บทที่ 84 ในใจของข้ามีเพียงภรรยา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 84 ในใจของข้ามีเพียงภรรยา
สวีฉางหลินฟังแล้วก็อึ้ง จนถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็พอรู้เรื่องขึ้นมาบ้างแล้ว

“ในใจของข้าควรมีเพียงภรรยาของข้า ทำไมจะต้องมีเจ้า?”

โจวชิวเซียงไม่อยากจะเชื่อ น้ำตาจะร่วงไหลอีกแล้ว แต่ก็อดทนไว้ไม่ให้ร่วงไหลลงมา

“เจ้ายังโกรธเกลียดข้าหรือ? ต่อให้กลางค่ำกลางคืนข้างขึ้นเขามาพูดพวกนี้กับเจ้า เจ้าก็ยังจะทำร้ายจิตใจข้าหรือ?”

สวีฉางหลินอึ้งไปอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมข้าจะต้องโกรธเกลียดเจ้า?”

“ทำไมเจ้าต้องเป็นเช่นนี้? พี่ฉางหลิน ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้? เจ้าเข้าใจข้าบ้างไม่ได้หรือ? หรือว่าเจ้าอยากให้ข้ามีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิต? เจ้าไม่คาดหวังให้ข้ามีความสุขหรือ?”

พูดจนถึงสุดท้ายน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความสะอึกสะอื้นแล้ว หากคนที่ไม่รู้ คงจะคิดว่าสวีฉางหลินรังแกโจวชิวเซียงแน่

โจวกุ้ยหลานส่ายหัว รู้สึกเพียงว่าสามีของตนเองนั้นทึ่มจนน่ารัก

แต่ประโยคเมื่อกี้นั่น สามีของนางได้พูดกับโจวชิวเซียงฟังอย่างชัดเจนแล้วเข้าไม่มีความรู้สึกต่อนาง แต่โจวชิวเซียงกลับหาเหตุผลทุกอย่างเพื่อคิดว่าเขากำลังพูดประชด

ความคิดแบบนี้ช่าง…..

อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจแล้ว

“ไม่ว่ายังไง เจ้าก็จะแต่งงานแล้ว ไปแต่งงานอย่างมีความสุขเถอะ ไปมีชีวิตที่ดี เราทั้งครอบครัวก็จะมีชีวิตของพวกเราเอง เจ้าปล่อยสวีฉางหลินไปเถอะ”โจวกุ้ยหลานขี้เกียจฟังข้ออ้างของโจวชิวเซียงที่คิดเองเอ่อเองแล้ว จึงพูดจบประเด็นขึ้นมา

นี่ก็ดึกมากแล้ว นางง่วงนอนแล้ว ช่วงนี้กว่าที่จะได้รักษาผิวพรรณดีขึ้นมาหน่อย จะให้ใครมาทำลายเวลาพักผ่อนของนางอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ไม่ได้

“เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า? ใครให้เจ้าพูดมาก?” เห็นได้ชัดว่า โจวชิวเซียงคนนี้ไม่รับน้ำใจของนางเลย

สายตาโจวกุ้ยหลานกระตุก นางอดไม่ได้ที่จะยกมือห้าม พูดไม่รู้เรื่องแล้ว ช่างเถอะ

เมื่อโจวกุ้ยหลานพูดเตือน สวีฉางหลินก็เข้าใจขึ้นมา โจวชิวเซียงกำลังพูดว่าในใจของนางนี้เขา แต่จำเป็นต้องแต่งงานกับคนอื่นเพื่อความสุขของตนเอง และเขาเพราะนางจะแต่งงานแล้ว จึงไม่ยอมรับความรู้สึกดีดีที่มีต่อนาง….

เมื่อคิดได้เช่นนี้ สวีฉางหลินเงียบอีกครั้ง ในหัวสมองครุ่นคิดพิจารณาดูท่าทีของตนเองที่มีต่อโจวชิวเซียง แล้วก็พบว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนอื่นเลย แล้วทำไมนางถึงมีความคิดเช่นนี้ล่ะ?

“พี่ฉางหลิน ต่อไปคงต้องถึงปีใหม่ค่อยได้เจอกันอีก เจ้ามีสิ่งของอะไรให้ข้าไหม ถือเป็นของที่ระลึก?”โจวชิวเซียงนึกว่าสวีฉางหลินเสียใจ ในใจจึงรู้สึกค่อนข้างแอบดีใจ

“ในใจของข้ามีเพียงภรรยาของข้า เจ้าไปแต่งงานอย่างมีความสุขเถอะ”สวีฉางหลินไม่อยากที่จะให้โจวชิวเซียงเข้าใจผิดต่อไป ไม่อย่างงั้นต่อไปเขาก็จะพูดอธิบายไม่เข้าใจกันแล้ว

อีกอย่าง ภรรยาของเขาก็ยังยืนอยู่ที่นี่ หากเขาไม่พูดอธิบายให้ชัดเจน ภรรยาของเขาเข้าใจผิดแล้วจะทำอย่างไร?

แต่คำพูดของเขา กลับทำร้ายโจวชิวเซียง โจวชิวเซียงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองสวีฉางหลิน น้ำตาร่วงไหลลง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ฉางหลิน ทำไมถึงทำร้ายจิตใจข้าขนาดนี้? ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้? ทำไมถึงไม่สามารถเข้าใจข้า? ข้าถูกบังคับจนไม่มีทางเลือกแล้ว”

สวีฉางหลินยกมือขึ้นมาเกาหัวตนเอง พร้อมพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าไม่อยากทำให้ภรรยาของข้าเสียใจ”

“ภรรยา ภรรยา เจ้าพูดถึงภรรยาอะไรของเจ้า? ที่ผ่านมาไม่เห็นเจ้าพูดถึงภรรยา? ตอนนี้เจ้าอยากที่จะพูดว่า ข้าแต่งงานไปแล้วเจ้าก็ไม่เสียใจ เพราะเจ้ามีภรรยาแล้วหรือ?”โจวชิวเซียงพูดตำหนิต่อว่า

โจวกุ้ยหลานรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เมื่อกี้ยังคิดที่จะรอดูเรื่องสนุก แต่ตอนนี้รำคาญแล้ว โจวชิวเซียงยังจมปลักอยู่ในโลกของตนเอง ไม่ว่าพวกเขาจะพูดยังไง นางก็สามารถเอาไปคิดเข้าข้างตนเอง

ไม่ได้ จะต้องคิดหาวิธีทำให้นางเข้าใจว่านางคิดผิดไป หรือว่า นางไปกอดจูบสวีฉางหลินให้นางดู?

อืม เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้วก็ได้ผลดีที่สุด

เมื่อคิดได้แบบนี้ โจวกุ้ยหลานก้าวเท้าเดินไปหาสวีฉางหลิน เมื่อเดินมาถึงด้านข้างสวีฉางหลิน ก็เอื้อมมือไปกอดแขนสวีฉางหลิน เขย่งเท้า แล้วก็จะจูบสวีฉางหลิน

จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของโจวชิวเซียง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้านังสารเลวเจ้าทำอะไร ห้ามแตะต้องพี่ฉางหลินของข้า”

จากนั้น ร่างกายก็ถูกแรงหนึ่งกระแทกมาอย่างแรง โจวกุ้ยหลานเกือบล้ม แล้วตรงเอวก็มีแขนข้างหนึ่งมาโอบไว้ แล้วก็กอดนางไว้แนบอกอย่างแนบแน่น ช่วยให้นางไม่ล้มลง

โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้น แล้วก็มองเห็นสวีฉางหลินมองดูนาง พร้อมถามนางยังร้อนใจว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ข้าไม่เป็นไร” ตอบเสร็จโจวกุ้ยหลานก็หันไปมองโจวชิวเซียงอีกครั้ง

โจวชิวเซียงถลึงตาโต สีหน้าราวกับจะกินคนแล้ว

โจวกุ้ยหลานโกรธโมโห เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้นางคิดเพียงอยากที่จะไล่นางกลับไป รอเมื่อนางไปอยู่ในตำบลแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ตอนนี้ โจวชิวเซียงกลับกล้าผลักนาง

เอาหน้ามาจากไหน?

นางไม่อยากเห็น งั้นนางก็จะทำให้นางเห็นให้ได้

โจวกุ้ยหลานเขย่งเท้า ริมฝีปากจูบแนบชิดแก้มสวีฉางหลิน หันไปมองโจวชิวเซียงอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ข้าจูบสามีของตนเองแล้วยังไง ข้าอยากจูบยังไงก็ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?”

“เจ้า เจ้าหน้าไม่อาย”โจวชิวเซียงชี้หน้าก่นด่าโจวกุ้ยหลาน ด้วยน้ำเสียงโกรธโมโห

สวีฉางหลินที่อุ้มภรรยาของตนเองไว้ได้ ตอนนี้ก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พูดใส่โจวชิวเซียงว่า “หุบปาก”

เมื่อกี้ภรรยาของตนเกือบถูกผู้หญิงคนนี้ผลักล้มลงแล้ว ถึงแม้จะแรกจูบของภรรยาตนมาได้หนึ่งที แต่เขาก็ยังรู้สึกโกรธโมโห

หากไม่ใช่เพราะโจวชิวเซียง นางก็ได้นอนกับภรรยาของตนเองแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขาซึ่งรู้สึกอยากอยู่เลย

โจวชิวเซียงแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าตะคอกข้า?”

พูดเสร็จแล้วก็ยังส่ายหัว น้ำตาร่วงไหลเป็นทาง พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อว่า “เจ้าตะคอกใส่ข้าเพื่อนนาง?”

“ไอหยาชิวเซียง เจ้าขึ้นมาบนเขาจริงๆหรือ”เสียงหลี่ซิ่วยิงดังขึ้นด้านหลัง พวกเขาหันไปมอง แล้วก็เห็นหลี่ซิ่วยิงกำลังวิ่งมาทางนี้

โจวชิวเซียงเห็นแม่ของตนเองมา น้ำตาก็ร่วงไหลหนักยิ่งกว่าเดิม

ที่พึ่งมาแล้ว?

พอดีเลย ให้ป้าใหญ่ที่มีความสามารถของนาง รีบพาโจวชิวเซียงกลับไป ช่างเป็นการทำลายความรู้สึกที่ดีของนางจริงๆ

สวีฉางหลินกลัวโจวชิวเซียงบ้าคลั่งอีก จึงพาโจวกุ้ยหลานก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วค่อยปล่อยนาง ร่างกายก็บังอยู่ข้างหน้านาง ราวกับป้องกันศัตรู

ถึงหลี่ซิ่วยิงจะอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่เมื่อวิ่งขึ้นมาก็รวดเร็วมาก

“แม่”โจวชิวเซียงเห็นหลี่ซิ่วยิงยิ่งอยู่ก็ยิ่งมาใกล้ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ใหญ่โต นางโกรธจนก้มตัวลง กอดเข่าตนเองร้องห่มร้องไห้

“ไอโย้ชิวเซียง นี่เกิดอะไรขึ้น? มีคนรังแกเจ้าหรือว่ายังไง?”หลี่ซิ่วยิงรีบวิ่งมาหา ก้มตัวลงกอดลูกสาวของตนเองที่ร้องห่มร้องไห้ พร้อมถามอย่างเป็นห่วง

คราวนี้มีแม่ของตนเองอยู่ที่นี่แล้ว โจวชิวเซียงก็ไม่พูดอะไรอีก ร้องไห้อย่างเดียว จนเสียงนั้นทำให้เจ้าก้อนน้อยตกใจตื่นขึ้นมา

มองดูบนเตียงไม่มีใคร เขาตกใจ รีบลุกลงมาจากเตียง ก้าวเท้าอันสั้นวิ่งไปหาพ่อแม่ของตน