ตอนที่ 427 โรคภัยหรือพิษร้าย (2) ตอนที่ 428 โรคภัยหรือพิษร้าย (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 427 โรคภัยหรือพิษร้าย (2) / ตอนที่ 428 โรคภัยหรือพิษร้าย (3)
ตอนที่ 427 โรคภัยหรือพิษร้าย (2)

“คุณชายจวิน รบกวนท่านช่วยไปตามคุณชายใหญ่แล้วบอกว่าคุณชายของข้าอาการกำเริบทีขอรับ ได้โปรด” อาจิ้งมองไปที่จวินอู๋เสียแล้วกล่าวคำขอร้องด้วยสีหน้าโศกเศร้า

จวินอู๋เสียส่ายหัวแล้วหยิบเข็มเงินที่พกติดตัวตลอดเวลาออกมาและกล่าวกับอาจิ้งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไปเตรียมน้ำร้อนและสุราอุ่นๆ มา”

“อะไรนะ” อาจิ้งตะลึงงันอยู่ที่เดิม ไม่นานเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วพบว่าจวินอู๋เสียกำลังถือเข็มเงินที่ยาวกว่านิ้วมืออยู่และกำลังจะฝังลงบนตัวฟ่านจัว เขาตกใจเป็นอย่างมากแล้วรีบตรงเข้าไปจับมือที่กำลังจะฝังเข็มของจวินอู๋เสียทันที

“เจ้าจะทำอะไรคุณชายของข้า”

เวลาแบบนี้ จวินอู๋เสียไม่เพียงแต่ไม่ไปเรียกฟ่านจิ่นให้ส่งคนมาช่วย แต่นางกลับจะฝังเข็มให้ฟ่านจั่วเอง! ข่าวลือเหล่านั้นที่อาจิ้งเคยได้ยินมาก่อนนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันทีและสายตาที่เขามองจวินอู๋เสียก็เปลี่ยนไปในทันที

“ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรคุณชายของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าอย่างแน่นอน”

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วมองสายตาที่เต็มไปด้วยเกลียดชังของอาจิ้งแล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “เสี่ยวเฮย”

ทันทีที่จวินอู๋เสียพูดจบ เจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนอยู่บนบ่าของนางก็พุ่งตรงเข้าไปหาอาจิ้งทันที ร่างเล็กๆ ของมันเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ร้ายสีดำกลางอากาศ

อ๊ากกก อาจิ้งถูกสัตว์ร้ายสีดำพุ่งชนจนล้มลงกับพื้น เขากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

“เสียงดัง” จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นสัตว์ร้ายสีดำก็อ้าปากกว้างและกัดคอของอาจิ้งไว้ อาจิ้งตกใจมากจนไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก

ในที่สุดห้องก็กลับสู่ความสงบ จวินอู๋เสียก็รีบฝังเข็มให้ฟ่านจัวทันที

อาจิ้งมองจวินอู๋เสียฝังเข็มเงินลงบนตัวของฟ่านจัวทีละเข็มและเมื่อเห็นเข็มเงินยาวๆ นั้นถูกฝังเข้าไปในตัวของฟ่านจัว ดวงตาของอาจิ้งก็แดงก่ำ ข่าวลือที่เกี่ยวกับจวินอู๋เสียก็พุ่งเข้ามาในหัวของเขาทันที เขาก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา หรือว่าครั้งนี้พวกเขาจะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านจริงๆ

จวินอู๋เสียไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งที่อาจิ้งกำลังคิดอยู่ ร่างกายของฟ่านจัวอยู่ในสภาพที่เลวร้ายที่สุด นางสงสัยว่าร่างกายของเขาไม่เพียงแต่มีโรคแต่ยังมียาพิษที่ถูกผู้อื่นลอบวางไว้ด้วย

แต่นางก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนที่นางจับชีพจรของฟ่านจัวก่อนหน้านี้ นางก็ไม่พบร่องรอยของยาพิษบนตัวของฟ่านจัวเลย แต่วันนี้ยาพิษบนตัวของฟ่านจัวกลับกำเริบขึ้นมาอย่างกะทันหันและรุนแรงเยี่ยงนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ

ในขณะที่จวินอู๋เสียกำลังทำให้ชีพจรของฟ่านจัวคงที่ นางก็พยายามใช้เข็มเงินขับยาพิษในตัวของฟ่านจัวออกมา แต่สีของเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายของฟ่านจัวทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

สีเลือดของฟ่านจัวนั้นจางมาก ไม่แดงสดเหมือนคนทั่วไป และกลิ่นคาวเลือดก็ไม่รุนแรง เลือดที่ถูกเข็มเงินขับได้ไหลออกมาทีละน้อยแต่กลับไม่มีวี่แววว่าถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษซึ่งไม่ตรงกับการวิเคราะห์ของจวินอู๋เสียเมื่อครู่

หรือว่าไม่ใช่ยาพิษ

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่มือของนางก็ยังเคลื่อนไหวไม่หยุด ร่างกายของฟ่านจัวอ่อนแออยู่แล้ว การที่เขาสามารถอยู่รอดได้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว และอาการกำเริบอย่างกะทันหันของเขาในวันนี้ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของเขายิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีก พลังชีวิตของฟ่านจัวค่อยๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าปล่อยเขาไว้แบบนี้ไม่เกินสองชั่วโมงเขาต้องตายอย่างแน่นอน

ตอนนี้มิใช่เวลาที่จะมาสงสัยความผิดปกติของฟ่านจัว แต่ควรจะคิดว่าจะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้อย่างไร

ดวงตาของจวินอู๋เสียเป็นประกายด้วยแสงอันเยือกเย็น การแข่งกับความตายแบบนี้เป็นช่วงเวลาเดียวที่ทำให้เลือดของนางเดือดพล่าน

ใช้เข็มเงินสิบสองเล่มเป็นรากฐานในการปกป้องชีพจรของฟ่านจัว จากนั้นก็ใช้อีกเจ็ดเล่มปิดผนึกร่างกายของฟ่านจัวไว้เพื่อรักษาลมหายใจสุดท้ายของฟ่านจัวไว้ นางฝังเข็มอย่างรวดเร็ว หลังจากสภาพของฟ่านจัวคงที่แล้ว นางก็จะเริ่มแย่งคนกับท่านยมบาลแล้ว

ตอนที่ 428 โรคภัยหรือพิษร้าย (3)

ร่างกายของฟ่านจัวบอบบางเป็นพิเศษจึงไม่สามารถทนต่อการรักษาที่รุนแรงเกินไป แต่อาการภายในร่างกายของเขากลับรุนแรงมาก หากไม่ถูกระงับด้วยวิธีที่รุนแรง เขาก็จะหยุดหายใจในไม่ช้า จวินอู๋เสียใช้วิธีฝังเข็มปีศาจของนางรักษาลมหายใจของเขาไว้

การฝังเข็มประเภทนี้ถูกจวินอู๋เสียคิดค้นขึ้นมาในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่นางถูกขังไว้ มันรุนแรงมากแต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่การฝังเข็มประเภทนี้เป็นการกระตุ้นพลังชีวิตของมนุษย์ให้ออกมา แม้ว่าจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ แต่หนึ่งคนสามารถใช้ได้มากสุดแค่สามครั้งในชีวิตเท่านั้น และทุกครั้งที่ใช้ชีวิตของคนคนนั้นจะสั้นลงสิบปี ถ้าเกินกว่าสามครั้งพระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยได้

จวินอู๋เสียก็ไม่ค่อยใช้การฝังเข็มที่รุนแรงประเภทนี้ แต่สำหรับสภาพปัจจุบันของฟ่านจัวแล้ว นอกจากวิธีฝังเข็มปีศาจที่จะสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว

ภายใต้การปกป้องของเข็มเงินทั้งสิบเก้าเล่ม ชีพจรหลักของฟ่านจัวได้รับการคุ้มครองไว้และในที่สุด จวินอู๋เสียก็สามารถใช้ทุกวิถีทางเพื่อดึงเขาออกมาจากประตูแห่งความตายได้แล้ว

ดีงูที่ถูกแช่ไว้ในยาพิษถูกยัดเข้าไปในปากของฟ่านจัว ดีงูชนิดนี้มีพิษร้ายแรง ถ้ามิใช่เพราะการฝังเข็มปีศาจปกป้องร่างกายไว้ ทันทีที่ฟ่านจัวกลืนมันลงไปเขาจะเสียชีวิตในทันที แต่ตอนนี้ดีงูกลุ่มนี้สามารถทำให้ ความเจ็บปวดในร่างกายของฟ่านจัวถูกกระตุ้นอย่างบ้าคลั่ง และภายใต้การกระตุ้นแบบนี้ทั้งร่างกายของ ฟ่านจัวก็เริ่มชักเกร็งอย่างรุนแรง เลือดค่อยๆ ซึมออกมาจากรูขุมขนของเขาและในชั่วพริบตาร่างกายของฟ่านจัวก็เต็มไปด้วยเลือด! เขาบิดตัวไปมาเหมือนกับสายธนูที่ถูกดึงจนสุดสายและพร้อมจะขาดอยู่ตลอดเวลา

อาจิ้งเพ่งมองไปที่ฟ่านจัว หัวใจของเขาบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สนใจว่าร่างกายของเขาจะถูกสัตว์ร้ายสีดำควบคุมไว้ เขาพยายามดิ้นรนและตะโกนออกมาว่า “จวินเสีย! เจ้าจะต้องไม่ตายดี! คุณชายของข้าเชื่อในตัวเจ้าเช่นนี้! แต่เจ้ากลับทำร้ายเขา ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายแม้ว่าข้าจะตายไปแล้วข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้า”

ดวงตาที่แดงก่ำของอาจิ้งจ้องไปที่จวินอู๋เสียราวกับว่าจะฆ่านางให้ตาย

เขี้ยวของสัตว์ร้ายสีดำข่วนเข้าที่คอของอาจิ้งและเลือดก็ไหลออกมาจากลำคอของอาจิ้ง แต่เขาก็ยังคงตะโกนต่อไปโดยไม่รู้ตัว

“เสียงดัง” จวินอู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา สถานการณ์ปัจจุบันของฟ่านจัวแม้แต่นางก็ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง

ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายสีดำจะสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดของจวินอู๋เสีย มันจึงยกกรงเล็บอันแข็งแกร่งของมันขึ้นมาแล้วฟาดลงบนศีรษะของอาจิ้ง

ทันใดนั้นอาจิ้งที่กำลังตะโกนอยู่ก็หมดสติไปทันที

ทั้งห้องก็เงียบลงทันที

สัตว์ร้ายสีดำเปลี่ยนร่างเป็นเจ้าแมวดำแล้วกระโดดไปที่ข้างเตียง เฝ้าดูจวินอู๋เสียจดจ่ออยู่กับการรักษาร่างกายของฟ่านจัว

สิ่งที่รักษายากที่สุดในโลกนี้คือร่างกายที่ออกมาจากครรภ์มารดา ความบกพร่องโดยธรรมชาตินี้ไม่ค่อยมีวิธีการรักษา ร่างกายของฟ่านจัวนั้นอ่อนแออยู่แล้วและร่างกายของเขาก็ได้รับโอสถวิเศษมาเป็นเวลานานหลายปีฉะนั้นผลข้างเคียงเหล่านั้นจึงถูกซ่อนไว้ในกระดูกของเขาแล้ว วันนี้อาการกำเริบและอาการนั้นก็เหมือนกับปฏิกิริยาที่เกิดจากยาพิษ ผลข้างเคียงเหล่านั้นที่ถูกซ่อนไว้จึงระเบิดออกมาพร้อมกัน ภายใต้ความเจ็บปวดต่อเนื่องที่แม้แต่คนปรกติก็อาจจะไม่รอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟ่านจัว

“จวินเสีย เจ้าทำอะไร” ฟ่านจิ่นที่เพิ่งฝึกฝนเสร็จได้มาที่นี่เพื่อทานอาหารได้กลิ่นเลือดจางๆ ทันทีที่เขาเข้ามาในลานเล็กๆ ในป่าไผ่และด้วยความกังวลว่าอาการของน้องชายเขาจะกำเริบ เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที แต่เขาไม่คิดว่าทันทีที่เขาเดินเข้ามาในห้อง เขาจะเห็นอาจิ้งนอนนิ่งอยู่ในกองเลือดและฟ่านจัวน้องชายของเขาก็กำลังชักเกร็งอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดโดยมีจวินอู๋เสียยืนอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา

ในชั่วพริบตาเดียว ฟานจิ๋นปวดหัวขึ้นมาทันที