เทียนฟู่จะงดงามไม่เท่าไป๋ชิงเหยียน ทว่า หากเทียบเรื่องเสน่ห์อันเย้ายวนแล้ว ไป๋ชิงเหยียนสู้หลี่เทียนฟู่ไม่ได้จริงๆ

หลี่เทียนฟู่มีใบหน้าที่มีเสน่ห์เย้ายวน เป็นเสน่ห์โดยธรรมชาติที่สามารถดึงดูดใจของบุรุษได้อย่างง่ายดาย แม้หลี่จือเจี๋ยจะหลงใหลในความงาม ทว่า เขาแค่ชื่นชมความงามจากที่ต่างๆ เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่หลงใหลในกิเลสตัณหา ดังนั้นที่เขาเอ็นดูญาติผู้น้องคนนี้ ไม่ใช่เพราะมีความคิดอกุศลแต่อย่างใด

หลี่จือเจี๋ยลุกขึ้นยืนพลางมองไปยังนอกกระโจม นางกำนัลที่ถือกระถางธูปหอมทรงสัตว์มงคลไว้ในมือแหวกม่านออก หลี่เทียนฟู่ซึ่งใช้ผ้าสีทองผืนบางคลุมใบหน้าเอาไว้เดินเข้ามาในกระโจมท่ามกลางกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ขนตาหนาเป็นแพ ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก

เหมือนจะเป็นสัญชาตญาณของสตรี หลี่เทียนฟู่เหล่มองไปทางไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่ถัดจากรัชทายาทแห่งต้าจิ้นท่ามกลางโคมไฟแก้ว

แสงไฟนวลส่องสะท้อนใบหน้าที่งดงามน่าตราตรึงใจของหญิงสาว ผมยาวของนางเกล้าสูงอยู่บนศีรษะ ใบหน้าไม่มีการแต่งเติมใดๆ ไม่มีเครื่องประดับสักชิ้น ทว่า กลับดูงดงามสูงศักดิ์น่าตราตรึงใจยิ่งนัก

ใบหน้างดงามประณีต อ่อนโยนตามแบบฉบับสาวงามแต่โบราณ ทว่า ดวงตาสีดำคู่น้ำกลับแฝงไปด้วยความล้ำลึก มืดมิดราวกับท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว ความเยือกเย็นแผ่อยู่รอบกาย ช่างดูเป็นสตรีที่เย่อหยิ่งยิ่งนัก

มาที่กระโจมโดยแต่งชุดเครื่องแบบทหารเช่นนี้ นางคงเป็นไป๋ชิงเหยียน เทพสังหารเสี่ยวไป๋ไซว่ที่โจมตีจนแม่ทัพอวิ๋นพั่วสิงจนพ่ายแพ้ย่อยยับสินะ!

หลี่เทียนฟู่มั่นใจในความงามของตัวเองมาโดยตลอด เดิมทีนางคิดว่าไป๋ชิงเหยียนคงเป็นเพียงสตรีร่างบึกบึน ใบหน้าหยาบกร้านผู้หนึ่งเท่านั้น ผู้ใดจะคิดว่าเสี่ยวไป๋ไซว่จะเป็นสาวงามเช่นนี้!

หลี่เทียนฟู่รู้สึกไม่ชอบใจ หญิงสาวปลดเลื้อคลุมกันลมสีแดงออกอย่างเชื่องช้า เครื่องแต่งกายด้านในคล้ายคลึงกับเครื่องแต่งกายของต้าจิ้นมาก ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนประดับด้วยลวดลายดอกไม้สีทอง บริเวณเอวผูกด้วยผ้าไหมสีแดงกระชับทรวดทรงอย่างชัดเจน ใบหน้าคลุมด้วยผ้าคลุมแผ่นบาง ผมสีดำเกล้าขึ้นเป็นมวย ปักด้วยปิ่นปักผมหยกเขียวอันหรู ข้อมือเล็กสวมกำไลหลิงหลงสีทองซึ่งทำขึ้นอย่างประณีต ป้ายหยกที่คาดอยู่บริเวณเอวดังขึ้นตามจังหวะการก้าวเท้าของหญิงสาว เสียงดังมาก่อนที่คนจะเดินมาถึงเสียอีก

“องค์หญิง!” หลี่จือเจี๋ยทำความเคารพหลี่เทียนฟู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นแนะนำหญิงสาวให้รัชทายาทได้รู้จัก “ท่านผู้นี้องค์หญิงผิงหยาง น้องสาวแท้ๆ ของจักรพรรดินีของเราพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์รัชทายาท!” หลี่เทียนฟู่ย่อกายลงเล็กน้อยพลางก้มศีรษะทำความเคารพรัชทายาท น้ำเสียงเล็กและแผ่วเบาราวกับนกร้องทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกซ่าน

รัชทายาทหรี่ตาลงเล็กน้อย พยักหน้าให้หลี่เทียนฟู่ที่ยืนอยู่กลางกระโจม

“องค์หญิงไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถิด!”

ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งถัดลงมาจากรัชทายาทเงยหน้ามองไปทางหลี่เทียนฟู่ กลิ่นหอมจากร่างขององค์หญิงผิงหยางผู้นี้กระจายไปตามจังหวะการเดินของหญิงสาว ไป๋ชิงเหยียนได้กลิ่นหอมจางๆ จากเรือนร่างของนาง

หลี่เทียนฟู่นั่งลง ปลดผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามเย้ายวนใจของหญิงสาว ดวงตาหยิ่งทระนงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน น้ำเสียงแฝงไปด้วยความยโสโอหังและเอาแต่ใจ

“เจ้าคือเทพสังหารไป๋ชิงเหยียนที่ชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วทุกแคว้นอย่างนั้นหรือ”

เมื่อถูกเรียกชื่อ ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลี่เทียนฟู่ ก้มหน้าทำความเคารพเล็กน้อย

“องค์หญิง กระหม่อมมิกล้ารับพ่ะย่ะค่ะ…” ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ หลี่เทียนฟู่แสยะยิ้มเย็นออกมา น้ำเสียงประชดประชันอย่างไม่ปกปิด

“เจ้าอายุยังน้อย ไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษบ้างหรืออย่างไรถึงกล้าเรียกตัวเองว่าเทพเช่นนี้ ช่างน่าไม่อายเสียจริง!”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น องค์หญิงซีเหลียงเป็นคนเริ่มฉีกหน้าก่อน นี่เป็นโอกาสอันดีที่ไป๋ชิงเหยียนจะหยั่งเชิงซีเหลียงเรื่องเสี่ยวจิ่ว ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ได้มีท่าทีโมโหแต่อย่างใด

ใบหน้าของจางตวนรุ่ยคล้ำลง กำหมัดกล่าวขึ้น “องค์หญิงซีเหลียง โปรดระวังวาจาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

หลี่เทียนฟู่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยต้องระวังวาจาของตัวเอง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน นางก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนชนะสงคราม นางจึงต้องเดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีเช่นนี้ นางเกลียดชังไป๋ชิงเหยียนเป็นอย่างมาก

รัชทายาทก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ แผนการที่เขากับฟางเหล่าช่วยกันคิด ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้นี่แหล่ะ

มุมปากของหลี่เทียนฟู่ปรากฏรอยยิ้มหยัน “เจ้าสังหารทหารยอมจำนนนับแสนของซีเหลียง ไม่ใช่เพราะอยากสร้างชื่อเสียงการเป็นเทพสังหารของเจ้าหรืออย่างไรกัน อย่างน้อยตระกูลไป๋ก็เป็นตระกูลขุนนางผู้จงรักภักดีมานับร้อยปี หากท่านปู่ของเจ้ารู้ว่าเจ้าสังหารทหารยอมจำนนนับแสนเพื่อชื่อเสียงของตัวเองจนทำให้ตระกูลไป๋ต้องแปดเปื้อน และโดนคำครหาจากผู้คน ท่านปู่ของเจ้าจะนอนตายตาหลับหรือไม่นะ!”

สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลงในทันที

“องค์หญิง!” หลี่จือเจี๋ยหน้าถอดสีเล็กน้อย ตะโกนเรียกหลี่เทียนฟู่เสียงดัง เขารีบลุกขึ้นโค้งกายขอขมาไป๋ชิงเหยียน

“แม่ทัพไป๋อย่าถือโทษเลยนะขอรับ องค์หญิงถูกฮ่องเต้องค์ก่อน และฮองเฮาตามใจมาตั้งแต่เด็ก อาจกล่าววาจาเกินเลยไปบ้าง หวังว่าแม่ทัพไป๋จะใจกว้าง อย่าถือโทษองค์หญิงเลยนะขอรับ!”