บทที่ 238 อีกวิธีในการนั่งบนภูเขาดูเสือสู้กัน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 238 อีกวิธีในการนั่งบนภูเขาดูเสือสู้กัน

แววตาของเย่แจ๋หยิ่งเคลือบไปด้วยความสงสัย ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ยังมีท่าทีเหมือนไม่มีพิษภัย เพียงพริบตาเดียวนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความอาฆาต

นางเป็นใครกันแน่?

แต่!

ไม่ว่าจะนางจะเป็นใคร เพียงแค่นางเป็นผู้ที่ไม่ได้ประสงค์ดี เขาก็ฆ่าไม่เว้น

แววความสงสัยก่อนหน้านี้ หายวับไปในดวงตาที่เย็นชา แล้วถูกแทนที่ด้วยแรงสังหารที่เยือกเย็นทันที

เขากำลังดึงกำลังภายในขึ้นมาออกมาอย่างลับๆ เพียงรอให้หญิงที่มีเสน่ห์แพรวพราวผู้นี้โจมตีมาถึงด้านหน้า เขาก็จะทำให้นางจบชีวิตลง

แต่ทว่า……

“แฮ่มแฮ่มแฮ่ม……”

ในเวลาสำคัญนี้ เขาเจ็บแปลบขึ้นมาที่หัวใจกะทันหัน ในคอรู้สึกถึงรสหวานคาว จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา

“ฟู่……”

เห็นดังนั้น!

หลานเยาเยาตะลึงไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะจับมีดสั้นในมือให้แน่นขึ้นอีก

แม้ว่าจะลังเลไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อความเร็วในการลอบสังหารของนาง

นางมีความว่องไวมาก หลบตัวไปซ้ายขวา ใช้จังหวะที่เย่แจ๋หยิ่งไม่ทันป้องกันตัว มาถึงด้านหน้าของเขา จากนั้นก็เล็งแทงไปยังตำแหน่งหัวใจของเขา

“อ้า…….”

เสียงร้องที่น่าสังเวช ดังขึ้นพร้อมกับมีดสั้นที่แทงเข้าที่หน้าอก หลานเยาเยาไม่ได้กะพริบตาแม้แต่น้อย

“เจ้า……”

เย่แจ๋หยิ่งมองดูมีดสั้นของหญิงชุดแดง ที่ผ่านช่วงบ่าของเขาไป แล้วแทงลงไปที่หน้าอกของนักฆ่าที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง

จากนั้นก็จ้องมองใกล้เข้าไปที่ใบหน้าของหญิงชุดแดง

มองดูดวงตาที่เฉยชาของนาง โฉมหน้าที่สวยงามแพรวพราว รอยดอกไม้บานจางๆที่อยู่บนใบหน้า ความรู้สึกที่คุ้นเคยผุดขึ้นมาโดยธรรมชาติ

นางเป็นใครกันแน่……

“ไม่ต้องเลื่อมใสในตัวพี่ชาย พี่ชายเป็นเพียงแค่ตำนาน”

เสียงเบาๆออกมาจากปากของหลานเยาเยา ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกแม้แต่น้อย

เมื่อสักครู่เกือบควบคุมตัวเองที่คิดอยากจะฆ่าเขาไม่ได้ เดิมทีมีดสั้นด้ามนั้นพุ่งตรงไปที่หน้าอกของเขา แต่สุดท้ายสติก็มาควบคุมความรู้สึก

เขาไม่สามารถตายได้……

อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังตายไม่ได้……

คิดอยากจะกำจัดราชครูใหญ่และอำนาจของราชครูใหญ่ เย่แจ๋หยิ่งจำเป็นจะต้องมีบทบาทที่สำคัญ

ดังเช่นเมื่อสามปีก่อน

นางต้องใช้วิธีของผู้นั้นเพื่อตอบแทนคนผู้นั้น

เย่แจ๋หยิ่งเพียงจ้องมองนาง สายตาเย็นชา ไม่พูดอะไรสักคำ

หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น!

“เมื่อสักครู่คนผู้นั้นจะฆ่าเจ้า ดังนั้นเจ้าติดค้างข้าไว้หนึ่งชีวิต แต่ว่า พี่สาวใจกว้าง ไม่ต้องให้เจ้าชดใช้”

นางดึงมีดสั้นกลับมา เสียงนักฆ่าล้มตายดังมาจากข้างนอก

ดังนั้น!

นางจึงถอยหลังมาสองสามก้าว

มองไปดูรอยเลือดที่มุมปากของเย่แจ๋หยิ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป

“เอี๊ยด……”

ประตูห้องเปิดแล้ว หลานเยาเยายกเท้าจะเดินออกไป

แต่ว่า!

ท่อนแขนกลับโดนมือที่ใหญ่เรียวยาวข้างหนึ่งดึงไว้ แล้วลากนางเข้าไปในห้อง

“ผึบ” เสียงหนึ่ง ประตูห้องปิดลง

หลานเยาเยาโดนเย่แจ๋หยิ่งดันเข้าไปกับกำแพง และถูกรวบมือทั้งสองข้างไว้

นี่ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย!

“เจ้าจะทำอะไร?” นางพูดด้วยน้ำเสียงโทสะ

และเย่แจ๋หยิ่งก็มองดูที่ดวงตาของนางอย่างนั้น จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าจ้องมองดอกไม้อยู่

“ดวงตาของเจ้า……”

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาใจเต้น

ดวงตา?

แย่แล้ว แม้ว่าหน้าตาภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่ดวงตายังไงก็เปลี่ยนไปไม่ได้

หรือว่าเขาจำนางได้?

ไม่ ไม่เหมือน!

และเป็นไปไม่ได้ เขาจะจำคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องไม่มีความสำคัญกับเขาได้เช่นไร?

เห็นเขาเช่นนี้ คือเต็มไปด้วยความสงสัย ดังนั้นเดิมทีเขาจำนางได้ ทว่าหลานเยาเยาเปลี่ยนไปมองเขาอย่างเฉยชา มุมปากยกขึ้นแสยะยิ้ม

“ดวงตา? ดวงตาน่ามองแน่นอน ไม่เพียงแค่ดวงตาที่น่ามอง ใบหน้าก็สวยงามเป็นที่สุด รูปร่างก็ดีเป็นสองเท่า

ทำไม? เจ้าเห็นแล้วมีความต้องการหรือ? จะบอกเจ้า เป็นไปไม่ได้ เลิกคิดว่าเจ้าจะใช้กำลังบังคับข้า

ไม่เช่นนั้น พวกเรามาเปลี่ยนกัน ให้ข้าเป็นผู้ใช้กำลังบังคับเจ้าเป็นเช่นไร?”

“……”

เย่แจ๋หยิ่งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่ๆ ผู้หญิงตรงหน้าผู้นี้วาจาท่าทางช่างไม่เรียบร้อย เขาจะไปรู้จักได้เช่นไร?

ดังนั้น!

เขาจึงปล่อยนาง และเคลื่อนสายตาไปทางอื่น

“เชอะ!”

หลานเยาเยาแสดงความไม่พอใจออกมาเบาๆ ผิวปาก หมุนตัวอย่างผ่าเผย เปิดประตูห้องอีกครั้ง เดินไปทางชั้นสอง

เมื่อถึงชั้นสอง เสียงผิวปากก็หยุดลง นางหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ กำมีดสั้นในมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ราวกับว่าจะกำมันเข้าไปในเลือดเนื้อก็ไม่ปาน……

ทันใดนั้น!

สายตาเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด ปักมีดสั้นเข้าไปที่ราวจับตรงทางเดินชั้นสองด้วยโทสะ จากนั้นก็หลับตาลงเงียบๆ

จื่อซีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดรีบเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นท่าทางของหลานเยาเยา ทั้งได้เห็นรอยคราบเลือดบนตัวนางอีก ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง

“คุณหนู ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?”

เมื่อได้ยินเสียงของจื่อซี หลานเยาเยาจึงได้เก็บอารมณ์ไว้ ลืมตาขึ้น แปรเปลี่ยนกลับเป็นท่าทีเป็นสุขุมพร้อมจิตใจที่ดูสงบ

ได้รับบาดเจ็บ?

นางได้รับบาดเจ็บที่ไหน?

หากนางได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นต้องแย่แน่

นางจะต้องใช้เวลาพักฟื้นสักสิบวันถึงครึ่งเดือน

ดังนั้นนางจึงรีบตรวดตราดูร่างกายของตนเอง หลังจากที่เห็นว่าบนตัวมีคราบเลือดอยู่จริง ก็กล่าวอย่างผิดหวังว่า :

“เหมือนเช่นเจ้า เลือดไม่ใช่ของข้า”

เลือดบนตัวนางเป็นของเย่แจ๋หยิ่ง คาดว่าเมื่อครู่โดนเขา……ณ เวลานั้น ทำให้เปื้อนโดนไม่ได้ระวังตัว

เมื่อกล่าวไปเช่นนี้

จื่อซีจึงได้โล่งใจไปในทันที จากนั้นก็รายงานว่า :

“การลอบสังหารครั้งนี้มีจำนวนคนสี่สิบถึงห้าสิบคน และยังเป็นการวางแผนลอบสังหารที่แยบยล ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ดักซุ่มอยู่ด้านนอกห่างออกไปประมาณร้อยเมตร เมื่อถึงฟ้ามืดจึงได้เริ่มลงมือลอบสังหาร

คุณหนู ข้าน้อยคิดว่า เจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีพิรุธ ข้าจะไปจับตัวเขามาสอบถามขอรับ?”

ใครจะรู้……

หลานเยาเยาโบกปัดมือ

“ไม่ต้องแล้ว!”

“ห๊ะ?”

ทำไมจึงไม่ต้องแล้วล่ะ? ความจริงแล้วเถ้าแก่นั้นก็สามารถนี่!

“เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นอ๋องเย่ที่ชื่อเสียงเกรียงไกรแห่งประเทศก่วงส้า เจ้านายคนก่อนของพวกเจ้า”

เย่แจ๋หยิ่งก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึง ก็อยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้แล้ว

และการลอบสังหารครั้งนี้ก็ผ่านการคิดวางแผนมาอย่างดีเป็นพิเศษ นั่นก็ไม่ใช่การทำงานเพียงแค่คืนเดียวแน่

ดังนั้น เป้าหมายของพวกนักฆ่าเหล่านั้นคือการลอบสังหารเย่แจ๋หยิ่ง และพวกเขาก็เป็นเพียงบรรดาผู้ชมที่บริสุทธิ์ที่พลอยรับเคราะห์ไปด้วยเท่านั้น

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรดีขอรับ?”

เมื่อได้ยินคุณหนูเอ่ยถึงเจ้านายคนก่อน จื่อซีก็รู้สึกเก้ๆกังๆขึ้นมาเล็กน้อย

“ให้จื่อเฟิงจัดการฆ่าพวกกลุ่มนักธนูหลังหน้าต่างให้หมด แล้วพวกเราค่อยนั่งบนภูเขาดูเสือสู้กัน!”

พวกกลุ่มนักธนูเมื่อครู่ ทั้งที่รู้ว่านางไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา แต่กลับยังจะฆ่านาง

แน่นอนว่านางจะต้องเอาคืนพวกเขาสักหน่อยใช่ไหมล่ะ?

“คุณหนู นักธนูด้านหลังเหล่านั้นตายหมดแล้วขอรับ” ไม่ใช่จื่อเฟิงเป็นคนฆ่า

น่าจะเป็นคนของเจ้านายฆ่า

“ตายแล้ว? ตายแล้วก็ดี พวกเรามานั่งดูเสือต่อสู้กันดีกว่า”

“ขอรับ!”

จื่อซีคิดว่านั่งบนภูเขาดูเสือต่อสู้กัน คือนั่งในห้องรอให้คนด้านนอกรบราฆ่าฟันกันเสร็จแล้ว คุณหนูจะให้พวกเขาออกไปค้นหาของมีค่า

กลับคิดไม่ถึงว่า นั่งบนภูเขาดูเสือสู้กันของหลานเยาเยา จะเป็นการนั่งบนภูเขาดูเสือต่อสู้กันจริงๆ

หลานเยาเยาให้เขาเลื่อนเก้าอี้สามตัว วางไว้ที่หัวบันไดชั้นสอง จากนั้นพวกเขาสามคนก็นั่งอยู่ที่นั่น แทะเมล็ดแตงโมแล้วมองดูคนด้านล่างฆ่าฟันกัน

“ในฐานะผู้ชมที่นั่งกินเมล็ดแตงโม พวกเราจะต้องทำหน้าที่คนดูที่กินเมล็ดแตงโมให้ดีที่สุด”

“มามามา กินเมล็ดแตงโมให้เยอะๆหน่อย เมล็ดแตงโมนี่อร่อยสุดๆ พวกเจ้าต้องกินเยอะๆกิน เร่งมือกินไวไว ที่ข้ายังมีอีกตั้งเยอะนะ! เอาไปเอาไป”

จื่อเฟิงที่ปกติแล้วสีหน้าเคร่งขรึมพูดน้อยตกตะลึงไปนิดหนึ่ง

และจื่อซีตกใจจนแทบจะอ้าปากค้าง!

โหสวรรค์!

เห็นการกินเป็นชีวิต และบวกกับเห็นเงินเป็นชีวิตเช่นคุณหนู คิดไม่ถึงว่าจะแบ่งเมล็ดแตงโมให้พวกเขากิน?

นี่คือจังหวะที่ลาภลอยมาจากสวรรค์แล้วจริงๆงั้นหรือ?