บทที่ 225 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 225 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่

บทที่ 225 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่

“แก แกเป็นใคร? แกจะทำอะไรฉัน?”

จูอวี้หลิงกลัวว่าตนเองจะถูกทำร้ายอีกครั้ง ตอนเอ่ยออกมาน้ำเสียงจึงสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว

หวังเซียงฮวายิ้มเย็น “ฉันเป็นใครงั้นหรือ? แกไม่ต้องสนใจหรอก!!”

“แกพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉัน… ฉันเป็นคนรักของเสิ่นจื่อเจินนะ!”

“งั้นหรือ? เสิ่นจื่อเจินเป็นพี่เขยของฉัน พวกเขาจดทะเบียนสมรสกันแล้ว พวกเขาเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว!”

หวังเซียงฮวาถ่มน้ำลายใส่จูอวี้หลิง ก่อนจะด่าเป็นภาษาถิ่นเสียงดัง

โชคดีที่ภาษาถิ่นที่นี่ไม่ต่างจากจีนกลางนัก จูอวี้หลิงจึงเข้าได้ใจ

เธอมองเสิ่นจื่อเจินอย่างขุ่นเคืองราวกับว่าโดนอีกฝ่ายหักหลัง

“ฉันบอกแล้วไง แต่แกดันกล้ามาสร้างปัญหาที่หงซิน อย่าโทษที่ไม้ขี้ไก่ฉันมันมีตาเลย!” หวังเซียงฮวาพูดต่อ

ท่าทางโกรธเคืองของผู้เป็นป้า ทำให้ซูเสี่ยวเถียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

แม่ใหญ่น่ารักจริง ๆ

เสี่ยวเถียนอดยกนิ้วให้ไม่ได้

“แก นังคนปากดี…” จูอวี้หลิงอยากจะถอยหลังจากโดนขวางเอาไว้เลยขยับไม่ได้

เธอกลัวเจ็บ ที่กลัวยิ่งกว่าคือไม้สกปรกอันนั้นฟาดมาโดนร่าง มันคงไม่ทำให้ป่วยหนักใช่ไหม?

“รีบไสหัวไปซะ ถ้าไม่ไป ฉันจะใช้ไม้นี้ต้อนรับแกเอง!”

หวังเซียงฮวาเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็ยิ่งภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

เสิ่นจื่อเจินเอ่ยกับเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน ปล่อยพวกเขาไป!!”

ถึงอย่างไรก็เคยเป็นคนในครอบครัว และมันก็เรื่องเยอะด้วย จื่อเจินรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นจึงเอ่ยขอร้อง

แม้เขาจะทำเช่นนั้น แต่อดีตภรรยากลับไม่เห็นค่า แล้วใช้สายตาแข็งกร้าวมองใส่

ตามที่ต้องการ เสี่ยวเถียนปล่อยมือก่อนสะบัดออกอย่างไม่ใส่ใจจนร่างนั้นซวนเซเกือบล้มลง เสิ่นเหวินหย่วนกลัวจะโดนอีกจึงรีบวิ่งไปอยู่ข้าง ๆ มารดา

พอเห็นพวกแม่จะไป เสิ่นเฟยเหวินรีบตะโกน “รอผมด้วย!”

เสี่ยวเถียนนึกได้ว่าเหยียบชายหนุ่มอยู่ เธอไม่อยากให้ลุงเสิ่นลำบากใจจึงยกเท้าออก

ชายหนุ่มรีบกลิ้งออกมาทันที

อย่างไรเสียก็เป็นลูกในไส้ จูอวี้หลิงก้าวไปข้างหน้าและดึงเขาขึ้นมา

สามแม่ลูกกลัวมากยามมองไปยังผู้คนที่หิวกระหายพวกนี้

นี่มันสถานที่อะไรกัน ทำไมเด็กพวกนี้มันเก่งนัก?

แล้วคนอื่น ๆ จะไม่ยิ่งกว่าหรือ?

ถ้าโดนนังผู้หญิงหยาบคายตีด้วยไม้สกปรก ๆ เธอจะไม่โดนตีตายเอาหรือ?

พอเห็นว่าเหมือนจะโดนเตะก้น พวกเขาก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

สามแม่ลูกวิ่งไปตลอดทางทั้งยังบ่นไม่หยุดด้วยว่ามันเป็นความผิดของพวกเราหงซิน กระทั่งไม่ได้ยินเสียงอีก

จูอวี้หลิงจากไปแล้ว ส่วนเถาฮวากำลังมึน สายตามองไปยังร่างนั้นโดยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ไม่มีใครเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ เพราะทุกคนง่วนอยู่กับการถามเสี่ยวเถียนว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

“จะเป็นไปได้ยังไงคะ? หนูเก่งขนาดนี้ จะเจ็บได้ยังไงคะ!”

เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าเป็นเสิ่นเฟยเหวิยก็ไม่แน่หรอก น่าจะเจ็บตัวไปอีกหลายวันเลย

สมควรแล้ว ใครใช้ให้เขาอยากลงไม้ลงมือล่ะ ขนาดเธอเป็นเด็ก เขายังคิดรังแกเลยนะ?

หลังจากที่เธอว่าจบ ตัวเองก็จำได้ว่าวันนี้พูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกไป

เธออดมองไปที่ลุงเสิ่นไม่ได้

อีกฝ่ายก็กำลังมองด้วยแววตาครุ่นคิดเช่นกัน

“ลุงเสิ่น หนูแค่พูดไปงั้น ๆ” เสี่ยวเถียนรีบอธิบาย

“เสี่ยวเถียน หนูแค่พูดไปงั้น ๆ จริงหรือ?” เสิ่นจื่อเจินไม่เชื่อ

“หนูแค่รู้สึกว่า พวกเขาโตมาทั้งหน้าตาและนิสัยไม่เหมือนลุงเลย ก็เลยพูดไปแบบนั้น”

เสี่ยวเถียนไม่มีทางอธิบายได้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แค่หาเหตุผลส่ง ๆ ตอบไป

แต่เหตุผลนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายเชื่อ

ที่จริงเสิ่นจื่อเจินไม่รู้ว่าลูกทั้งสองหน้าตาไม่เหมือนเขา

แค่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย และไม่เคยคิดมาก่อนจะว่าไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน

แต่ตอนนี้พอโดนเสี่ยวเถียนพูดกระตุกใจแบบนั้นก็คิดทันทีว่าอาจจะเป็นไปได้

เพราะอย่างไรมันก็แตกต่างจริง ๆ!

ควรค่าแก่การพิจารณาอีก!

ฉือเก๋อถามเสียงต่ำ “เสี่ยวเถียน แล้วที่หลานพูดก่อนหน้านี้จริงไหม”

เธอพยักหน้า “ตอนไปอำเภอได้ยินมาค่ะ และก็ใกล้แล้วด้วย!”

หลานสาวพูดเช่นนั้น เสิ่นจื่อเจินก็ตระหนักได้ในทันที

“ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขามาหาผมในตอนนี้ มันคงมีเรื่องจริง ๆ”

เพราะเขากำลังจะได้กลับไปในเร็ววัน แต่ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะได้ไปด้วยไหม

สนิทกันมาตั้งนานเลยรู้ว่า ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นคนดีมากจริง ๆ

ถ้าต้องไป คงลังเลนิดหน่อย

เห็นได้ชัดว่าฉือเก๋อก็คิดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เสิ่นจื่อเจินได้กลับแน่ แต่พวกเขาคงไม่ โดยเฉพาะเขากับหลานชายที่มีความสัมพันธ์กับคนในต่างประเทศ และมันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

เสี่ยวเถียนกลัวว่ายิ่งพูดจะยิ่งเผยความลับ จึงไม่กล้าพูดต่อ

“หนูยังมีเรื่องต้องทำที่บ้าน ขอกลับก่อนนะคะ ลุงเสิ่น ป้าเถาฮวา ปู่ฉือ คุณย่าอวี่ ถ้ามีเรื่องให้พี่อี้หย่วนไปตามหนูได้เลย เพราะหนูเก่งมาก”

พอได้ยินเด็กสาวพูดเช่นนั้น ทุกคนก็หัวเราะครื้น

เสี่ยวเถียนอยากจะไปแล้ว ซานกงและคนอื่น ๆ ก็ต้องไปด้วยเช่นกัน

พวกเขาคิดว่าถ้าไม่ไปในตอนนี้ อาจจะต้องได้รับผิดชอบกันบ้างละ!

อย่างที่คิด หวังเซียงฮวากำลังจ้องเขม็งมองพวกลูกชายกับลูกสาว

เห็นพวกเขาตามลูกสาวไป เธอก็ทำได้แค่ไล่ตามไปเท่านั้น

คนที่ตามหวังเซียงฮวามานั่น พอเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ตามไปด้วย เหลือแค่เสี่ยวเหมยเท่านั้น

เด็กสาวมองสีหน้าของมารดาค่อนข้างแย่ และมันแย่ยิ่งกว่าตอนที่พ่อไปมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาคังอีก

ตอนนั้นเองที่เสิ่นจื่อเจินตระหนักได้ว่าเถาฮวาผิดปกติมาก

เขาคิดเรื่องนี้อยู่ ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ปกป้องเถาฮวาให้ดี ภรรยาจึงเสียศูนย์

“เถาฮวา เป็นอะไรไป?” เสิ่นจื่อเจินถาม “เมื่อกี้คุณโดนจูอวี้หลิงทำร้ายใช่ไหม?”

เสี่ยวเหมยที่กำลังจะเข้าไปปลอบแม่ เห็นพ่อเลี้ยงเข้าไปเสียก่อน จึงตัดสินใจยืนอยู่ข้าง ๆ คุณย่าอวี่แทน

หญิงชราเหลือบมองเด็กสาว เธอยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

เถาฮวาจ้องสามี แววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน และไม่เอ่ยเอื้อนสิ่งใด

ส่วนเสิ่นจื่อเจินยังคงโทษตัวเองอยู่ “มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ได้ปกป้องคุณให้ดี!”

ฉับพลันซูเถาฮวาก็หลั่งน้ำตาออกมา

เธอเป็นคนเข้มแข็งมาก ไม่เคยอ่อนแอถึงขั้นเสียน้ำตาเลย

แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเสียน้ำตาไหม ลูกสาวเห็นแม่เป็นเช่นนั้นก็ร้อนรนแล้วรีบเข้าไปหา

ทว่าอวี่รุ่ยหย่วนจับมือเอาไว้แล้วส่ายหน้า จากนั้นก็บุ้ยปากให้ดูต่อไป

เสี่ยวเหมยเห็นพ่อเลี้ยงลนลาน แล้วช่วยแม่เช็ดน้ำตาอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ

“ผมรู้ว่าผมไม่ดีที่ปกป้องคุณไว้ไม่ได้ ทำให้คุณต้องโดนทำร้าย ถ้าคุณเจ็บ เดี๋ยวผมจะนวดให้ เถาฮวา อย่าร้องไห้เลยนะ!”

เสี่ยวเหมยตะลึง แม่เป็นคนที่ร้องไห้เพราะเจ็บหรือ?

ไม่น่าใช่สิ!