ตอนที่ 243 ผู้จัดการ
แต่การหาผู้จัดการสักคน หมายความว่าเขาจะต้องบอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง อันที่จริงหลินเยวียนไม่ค่อยชอบใจเรื่องนี้ เพราะนั่นเท่ากับว่าผู้จัดการของตนจำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจเต็มร้อยจากเขา!
หลินเยวียนรู้สึกรำคาญใจอยู่บ้าง
คนที่หลินเยวียนไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุดก็คือครอบครัวกับเพื่อนๆ แต่ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง หลินเยวียนไม่มีทางให้พี่สาว ซย่าฝาน หรือเจี่ยนอี้มาทำงานให้ตนเองหรอก แต่นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ยังมีใครอีกบ้างที่เหมาะสม
หรือจะให้กู้ตงรับผิดชอบดี?
กู้ตงเป็นผู้ช่วยของหลินเยวียน จึงนับว่าไว้ใจได้มากทีเดียว แต่หลินเยวียนรู้สึกว่าความสามารถของกู้ตงยังไม่มากพอให้จัดการเรื่องนี้โดยลำพัง เขามีหลายตัวตน น่ากลัวว่ากู้ตงอาจยังรับมือไม่ไหว เขาควรหาผู้จัดการที่มากประสบการณ์สักคน ถึงอย่างไรผู้จัดการก็ต้องออกไปคุยงานแทนตน
ใช่แล้ว
หลินเยวียนต้องการผู้จัดการมาเจรจางานแทนตน ตัวอย่างเช่นการดัดแปลงเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นอนิเมชัน เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนมาออกหน้าเจรจาแทนตนได้ เรื่องพวกนี้หลัวเวยก็น่าจะรับมือไม่ไหว รังแต่จะทำให้ความลับของหลินเยวียนเปิดเผยง่ายขึ้นด้วย นอกจากนั้นถึงให้เขาทำเองทั้งหมดก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“ติ๊งต่อง”
ขณะที่หลินเยวียนกำลังรู้สึกวุ่นวายสับสนกับเรื่องนี้ ระบบก็ปรากฏตัวขึ้นมา “สังเกตเห็นว่าโฮสต์ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถรับมือกับตัวตนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ต้องการให้ระบบช่วยหาตัวแทนที่น่าเชื่อถือสักคนหรือไม่”
“ต้องซื้อไหม”
หลินเยวียนรู้สึกระแวงขึ้นมา
ระบบ “ไม่ต้อง”
หลินเยวียนชะงักไปชั่วครู่ เจ้าระบบนี่เคยใจดีกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
แต่เมื่อคิดสะระตะดูแล้ว หลินเยวียนก็นึกไม่ออกว่าระบบจะวางกับดักอะไรกับเขาได้ จึงพยักหน้าตอบไป
“งั้นนายช่วยฉันเลือกคนหน่อยสิ”
“ขอให้โฮสต์ประกาศรับสมัครงาน อาจมีตัวเลือกที่เหมาะสม”
หลินเยวียนจึงทำตาม
หลังจากนั้นอีกสองสามวัน ผู้สมัครงานก็ทยอยปรากฏตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีใครตรงใจหลินเยวียนเลย
จนกระทั่งวันที่สาม ก็มีผู้สมัครงานมาเคาะประตู
ระบบแจ้งเตือนว่า “ตรวจพบผู้สมัครงานปรากฏตัวขึ้น นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดี”
คนในครั้งนี้เชื่อถือได้?
หลินเยวียนนึกสงสัย ก่อนจะลุกเดินไปเปิดประตู และพบว่าผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูคือผู้ชายอายุอานามราว 30 ปี ภายนอกแลดูเจนโลก
อีกฝ่ายถาม “ไม่ทราบว่าที่นี่รับสมัครคนใช่ไหมครับ”
“ครับ”
หลินเยวียนเบี่ยงกายหลบ “เชิญเข้ามาครับ”
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินเข้ามา
“เชิญนั่งครับ”
หลินเยวียนเอ่ยว่า “คุณรู้ไหมครับว่าคุณจะมาทำงานอะไร”
ชายหนุ่มอธิบาย “ผมเพิ่งเห็นประกาศรับสมัครงานที่ชั้นล่าง เหมือนว่ามีคนต้องการผู้จัดการ ผมคิดว่าผมทำได้ครับ”
หลินเยวียนอ่านเรซูเม่ของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ย “คุณมาหาผมโดยเฉพาะเลยเหรอครับ”
จินมู่ตอบ “ตอนแรกไม่ใช่ แต่ตอนนี้ใช่ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า เอ่ยว่า “จินมู่”
ชายหนุ่มซึ่งมีชื่อว่าจินมู่พยักหน้า
หลินเยวียนพูด “ผมไม่ได้คิดจะเปิดบริษัทนะครับ”
ในเรซูเม่ทำให้เห็นว่าก่อนหน้านี้จินมู่คนนี้เป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้ออกมาหางาน และงานที่เหมาะกับเขาก็คือตำแหน่งเช่นผู้จัดการบริษัท
แต่ระบบเจ้ากรรมดันบอกว่าคนคนนี้เหมาะสม
จินมู่กล่าวกลั้วหัวเราะ “ผมไม่อยากทำงานเดิมแล้วครับ”
หลินเยวียนเอ่ย “ขอถามเหตุผลได้ไหมครับ”
ถึงแม้จะเป็นคนที่ระบบเลือก แต่หลินเยวียนก็ค่อนข้างเชื่อมั่นมากพอสมควร ทว่าเขาก็อยากเข้าใจรายละเอียดให้มากขึ้นสักหน่อย
จินมู่ยิ้มขื่นเอ่ย “ก่อนหน้านี้ผมเปิดบริษัท นับว่าประสบความสำเร็จอยู่บ้างครับ ภายหลังล้มป่วย หมอบอกว่าโรคของผมไร้หนทางรักษา ภรรยาก็ไปหาคนอื่น พร้อมทั้งนำทรัพย์สินของผมไปด้วย…ปรากฏว่าเมื่อสองวันก่อน…คุณคงเข้าใจเรื่องปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของผมใช่ไหมครับ ผมไม่ตาย ในเมื่อไม่ตาย เลยอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปครับ”
หลินเยวียนเลิกคิ้ว
เป็นโรคซึ่งไร้หนทางรักษา แต่ไม่ตาย?
ทำไมฟังดูคุ้นๆ แฮะ
อ๋อ ระบบนี้ชอบช่วยชีวิตคนสินะ
หลินเยวียนพูด “ทรัพย์สินนำกลับคืนมาไม่ได้แล้วเหรอครับ”
จินมู่ส่ายหน้า “ผมนอนป่วยเป็นผักอยู่สามปี เธอเองก็ดูแลผมสามปี เธอทำเพื่อผมมามากพอแล้วล่ะครับ”
หลินเยวียนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ
จินมู่กล่าว “ก่อนเริ่มธุรกิจ ผมเคยทำงานพวกเลขามาก่อน ถ้าทางนี้ต้องการผู้จัดการ ผมลองทำดูได้นะครับ”
หลินเยวียนเอ่ยถาม “ทำไมคุณถึงเลือกที่นี่ครับ”
จินมู่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ตอบว่า “ถ้าผมบอกว่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงนึกอยากลองงานนี้ขึ้นมา คุณจะเชื่อไหมครับ”
“เชื่อครับ”
หลินเยวียนมองอีกฝ่ายอย่างเห็นอกเห็นใจ ก่อนบอกไป “งั้นผมจะเล่าเกี่ยวกับงานให้คุณฟังก่อนแล้วกันนะครับ”
จินมู่พยักหน้า “คุณคือหัวหน้าคนนั้นที่รับสมัครผู้จัดการ?”
“ใช่ ผมเองครับ”
หลินเยวียนแนะนำตัวเอง “ผมชื่อหลินเยวียน นักศึกษาสาขาการประพันธ์เพลงชั้นปีสาม มหาวิทยาลัยศิลปะฉินโจว…อีกไม่กี่วันเปิดเรียน ผมก็จะเป็นนักศึกษาปีสี่แล้ว”
จินมู่ประหลาดใจ
หลินเยวียนพูดต่อ “ที่นี่เป็นออฟฟิศของผม ผมเป็นนักศึกษาก็จริง แต่ที่จริงแล้วผมเป็นนักวาดการ์ตูนด้วยครับ นามปากกาว่าอิ่งจือ”
จินมู่เอ่ยถาม “ผมขอเสิร์ชหาได้ไหมครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
จินมู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นหาคำว่า ‘อิ่งจือ’ หลังจากอ่านข้อมูลแล้วก็ยิ้มเอ่ย
“งานนี้ดีกว่าที่ผมจินตนาการไว้ซะอีก นึกไม่ถึงเลยนะครับ คุณยังอายุน้อย ก็ประสบความสำเร็จได้ถึงระดับนี้”
หลินเยวียนพยักหน้า “รบกวนคุณเสิร์ชหาเซี่ยนอวี๋ด้วยครับ”
จินมู่เอ่ย “ผมรู้จักเซี่ยนอวี๋…ตอนผมนอนป่วย ผมฟังเพลงของเซี่ยนอวี๋มากที่สุดเลยล่ะครับ คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเซี่ยนอวี๋หรือครับ”
หลินเยวียนตอบ “ผมคือเซี่ยนอวี๋”
บรรยากาศในห้องเงียบงันไปหลายวินาที
ลำคอของจินมู่ขยับเล็กน้อย กล่าวว่า “งั้นสรุปแล้ว…คุณคืออิ่งจือ หรือว่าคือเซี่ยนอวี๋”
หลินเยวียนเอ่ย “ทั้งคู่ครับ”
ดวงตาของจินมู่เบิกกว้างเล็กน้อย ผ่านไปนานโขกว่าจะตอบสนองกลับมา น้ำเสียงระคนความตื่นตกใจ “งั้น…”
“หวังว่าคุณจะช่วยจัดการตัวตนทั้งสามของผมน่ะครับ”
“ได้ครับ”
จินมู่คิดว่าหลินเยวียนหมายถึงตัวตนในฐานะนักเรียน รวมไปถึงตัวตนในฐานะเซี่ยนอวี๋และอิ่งจือ
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหลินเยวียนจะถึงกับพูดต่อ “ขอโทษนะครับ ลืมแนะนำไป รบกวนเสิร์ชหาฉู่ขวงหน่อยครับ”
“ฉู่ขวงผมรู้จักครับ…”
จินมู่ไม่ได้ขยับ เพียงแต่ตอบไปตามสัญชาตญาณ
หลังจากนั้น ก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ทันใดนั้นเขาจ้องมองหลินเยวียนด้วยแววตาตกตะลึง “คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
หลินเยวียนพูด “คุณอาจเดาได้แล้ว ว่าฉู่ขวงก็คือผมเช่นกัน”
“…”
ความเงียบงันเกิดขึ้นอีกครั้ง จินมู่เอ่ยถามทันใด “ผมขอดื่มน้ำได้ไหมครับ”
“ตามสบายครับ” หลินเยวียนตอบ
ชายหนุ่มหยิบแก้วน้ำแบบใช้แล้วทิ้งขึ้นมา เทน้ำกระดกดื่มอึกๆๆ จนหมด ก่อนจะเอ่ยสรุป
“งั้นคุณนอกจากภายนอกจะเป็นนักเรียนแล้ว ยังมีอีกทั้งหมดสามตัวตน แบ่งเป็นนักเขียนชื่อดังฉู่ขวง นักประพันธ์เพลงชื่อดังเซี่ยนอวี๋แล้วก็…นักวาดการ์ตูนชื่อดัง อิ่งจือ?”
“ใช่ครับ”
ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายนั้นเยือกเย็นกว่าที่หลินเยวียนคิดไว้ ซึ่งหลินเยวียนคิดว่าดีมาก นับว่าเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มามาก
“งั้นต่อไปผมก็คือผู้จัดการของทั้งสามคน?” จินมู่เอ่ยถามอย่างยากลำบาก
“ใช่ครับ”
“โอเคครับ”
จินมู่ฉีกรอยยิ้มซับซ้อน “ตอนแรกผมอยากหางานที่สบายกว่านี้…แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
หลินเยวียนพูด “เงินเดือนในอุดมคติของคุณคือเท่าไหร่ครับ”
จินมู่ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลั้วหัวเราะ “ระยะทดลองงานหนึ่งเดือนสักสามหมื่นหยวนเป็นยังไงครับ เพราะทำงานให้ถึงสามคน ถ้าคุณคิดว่าผมทำผลงานได้ไม่เลว หวังว่าคุณจะขึ้นเงินเดือนให้ผมสักหน่อย”
รับได้
หลินเยวียนตกลง “งั้นก็ตามนี้ก่อนแล้วกันครับ เรามาพูดถึงรายละเอียดของงานกัน”
“ครับ”
จินมู่ลอบหยิกต้นขาของตนอย่างแรง
……………………………………