“แผนเป็นยังไงเหรอออสติน?”

โอลิเวียถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสขณะกำลังเพลิดเพลินกับอ้อมกอดของผม ตอนนี้เธอเอนหลังขณะนั่งแนบชิดอยู่บนตักของผม เราไม่ได้ทำอะไรมากเกินไป ทำเพียงแค่จูบและสัมผัสกันเท่านั้น

สำหรับตอนนี้เราทั้งคู่รู้ว่าถ้าเกิดเราเริ่มทำอะไรกันไปแล้ว เราจะไม่สามารถหยุดได้หากไปไม่ถึงจนสุดทาง และเรื่องจริงอีกอย่างคือไม่มีผู้หญิงที่ไหนอยากจะมาเสียพรหมจรรย์ในถ้ำที่สกปรกและเปียกแฉะแบบนี้ด้วย

“ก่อนอื่นเราต้องเข้าไปในเมืองหลวงด้วยการลักลอบเข้าไปซะก่อน”

ผมพูดพร้อมกอดเอวของโอลิเวียโดยมีผ้าห่มคลุมเราอยู่ เนื่องจากเราได้สานต่อความสัมพันธ์กันแล้วเลยทำให้โอลิเวียไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่านายท่าน แน่นอนว่าเราจะใช้มันบ้างในบางโอกาส แต่ไม่ใช่ในช่วงเวลาปกติของเราเพราะมันมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราเสื่อมถอยไปเป็นอย่างอื่นแทน

“ถูกของนาย เรายังไม่รู้ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง”

โอลิเวียพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เธอแน่ใจงั้นเหรอ? จะมีใครบ้างหล่ะที่สามารถเคลื่อนย้ายราชองครักษ์ได้?”

คำถามของผมทำให้โอลิเวียเงียบไปก่อนจะขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจ

“เห้อออ…..มีกลุ่มคนเฉพาะที่สามารถเคลื่อนย้ายราชองครักษ์ได้อยู่”

เธอพูด

“เจ้าชาย, ราชินีทั้ง 2 คน, จักรพรรดินีและจักรพรรดิ์ใช่ไหม?”

ผมถามแล้วเธอก็พยักหน้า

“เราสามารถตัดท่านพ่อกับท่านแม่ของฉันออกไปได้เลย ซึ่งก็จะเหลือเพียงแค่คนที่เหลือ”

โอลิเวียพูดแล้วผมก็พยักหน้า จักรพรรดิมีจักรพรรดินีโลร่าเพียงคนเดียว และมีราชินีอีก 2 คนที่เขาแต่งงานด้วย ตำแหน่งของพวกเธอต่ำกว่าจักรพรรดินีและเป็นเหมือนนางสนมมากกว่า ส่วนเจ้าชายที่เหลือก็มาจากพวกเธอเช่นกัน

“ถ้าฉันจำไม่ผิดเธอมีพี่ชาย 3 คนใช่ไหม? แถมทุกคนก็ล้วนแย่งชิงราชบัลลังก์กันด้วย”

“ใช่”

โอลิเวียตอบพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย 

เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็จูบแก้มเธอพร้อมกับกระชับมือที่เกี่ยวพันกับเธออยู่นั้นให้แน่นขึ้น การทำแบบนี้ดูเหมือนจะช่วยได้เมื่อวิญญาณของเธอถูกยกขึ้น

“เพื่อให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำขนาดนี้ พวกเขาคงวางแผนมาเป็นเวลานานแล้ว”

ผมพูด

“อืม…บางทีนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและคงมีปัญหาอื่นๆ ที่กำลังรอเราอยู่อีก”

โอลิเวียเสริม

“บางทีพวกเขาทั้ง 3 คนอาจจะทำงานร่วมกันเพื่อกำจัดเธอออกไป แล้วคนที่เหลือค่อยมาต่อสู้กันเองเพื่อชิงที่นั่งจักรพรรดิในภายหลัง”

คำพูดของผมมีผลเมื่อใบหน้าของโอลิเวียซีดลง

“นั่นหมายความว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นสินะ!”

เธอตอบสนองด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งผมก็ปลอบใจเธอ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอเองก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของฉันในปัจจุบันใช่ไหม? มีอะไรที่จะหยุดฉันได้หล่ะ?”

“แต่ไม่ใช่ว่านายต้องทำความคุ้นเคยกับมันก่อนเหรอ?”

โอลิเวียถามซึ่งผมก็หัวเราะเบาๆ ตอบกลับไป

“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นอัฉจริยะหน่ะ?”

“ฮึ่มมม คนหลงตัวเอง!”

โอลิเวียพูด แม้ว่าเวลาต่อมาใบหน้าของเธอจะมีรอยยิ้มสดใสก็ตาม แต่เธอก็ดูผ่อนคลายมากขึ้นมาก

“ไม่ต้องห่วง ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับเธอหน่ะ”

“ฉันรู้”

โอลิเวียพูดขณะแนบตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น เธอหันมาหาผมพร้อมกับใช้มือโอบรอบตัวผมเพื่อทำให้ร่างกายของพวกเราเข้าใกล้กันมากขึ้นก่อนที่เธอจะหลับไป

ผมยิ้มเมื่อเห็นด้านที่น่ารักของเธอ เมื่อผมสามารถ ‘ทำให้เธอเชื่องได้’ การกระทำของเธอก็กลายเป็นเรื่องง่ายมากที่จะรับมือเนื่องจากเธอเริ่มว่าง่ายและเปิดใจให้กับผมมากขึ้น ไม่เช่นนั้นปัญหาหนักอึ้งก็จะตามมา

“ไม่ต้องห่วง ฉันรักษาสัญญาเสมอ”

ผมกระซิบข้างหูโอลิเวีย ขณะที่แสงจันทร์ส่องเข้ามาภายในถ้ำ…

 

 

มุมมองบุคคลที่ 3 :

“หึหึหึ…สมกับเป็นหลานชายของข้าจริงๆ”

แม็กซ์ ชายที่ปกติแข็งกระด้างพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจในขณะที่เขาอ่านจดหมายที่จ่าหน้าถึงตัวเอง ไม่นานหลังจากอ่านแล้วรอยยิ้มของเขาก็หายไปพร้อมกับใบหน้าของเขาที่มีสีหน้าเย็นชาขึ้นมา

“นายทหารฟารีค!”

แม็กซ์ตะโกนออกมา 

ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกก่อนจะมีชายในชุดทหารสุดหล่อที่ก้าวเข้ามา

“ครับ ท่านนายพล”

พูดเช่นนั้นแล้วเขาก็ทำความเคารพแบบทหาร 

แม็กซ์พยักหน้าขณะออกคำสั่ง

“ไปเตรียมหน่วยไวโอเล็ตซะ”

“หน่วยไวโอเล็ตเหรอครับ?”

ฟารีคถามกลับด้วยความประหลาดใจ แต่แม็กซ์ก็พยักหน้า

“จักรพรรดิต้องการโจมตีประเทศไหนงั้นเหรอครับ?”

ฟารีคถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มกระหายเลือดจากแม็กซ์ 

ฟารีคที่รู้จักนายพลมานานรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นหมายถึงอะไร

“อึ๊กกก…ท่านนายพล?”

“เราจะไปล้างแค้นกัน”

แม็กซ์พูดเช่นนั้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากอาคารที่มีลักษณะคล้ายเต็นท์ไป 

ด้านนอกทหารหลายร้อยนายกำลังฝึกซ้อมกันอยู่ แต่ละคนมีเจตจำนงแข็งกร้าวและมีเจตนาฆ่าอย่างเข้มข้น

“หน่วยไวโอเล็ต!”

เสียงคำรามของแม็กซ์แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสถานที่ 

ไม่นานคนจำนวน 20 คนก็เดินเข้ามาหาโดยที่แต่ละคนต่างดูอันตรายยิ่งกว่าทหารคนอื่นๆ ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงต่อหน้าแม็กซ์และทำความเคารพแบบทหาร

“ครับท่านนายพล!”

“ตามสบาย”

หลังจากพูดเพื่อให้ทีมผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม็กซ์ก็มองดูพวกเขาแต่ละคนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามคำถาม

“ทุกคนอยากล้างแค้นให้กับการตายของลูกชายฉันไหม?”

มันเป็นคำถามง่ายๆ คำถามหนึ่ง แต่มันเปลี่ยนบรรยากาศทั้งหมดของพวกเขา เนื่องจากเจตนาฆ่าอันเข้มข้นเริ่มรั่วไหลออกมาจากพวกเขา

“ครับ!”

คำตอบที่เป็นเอกฉันท์ทำให้พื้นสั่นสะเทือน เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วแม็กซ์ก็พยักหน้า

“ดี งั้นก็เตรียมตัวกันซะ นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำ…”

‘น่าเสียดายที่มิร่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้…’

 

 

“แล้ววันนี้เธอจะสร้างความวุ่นวายอะไรหล่ะ?”

รูบี้ถามด้วยรอยยิ้มทะเล้นขณะนั่งอยู่ข้างนูบี้และซูบี้ 

เกรซซึ่งได้รับคำถามยิ้ม ตอนนี้เธอดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ตอนนี้เธอแต่งกายด้วยชุดเจ้าหญิงแบบดั้งเดิมมากขึ้น และพวกเธอทั้ง 4 คน ตอนนี้กำลังเดินทางด้วยรถม้าออกจากสถาบันอยู่

เกรซและเพื่อนทั้ง 3 คนลาจากการสอนไปแล้ว แฝด 3 ไม่ทราบสาเหตุ และเกรซบอกพวกเธอเพียงแค่ว่าพวกเธอต้องไปกับตัวเอง 

เนื่องจากเป็นเพื่อนกัน พวกเธอจึงทำตามที่เกรซบอก

“ความวุ่นวายที่จะสั่นสะเทือนอาณาจักร”

เกรซตอบ 

คำตอบนี้ทำให้ทั้ง 3 คนเริ่มจริงจังขึ้น แต่เกรซก็หัวเราะเบาๆ ทำให้พวกเธอประหลาดใจ

“พวกเธอไม่ต้องกังวลหรอก เราไม่ต้องทำอะไรมาก หน้าที่ส่วนใหญ่ของพวกเราคือการไปดูการแสดงที่จะถูกจัดขึ้นก็เท่านั้นเอง”

เกรซพูดซึ่งทำให้ทั้ง 3 คนผ่อนคลาย

“ว่าแต่เกรซ…แล้วการจับคู่ลูกชายของเธอกับลูกสาวของเธอหล่ะเป็นไงบ้าง?”

รูบี้พูดด้วยรอยยิ้มขี้แกล้งขณะที่เธอพูดต่อ

“เธอเป็นแฟนตัวยงของออสตินเลยทีเดียวนะ”

“จะมีใครที่ไม่ได้เป็นกันหล่ะ?”

ซูบี้พูดด้วยเสียงใส

“ทิ้งเรื่องรูปลักษณ์ของเขาที่เป็นนักฆ่า, พลัง, พรสวรรค์ และสิ่งอื่นๆ แค่คนที่ติดตามเขาก็เพียงพอที่จะสร้างกองกำลังขนาดใหญ่แล้ว”

“ถูก”

นูบี้สนับสนุนคำพูดของซูบี้

“เธอจะมีลูกสะใภ้จำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน”

นูบี้พูด ขณะที่เกรซยิ้มตลอดเรื่องทั้งหมดนี้ เธอพูดได้อย่างไรว่าลูกสาวของเธอจะมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ?

‘แต่ฉันจะไม่ยกออสตินของฉันให้ใคร สิ่งดีๆ ควรคงอยู่แค่ในครอบครัวเท่านั้น’

เกรซคิดด้วยรอยยิ้ม

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต