ตอนที่ 1606 : ผู้ฝึกมาร?
ซือถูจั๋วนั้นเป็นคุณชายรองของตระกูลซือถู นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ทำให้ซือถูหังเกือบตาย!
สำหรับซือถูหมิงหรือบิดาของซือถูจั๋วนั้น สถานะของมันในที่แจ้งเพียงเป็นรองแค่ผู้นำตระกูลอย่าง ซือถูฮ่าว เท่านั้น มันยังถูกผู้คนรู้จักกันในนามรองผู้นำหมิงอีกด้วย
ตระกูลซือถู แม้แลดูเหมือนเป็นปึกแผ่นมั่นคงดั่งเหล็ก หากแต่ที่จริงภายในกลับแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งเคารพในตัวซือถูฮ่าว
อีกฝ่ายหนึ่งเคารพรองผู้นำอย่าง ซือถูหมิง
“อันที่จริงแล้วซือถูหมิงมิใช่คนริเริ่มต่อต้านพวกเรา กระทั่งรุ่นก่อนๆตั้งแต่สมัยท่านปู่ของข้าก็มีปัญหากับบิดาของซือถูหมิงเช่นกัน”
ซือถูหังกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง
“และบิดาของซือถูหมิง ก็เป็นผู้ที่ริเริ่มเชื่อมสัมพันธ์กับนิกายหยินหมิง จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมา บิดาของซือถูหมิงลอบสนับสนุนนิกายหยินหมิงอย่างลับๆ เมื่อพวกมันเติบโตแข็งแกร่งขึ้น ก็เหมือนมีดคมของฝ่ายซือถูหมิงที่จ้องจะเสียบอกพวกเรา”
กล่าวถึงเรื่องนี้สีหน้าของซือถูหังก็เผยความจริงจังออกมา”ตลอดเวลาที่ผ่านมาทางฝ่ายของพวกเราพยายามหาทางกำจัดนิกายหยินหมิงมาโดยตลอด แต่พวกเรากลับมิมีโอกาสลงมือ เพราะซือถูหมิงลอบคุ้มครองพวกมันในที่ลับ หากพวกเราผลีผลามลงมือ เกรงว่าซือถูหมิงเองก็จะฉวยโอกาสลงมือเช่นกัน”
“แม้ตอนนั้นฝ่ายพวกเราสามารถปราบนิกายหยินหมิงได้ แต่ต้องได้รับผลกระทบไม่น้อย เผลอๆขุมพลังของพวกเราอาจจะถูกลดลงเป็นขุมพลังชั้น 7 ที่อ่อนแอ ก็เป็นได้”
ซือถูหังกล่าวออกมาหน้าเครียด
“เป็นแบบนี้นี่เอง…”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของซือถูหัง ใบหน้าถมึงทึงของต้วนหลิงเทียนก็พอได้ผ่อนคลายลงมาหน่อย หากเป็นเพราะสาเหตุนี้ ทีท่าของซือถูหังก่อนหน้าก็ไม่นับว่าแปลกอะไร
“เช่นนั้นหมายความว่า ถึงเจ้าจะไปหารือเรื่องนี้กับบิดา ก็ไม่แน่ว่าตระกูลซือถูจะช่วยข้าได้สินะ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“ท่านปรมาจารย์ต้วน ข้าย่อมอยากช่วยเหลือท่านยิ่ง…กระทั่งท่านพ่อเองก็สมควรคิดไม่ต่างจากข้า อย่างไรก็ตามบิดาข้าจำต้องคำนึงถึงภาพรวม บางทีท่านพ่อข้าอาจหาวิธีช่วยเหลือสหายของท่านให้ออกจากนิกายหยินหมิงได้ โดยไม่ต้องกระตุกหนวดซือถูหมิง”
ซือถูหังกล่าวออกมาด้วยทีท่าขออภัย
“คนกว่า 9 ใน 10 ส่วนของนิกายหยินหมิงล้วนเป็นผู้ฝึกมาร พวกมันย่อมมีความรุนแรงเป็นทุน…เป็นการดีที่สุดที่ไม่อาจยืดถ่วงเวลาในการจัดการเรื่องนี้เพราะสหายกับศิษย์พี่ของท่านอาจเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ ข้าจะเร่งไปหารือกับบิดาเดี๋ยวนี้!”
ซือถูหังกล่าว และคิดจะไปหาบิดาของมันทันที
“ช้าก่อน!”
ทว่าต้วนหลิงเทียนกับกล่าวหยุดซือถูหมิงเอาไว้ สองตายังทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ถามว่า”เมื่อครู่ท่านบอกข้าว่า…คน 9 ใน 10 ส่วนของนิกายหยินหมิงเป็นผู้ฝึกมารงั้นเหรอ?”
ผู้ฝึกมาร!
บางทีสำหรับผู้อื่นแล้ว นี่คือตัวตนที่มีความอันตรายสูง อีกทั้งนิสัยยังก้าวร้าวรุนแรงเอาแน่เอานอนไม่ได้
อย่างไรก็ตามสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว…พวกมันเสมือน ‘เนื้อ’ บนเขียง!
แน่นอนว่านี่ย่อมหมายถึงผู้ฝึกมารที่มีพลังฝึกปรือในขอบเขตที่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียนเพียงแค่ขอบเขตเดียวเท่านั้น หากเป็นผู้ฝึกมารที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนถึง 2 ขอบเขตใหญ่ พวกมันก็ไม่ใช่เนื้อบนเขียงของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป
ทั้งหมดเป็นเพราะ ตราผนึกมาร ที่เขามี มันมีพลังอำนาจสยบผู้ฝึกมารได้แค่….ผู้ฝึกมารที่อยู่เหนือเขา 1 ขอบเขตเท่านั้น!
“ใช่!”
แม้ไม่ทราบว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ซือถูหังก็พยักหน้าและพูดว่า”ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์นิกายหยินหมิง ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกมาร…แต่ประมุขและเหล่าชนชั้นรองประมุขที่เป็นขุมพลังหลักของพวกมัน ล้วนเป็นผู้ฝึกมารทุกคน! แม้ประมุข และอาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิงจะพึ่งทะลวงขอบเขตเซียนมาได้แค่ไม่กี่สิบปี แต่เพราะความที่พวกมันเป็นผู้ฝึกมาร ความสามารถในการต่อสู้ของมันจึงเหนือกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นๆในขอบเขตพลังเดียวกัน…”
“เรื่องนี้นับเป็นขอดีของผู้ฝึกมาร! ผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าล้วนรู้กันดีว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกผู้ฝึกมารเป็นเช่นไร!”
ซือถูหังกล่าวสืบต่อ
ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดจากปากซือถูหัง
ผู้ฝึกมาร? มีความสามารถในการต่อสู้?
อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่ซือถูหังกล่าวออกมา สำหรับต้วนหลิงเทียนก็เป็นแค่เรื่องตลก!
บางทีผู้ฝึกมารนั้นอาจจะร้ายกาจและน่ากลัวในสายตาของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ
แต่สำหรับคนที่มีตราผนึกมารไว้ในครอบครองอย่างเขา พวกมันไม่คู่ควรให้กล่าวถึง…แน่นอนว่านี่หมายถึงผู้ฝึกมารที่มีพลังฝึกปรือเหนือเขาแค่ขอบเขตเดียว
“คุณชายใหญ่หัง…ท่านบอกว่าจะไปหารือกับบิดา แต่ข้าถามได้หรือไม่ว่าท่านมีความมั่นใจเท่าไหร่?”
ประกายตาต้วนหลิงเทียนเรืองสว่างออกมาวูบหนึ่ง ถามซือถูหัง
“ท่านปรมาจารย์ต้วน แม้ท่านจะมิได้แก่กว่าข้า แต่ข้าก็เคารพท่านดั่งผู้อาวุโส ย่อมไม่คิดหลอกลวงท่าน อันที่จริงข้ามั่นใจไม่ถึง 3 ส่วนด้วยซ้ำ…”
ซือถูหังระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนัก
“ถ้างั้น เรื่องนี้ท่านก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกบิดาท่าน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ทะ..ท่านปรมาจารย์ต้วน?”
ซือถูหังถึงกับตัวแข็งค้างไปทันใด ด้วยไม่ทราบว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเพราะมีโทสะหรืออย่างไร
“ข้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
หลังจากกล่าวบอกซือถูหังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็จากไปทันที ร่างคนวูบหายไปต่อหน้าต่อตาซือถูหัง
“คุณชายใหญ่หัง ข้ารู้ว่าท่านจะยังคงไปรายงานบิดาของท่านให้ทราบอยู่ดี ข้าซาบซึ้งในความหวังดีของท่าน อย่างไรก็ตามถึงแม้บิดาท่านคิดจะช่วยเหลือข้าจริงๆ แต่ข้าอยากขอให้พวกท่านทั้งคู่รอข้ากลับมาก่อน…ใครจะไปรู้ข้าอาจทำให้พวกท่านทั้งคู่ประหลาดใจเมื่อกลับมาก็เป็นได้”
ในขณะที่ซือถูหังจะออกไปหาบิดาเพื่อหารือถึงเรื่องนี้ พลันมีเสียงผ่านปราณแท้ส่งตรงถึงหูของมัน เป็นเสียงของต้วนหลิงเทียน
และเสียงของต้วนหลิงเทียนยังเต็มไปด้วยความมั่นใจนัก!
จักหวะนี้ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะยืนอึ้ง ด้วยไม่ทราบจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนนั้น หลังจากออกจากตระกูลซือถูแล้ว เขาก็รีบก้าวอาดๆไปบนถนนของเมืองหลวงฝูเฟิง มุ่งหน้าไปยังเขตตะวันตก
จากป้ายหยกบันทึกเสียงที่ป๋ายลี่หงวานให้คนมาส่ง ตอนนี้ป๋ายลี่หงอยู่ในฐานปฏิบัติการณ์ของนิกายหยินหมิงที่เมืองหลวง
ฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงไม่ใช่ความลับอะไร เพียงถามผู้ใดแถวนั้นเอาก็ได้ ต่างรู้ถึงที่ตั้งกันดี
ในฐานะขุมพลังชั้น 7 แม้จะเป็นขุมพลังที่อ่อนด้อยที่สุด แต่ก็ยังมีผู้เข้มแข็งในขอบเขตเซียนคุมบังเหียน ทำให้ฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงก็มีขนาดใหญ่โตและตกแต่งดูดีไม่เบา ถึงแม้จะเทียบกับตระกูลซือถูไม่ได้เลยก็ตาม
บริเวณกำแพงฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิง ต้วนหลิงเทียนเลือกเฟ้นจุดอับสายตาหนึ่ง ค่อยโดดข้ามกำแพง ลอบแทรกซึมเข้าไปในฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงโดยที่ไร้ผู้ใดล่วงรู้
ด้วยพลังฝีมือในปัจจุบันของเขา ยากที่ใครจะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวและตัวตน เว้นเสียแต่คนผู้นั้นจะเป็นตัวตนที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่า ครึ่งก้าวเซียน!