บทที่ 223 สาวน้อยที่สู้คนได้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 223 สาวน้อยที่สู้คนได้

บทที่ 223 สาวน้อยที่สู้คนได้

จูอวี้หลิงไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถูกอดีตสามีทำให้ขายหน้าหรือต่อหน้าผู้หญิงของอดีตสามี มันแปลกมากที่เธอยอมกลั้นใจขนาดนี้ได้!

“แกบ้าไปแล้วสินะที่ยอมทำร้ายภรรยาเพื่อนังจิ้งจอกนั่น ฉันจะฟ้องแก จะบอกให้ทุกคนเขารู้กันไปเลยว่าแกเป็นคนยังไง!”

“พวกคุณหย่ากันแล้วนะ และตอนนี้ภรรยาของลุงเสิ่นก็คือซูเถาฮวา!” ซูเสี่ยวเถียนไม่อ่อนข้อให้อีกฝ่าย

“แกเป็นแค่เด็กจะไปรู้อะไร? แกจะไปรู้อะไร?” จูอวี้หลิงตะคอกเสียงดังลั่น

เสี่ยวเถียนยืนข้างเถาฮวา เธอมองหญิงวัยกลางคนที่กำลังตีโพยตีพายด้วยท่าทางนิ่งสงบ

“นับตั้งแต่วันที่พวกเราหย่าได้เริ่มขึ้น เธอควรรู้ว่ามันจะต้องมีวันแบบนี้มาถึง” เสิ่นจื่อเจินกล่าว

โดนภรรยาและลูกทิ้งไว้ในตอนนั้น จนเขาเคยมีความคิดที่จะจบชีวิตตัวเองลาโลกนี้ไปแล้ว

เขาคิดว่าถ้าไม่ได้มาหงซินแล้วเจอคนพวกนี้ เขาคงไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป

จูอวี้หลิงไม่คาดคิดเลยว่าอดีตสามีจะเปิดโปงเรื่องจริงโดยไม่ไว้หน้าเธอสักนิด

เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าก็บิดเบี้ยว

ทั้งหมดมันเป็นเพราะนังผู้หญิงไร้ค่าคนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เสิ่นจื่อเจินคงไม่เป็นเช่นนี้

ส่วนเสิ่นจื่อเจินที่พูดออกไปก็รู้สึกเบาใจ เขาโล่งใจในทันที เราหย่ากันแล้ว และสามแม่ลูกนั่นก็ตัดขาดกับเขาด้วยเช่นกัน

สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ กระจกที่แตกไม่สามารถประกอบขึ้นใหม่ได้ และเขาก็ไม่คิดจะกลับไปคืนดีแต่แรกด้วย

“จูอวี้หลิง พวกเราหย่ากันแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันแล้ว ทำไมยังอุตส่าห์มาสร้างปัญหาถึงที่นี่อีก? ไม่กลัวมันจะทำให้เธอโดนข้องเกี่ยวไปด้วยหรือไง?” เขาพูดอย่างเย็นชา

จูอวี้หลิงมองอีกฝ่าย ดูก็รู้ว่าเขากำลังทำให้เธอเคืองอยู่

ก่อนเธอจะพูดอย่างเชื่องช้า “ตอนนั้นไม่ใช่ว่าฉันกลัวหรอก แต่ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่พอเจอเรื่องแบบนี้จะไม่ให้กลัวกันได้ยังไงล่ะ?”

เธอยังไม่ลืมจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ นั่นคือการได้ใจของสามีกลับมา

ตอนนั้นเธอคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพราะที่บ้านไม่มีผู้ชายคอยหนุนหลังให้ มีหลายเรื่องที่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด

เธอดีใจที่ชายคนนี้จะได้กอบกู้ชื่อเสียงแล้ว และมันก็ดีต่อตัวเธอด้วยเช่นกัน หลังจากนี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยกันหรืออาจจะร่วมเดินเส้นทางอื่นก็ได้

แต่คำพูดของเธอทำให้มุมปากของเขากระตุกโดยไม่ได้ตั้งใจ

กลัว?

ใช่แล้ว กลัวสินะ?

หลังจากเกิดเรื่องก็ใส่ร้ายป้ายสีเขา นี่มันไม่ได้กลัวแล้ว มันคือได้ทีขี่แพะไล่ต่างหาก

ถ้าไม่ใช่เพราะสามแม่ลูกคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่ บางทีเขาคงไม่ถูกส่งตัวไปภาคตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้หรอก

ตอนนั้นเขารู้สึกจริงๆ ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่เป็นศัตรูคู่แค้น และเด็กสองคนนั้นก็ไม่ใช่สายเลือดของเขา แต่เป็นศัตรูตัวฉกาจ

“ให้หนูเดานะ เพราะลุงเสิ่นจะได้กอบกู้ชื่อเสียงแล้วใช่ไหมคะ เบื้องบนเลยจะให้ลุงเสิ่นกลับไปเมืองหลวง ถูกไหม?” ซูเสี่ยวเถียนพูดความจริงด้วยรอยยิ้ม

น้ำเสียงของเธอเบามาก แต่สิ่งที่เธอพูดมันไม่เบาเลย

คนในคอกวัวไม่มีใครคิดว่านี่คือความจริง

แต่พวกเขาไม่ได้ยินข่าวคราวใดเลย จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

แต่เสี่ยวเถียนรู้ว่าลุงแกจะเป็นคนแรกที่ได้รับการกอบกู้ชื่อเสียงในกลุ่มคนพวกนี้

เบื้องบนได้มีการจัดประชุมเรื่องการรับนักศึกษาอีกครั้ง

มหาวิทยาลัยต้องการรับสมัครนักเรียน และนั่นต้องมีครูผู้สอน

และในบรรดาอาจารย์ที่ถูกกำจัดพวกนั้นก็จะถูกส่งตัวกลับไปทำงานที่เดิมทีละคน ๆ เช่นกัน

ครอบครัวปู่ฉือมีความสัมพันธ์กับคนคนที่อยู่ต่างประเทศ ต่างจากลุงเสิ่นที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่าเขาโดนคนเล่นงานนะ จะต้องเป็นคนแรกที่ได้กลับไปแน่นอน

ทุกคนมองเสี่ยวเถียนด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง

แต่สายตาจูอวี้หลิงหลุกหลิก ดวงตากะพริบปริบ ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะมองเข้าไปในดวงตาของเสิ่นจื่อเจินเลย

ใช่แล้ว เธอรู้ว่าอดีตสามีจะได้กอบกู้ชื่อเสียงก็เลยพาลูก ๆ มาหาทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ

ได้ยินว่าเบื้องบนจะแก้เรื่องสถานะให้ และเงินเดือนจะได้รับการชดเชยด้วย บางทีอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้น หรือได้รับค่าตอบแทนอะไรก็ได้นะ

เพราะเสิ่นจื่อเจินจะได้กลับสู่สถานะอันรุ่งโรจน์เดิมของเขา แน่นอนว่าเธอจึงต้องคว้าโอกาสนี้ไว้

แต่พวกเขาอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงที่นี่ เดิมทีคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คาดไว้

ทว่ากลับพบว่าเรื่องราวต่าง ๆ แตกต่างจากที่คาดไว้

เสิ่นจื่อเจินที่กลายเป็นผู้กระทำผิดแต่งงานกับภรรยาใหม่ที่นี่

ไม่ เขาต้องไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันแน่นอน เสิ่นจื่อเจินเป็นผู้กระทำผิด ทางชุมชนไม่ออกใบทะเบียนสมรสให้แน่นอน

ต้องเป็นแบบนี้แน่ เพราะงั้นตอนที่นังผู้หญิงโดนเธอด่า ถึงได้ไม่ขัดขืนเลย

ทันใดนั้น จูอวี้หลิงก็เหมือนจะกระจ่างบางอย่าง

“เสิ่นจื่อเจิน แกอย่าหลอกตัวเองเลย ไม่มีทางที่แกจะได้จดทะเบียนสมรสกับนังนี่หรอก!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วชี้หน้าด่าเถาฮวา

ในเมื่อไม่มีทะเบียนสรสก็ไม่นับว่าแต่งงานกัน

“พวกเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว จูอวี้หลิง อย่าทำให้ตัวเองดูแย่หน่อยเลย!” เสิ่นจื่อเจินทนไม่ไหว

“เป็นไปไม่ได้ พ่อ มันเป็นไปไม่ได้!” เสิ่นเฟยเหวินเอ่ยขึ้นมาทันที น้ำเสียงของเขาย่ำแย่มาก “พ่อ พ่อจะทิ้งเราเพื่อผู้หญิงคนนี้หรือ?”

“แกเป็นคนทิ้งฉัน เฟยเหวิน แกโตแล้วนะ ต้องรู้จักยอมรับความจริงได้แล้ว และต้องรู้วิธีชดใช้ในสิ่งที่ทำด้วย”

ตอนเสิ่นจื่อเจินพูด เสิ่นเฟยเหวินยอมรับไม่ได้ เขาจ้องเขม็งไปทางเสี่ยวเถียน

จากนั้นก็ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ทุกคนแล้ว แต่ง้างมือพุ่งเข้าไปหาเด็กหญิงแทน

ตอนนั้นทุกคนไม่ได้ตอบสนอง เพราะแววตากำลังจ้องมองเฟยเหวินพุ่งเข้าไปใส่เสี่ยวเถียนอยู่

“หยุดนะ!” เสิ่นจื่อเจินเป็นคนแรกที่ตอบสนอง และรีบหยุดเขาไว้

แต่มือและเท้าเสิ่นเฟยเหวินว่องไวเป็นพิเศษ เขาอาศัยตอนที่คนอื่นไม่ทันสังเกตพุ่งเข้าตรงหน้าของเสี่ยวเถียนแล้ว

ซูเถาฮวารีบวิ่งไปทันที พยายามปกป้องหลานสาวด้วยร่างกายตัวเอง

แต่ความเร็วของเขาไม่มากพอ นับประสาอะไรกับคนอื่นที่กำลังมองเหตุการณ์นั้นอยู่ล่ะ

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือพวกเราไม่ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของเด็กสาว แต่เป็นเสียงกรีดร้องทิ่มแทงของเสิ่นเฟยเหวินแทน

โอ้?

เกิดอะไรขึ้น?

ไม่ใช่เสี่ยวเถียนหรือ?

เป็นไปได้อย่างไร?

สิ่งที่ทุกคนเห็นคือไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนทำอีท่าไหนถึงได้หลบฝ่ามือเฟิยเหวินไม่พอ ยังตวัดร่างอีกฝ่ายลงพื้นได้สำเร็จอีก พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาเลย

จากนั้นสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเธอทำได้อย่างไรอีกถึงได้เหยียบชายหนุ่มไว้ใต้เท้าได้

เสิ่นเฟยเหวินเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ แต่ถูกเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเสี่ยวเถียนเหยียบ นอกจากร้องควรญครางแล้วก็หนีไปไหนไม่ได้เลย

“ไอ้เด็กเวร แกรีบออกไปจากตัวฉันเลยนะ ไม่งั้นฉันไม่เอาแกไว้แน่!”

แน่นอนว่ามันเป็นท่าทีของพวกที่แพ้แต่ไม่ยอมแพ้ ถึงจะโดนเหยียบอยู่ แต่เสิ่นเฟยเหวินก็ยังต่อปากต่อคำได้

ซูเสี่ยวเถียนมองในตำแหน่งที่สูงกว่า สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ปล่อยฉันนะ แกได้ไม่ยินหรือไง! ไอ้เด็กสมควรตาย…” เสิ่นเฟยเหวินพยายามอย่างสุดชีวิตแต่สุดท้ายก็ไร้ผล

เท้าเล็ก ๆ ของเสี่ยวเถียนเหมือนมีน้ำหนักหนึ่งพันจิน เธอเหยียบแน่นจนขยับไม่ได้

“หนูไม่ได้ลงมือเพราะเห็นแก่หน้าลุงเสิ่น แต่ถ้าคุณยังใช้ก้นแทนปาก ก็อย่าหาว่าหนูไม่เกรงใจเลย!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วเพิ่มแรงที่ใช้เหยียบไหล่เสิ่นเฟยเหวินขึ้นอีกนิด

เสิ่นเฟยเหวินกรีดร้องอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด

เขาในตอนนี้ดูต่ำต้อยในสายตาคนอื่นมาก

มันยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม? แค่โดนเด็กผู้หญิงเหยียบนิดน้อยจะโวยวายเอาอะไร?

“เสี่ยวเถียน ให้พี่ช่วยไหม? จะได้ไม่เจ็บเท้า” ซูเสี่ยวอู่ก้าวไปข้างหน้าและถามอย่างนอบน้อม

ท่าทางของน้องเล็กดูเท่มากเลยใช่ไหมล่ะ?

เท่กว่าในหนังที่เคยดูเมื่อสองปีที่แล้วมากเลย

เสี่ยวเถียนชำเลืองมองพี่ชาย แววตาไม่ได้แสดงออกชัดมาก แต่ที่ชัดคือมันกำลังบอกว่าพี่มีความสามารถด้วยหรือ?

เสี่ยวอู่ร่างกายแข็งทื่อทันที

ฉืออี้หย่วนมองด้วยความชื่นชม

รู้ว่าเก่ง แต่ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้

เขาเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่สู้เสี่ยวเถียนที่เป็นเด็กผู้หญิงไม่ได้ ช่างน่าล้มเหลวจริง ๆ

แต่ศิลปะการต่อสู้อะไรนั่น คนที่บ้านพวกเขาไม่เก่งเลย

“แกปล่อยฉันเลยนะ รนหาที่ตายอยู่ใช่ไหม!” เสิ่นเฟยเหวินตะโกนด้วยความเจ็บปวด “แม่ ช่วยผมเร็วเข้า! นังเด็กนี่จะเหยียบผมจนตายแล้ว!”