คืนนี้หยวนชิงหลิงเองก็คิดว่าตัวเองอมแมลงวันเหมือนกัน
เพราะว่า หยู่เหวินเห้าบอกว่า เขาไม่รู้ว่าจะเรียกนางว่าอย่างไร
เพียงแต่ขานชื่อ หยวนชิงหลิง ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น
พระชายา ดูห่างเหินไป และเป็นทางการมาก
ชิงชิง…….พอได้ยินเขาเรียกก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว
อะหลิง กับอะหลิงกลับเสียงเหมือนกัน เขาเรียกหยู่เหวินหลิงว่าอะหลิงมาโดยตลอด
หลิงเอ๋อ…..พอเรียกแบบนี้ยังไม่ทันจบ หยวนชิงหลิงก็พลันโบกมือมาทันที จนรู้สึกว่าเนื้อชากันเลยทีเดียว
สุดท้าย หยู่เหวินเห้าตัดสินใจ เรียกเจ้าหยวน
สมองของหยวนชิงหลิง ก็ผุดภาพวาดภาพหนึ่งขึ้นมา
ผู้นำหนึ่งท่านที่กำลังจับมือกับคนแก่ผมหงอกที่เดินโซเซ พร้อมพูดปลอบใจ: “เพื่อนร่วมงานเก่า เธอลำบากทำงานมานานกว่าสี่สิบปี วันนี้ถึงเวลาปลดเกษียณแล้ว!”
หยวนชิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมา
เจ้าหยวน ช่างเป็นคำเรียกที่ฟังดูแก่หงำเหงือกมาก ตอนนี้นางเป็นแค่หญิงสาวอายุสิบเจ็ด
นางจึงถามขึ้นอย่างไม่ประสบอารมณ์: “แล้วข้าต้องเรียกท่านว่าอย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าจึงพูดขึ้น: “เรียกท่านอ๋อง”
หยวนชิงหลิงขี้เกียจสนใจเขา จึงรีบหันหลังให้เขาทันที
หยู่เหวินเห้าจับมือนาง “โกรธแล้วหรือ?แล้วเจ้าคิดว่าควรเรียกอย่างไร”
“หยู่เหวินเห้า!”
“แล้วข้าควรเรียกเจ้าว่าอย่างไร?”
“ข้าไม่เปลี่ยนชื่อแซ่ เรียกว่า หยวนชิงหลิง!”
หยู่เหวินเห้าเอามือวางไว้หลังศีรษะ “แบบนั้นดูไม่น่าสนใจเลยสักนิด”
เขากลับรู้สึกว่าเจ้าหยวนฟังดูเพราะมาก และจะเรียกต่อไป ต้องมีสักวันที่ชื่อเจ้าหยวนของนางนั้นจะเป็นชื่อรองของเขา
ตอนนั้น พวกเขาคงแก่แล้ว ลูกหลานคงวิ่งไล่กันเต็มบ้าน เป็นชีวิตที่ดีเยี่ยมเพียงใดเล่า
หยวนชิงหลิงกลับเอาแต่คิดเรื่องฝ่าบาทว่าจะจัดการฉู่หมิงชุ่ยหรือไม่
หยู่เหวินเห้าจึงพูดขึ้น “คิดเรื่องอะไร?”
หยวนชิงหลิงหันไปมองหางตาของเขา จึงรีบหลับตาลง “ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ง่วงมากเลย”
“ดี อย่างนั้นพวกเรารีบทำสงครามกันให้จบ จะได้ไม่นอนช้าเกิน!” หยู่เหวินเห้าผู้มีความสามารถทำการบ้าน จึงปลดเสื้อออก แล้วทำตัวตรงเป็นทหาร
หยวนชิงหลิงถอนหายใจออกมา คนหนุ่มสาวนั้นมีไฟมาก!
นางอายุมากแล้ว รู้สึกทนความทรมานไม่ไหว
ร่างกายนางสิบเจ็ด แต่หัวใจนางนั้นขึ้นเลขสองจะเข้าเลขสามแล้ว
ไม่พูดถึงจะดีสุด!
อยู่ดีๆ หยวนชิงหลิงก็พบว่า ช่วงนี้ตัวเองคิดถึงบ้านน้อยลง
ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเหมือนตัวเองลอยกลางอากาศ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกว่ามีการฝังรากลงดินแล้ว
“ตั้งสมาธิ ห้ามว่อกแว่ก!” หยู่เหวินเห้ากัดปากนางเอาไว้
หยวนชิงหลิงจึงสบถออกมาสองครั้งถึงยอม แล้วถึงค่อยๆ ปล่อยร่างกายให้เป็นไปตามอารมณ์
ทบทวนหลังแข็งเสร็จ,หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าช่วงนี้หยวนชิงหลิงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเรื่องบนเตียงเท่าไหร่
หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกว่านางกำลังให้การดูแลเขา ถึงจะยังเด็กแต่ก็ไม่สามารถผ่านไปได้
พอยากที่จะปฏิเสธและอธิบาย จึงพลอยหลับไป!
เช้าวันต่อมา หยู่เหวินเห้าถูกเรียกตัวเข้าวังตั้งแต่เช้ามืด
หยวนชิงหลิงรู้ว่าวันนี้ต้องมีข้อสรุป ดังนั้นหลังจากที่กลับมาจากจวนหวย ก็เอาแต่ครุ่นคิดด้วยความไม่สบายใจ
พอเวลาเดินมาถึงตอนเที่ยงหยู่เหวินเห้าก็เดินเข้ามาในจวนอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงออกไปรับหน้า พร้อมกับถามขึ้นด้วยความร้อนใจ: “เป็นอย่างไรบ้าง?หยวนเจ๋ไม่ถูกลงโทษใช่หรือไม่?”
นางหวังอยากให้ฉู่หมิงชุ่ยโดนมาตลอด แต่ว่าที่จริงก็เป็นเพราะกังวลหยวนเจ๋
หยู่เหวินเห้าจูงมือนางเข้าไป แล้วพูดขึ้น: “หยวนเจ๋มีความดี ได้รับเงินพระราชทานหนึ่งร้อยตำลึง”
หยวนชิงหลิงโล่งใจขึ้นมาทันที “ถ้างั้นแผนการข้าครั้งนี้ถือว่าใช้ได้”
“ยังไม่หมด” หยู่เหวินเห้าจูงมือนางแล้วนั่งลง พร้อมกับมองหน้านาง: “วันนี้พระชายาอ๋องฉีเข้าวังไปรับโทษ และยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดนอกวัง แถมยังไม่ได้ตั้งครรภ์ด้วย เป็นเพียงการตรวจผิดพลาดของหมอ”
“ห้ะ?” หยวนชิงหลิงไม่คิดเลยว่าฉู่หมิงชุ่ยจะเข้าวังไปรับโทษ ช่างไม่คาดคิดจริงๆ “แล้วเสด็จพ่อจัดการอย่างไร?”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรมา เพียงแค่ต่อว่าสองสามความ และรับสั่งให้นางนำเงินไปบริจาคให้กับผู้บาดเจ็บ”
หยวนชิงหลิงไม่กล้าขออะไรมาก และก็พอใจแล้ว ยังไงฉู่หมิงชุ่ยก็สามารถรอดพ้นไปได้อยู่ดี
นางจึงพูดขึ้น: “อ๋องฉีก็คงไปเป็นเพื่อนชายาของเขาใหรือไม่?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “ไม่ ไม่ได้มาด้วย มีเพียงพระชายาฉีเข้าเฝ้า”
หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ อ๋องฉีผู้ที่ปกป้องชายาอย่างมากกลับไม่ไปด้วยหรือ?เปลี่ยนใจแล้วหรือ?”
“ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจมาก และกำลังครุ่นคิด ว่าควรจะไปถามข่าวคราวจวนอ๋องฉีหรือไม่?” หยู่เหวินเห้ากลอกตาไปมาที่หน้านาง เพื่อดูว่านางจะคัดค้านหรือไม่
หยวนชิงหลิงตอบ: “ไปเถอะ”
ตอบแบบนี้เลยหรือ ต้องมีกับดักแน่ “ช่างเถอะ ไม่ได้มีอะไรที่ต้องไป”
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น: “ไปเถอะ!”
หยวนชิงหลิงไม่คิดว่าเขากำลังมีแผนอะไร เพียงแค่สงสัยว่าทำไมฉู่หมิงชุ่ยถึงยอมไปรับผิด และมากกว่านั้นอ๋องฉีทำไมถึงไม่เข้าเฝ้ากับนาง แทบอดใจไม่ไหวกับเรื่องนี้
หยู่เหวินเห้าหมุนตัวออกทันที “ไม่ไป!”
บอกว่าไม่ไปแล้ว ยังจะวางแผนอีก ช่างดูถูกกันจริงๆ เลย
เช้าวันรุ่งขึ้นหยู่เหวินเห้ากลับไปที่ที่ทำการปกครองเมืองหลวง หยวนชิงหลิงนั้นก็ไปจวนหวยแล้ว จากนั้นก็ไปที่จวนอ๋องซุน
หลังจากที่อ๋องซุนได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่ได้ไปที่จวนอ๋องฉู่เลย
หยวนชิงหลิงจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีมารยาทเลยที่ไปได้มาเยี่ยมเขาบ้าง
ไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาจะอภิเษกพระชายารองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?
พอมาถึงจวนอ๋องซุน พระชายาซุนก็ออกมาต้อนรับ หยวนชิงหลิงจึงถามขึ้น: “ท่านพี่รองล่ะ?”
พระชายาอ๋องซุนยิ้มพลางพูดขึ้น: “วิ่งอยู่ในสวนอุทยาน”
หยวนชิงหลิงตกใจมาก “ลดน้ำหนักหรือ?”
“ใช่เพคะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้นคราวก่อน เขาก็เอาแต่บอกว่าเพราะตัวเองอ้วน จนไม่สามารถใช้ร่างกายตัวเอง ขนาดวิ่งยังวิ่งไม่ได้ มันน่าอับอายขายหน้ามาก ดังนั้น จึงมีแรงบันดาลใจ” พระชายาซุนพูด
“ความรู้สึกนั้นถูกกระตุ้นได้ถือเป็นเรื่องดี” หยวนชิงหลิงยิ้ม
พระชายาอ๋องซุนไม่ได้มองโลกในแง่ดีมาก “แต่ต้องดูว่าจะทำได้กี่วัน”
ถึงอย่างไร การกระตุ้นครั้งนี้ จนทำให้ตัดสินใจลดน้ำหนัก ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแต่หลายครั้งแล้ว
หลังจากผ่านไปในแต่ละปี ก็มักจะเอาผมบางส่วนออกมาสาบานต่อฟ้า ล้มเลิกนั้นเยอะกว่าอดทน แต่ก็อดทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือน ก็กลับมาเป็นอย่างเดิมแล้ว
“เขาเองพึ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ ไม่ควรจะออกแรงมาก” หยวนชิงหลิงพูด
พระชายาอ๋องซุนลุกขึ้น “ผ่านไปได้หรือ?พวกเราออกไปดูกันเถอะ”
หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าของพระชายาซุนดูแปลกๆ ทั้งอยากหัวเราะและโมโห จึงพูดขึ้น: “ได้เพคะ พวกเราไปดูกัน”
พอทั้งสองคนมาถึงเรือน ก็นั่งลงบนเก้าอี้หินในศาลา พลันมองเห็นอ๋องซุนวิ่งเข้ามาจากอีกด้าน
หยวนชิงหลิงมองเขาแวบหนึ่ง ดูแล้วก็เหมือนไปวิ่งมาจริงๆ
แต่ไม่รู้ว่าทำไม คนรับใช้ของเขานั้นกลับเดินตามมาด้วย ทำไมถึงเดินนำหน้าเขาได้?
อ๋องซุนเดินมาอย่างเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลเต็มตัว และดูเหมือนจะขาดใจอย่างไงอย่างงั้น ดวงตาก็เป็นสีขาว พร้อมแลบลิ้นออกมาด้วย
วิ่งนิดหน่อย เนื้อแก้มตรงใบหน้าก็พลันกระตุก ร่างกายเองก็เหมือนกัน เหมือนกับคลื่นทะเลกระทบฝั่งที่ไม่นิ่งสงบ
หยวนชิงหลิงรู้สึกอดสงสารไม่ได้ “ตอนที่ตอเป่าวิ่งในจวนข้า ก็แลบลิ้นแบบนี้ เขาวิ่งเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ?”
พระชายาอ๋องซุนยิ้มพลางพูดขึ้น: “ได้!”
นางจึงตะโกนออกไปด้านนอก: “วิ่งเร็วหน่อย ถึงจะเห็นผลดี”
อ๋องซุนได้ยินแบบนั้น ก็ยื่นคอขึ้นมา พร้อมกับใช้สองมือปัดไปด้านหลังเพื่อเพิ่มความเร็ว
พระชายาอ๋องซุนปิดตาเอาไว้
หยวนชิงหลิงก็ยิ่งแปลกใจ พลันมองเห็นเขาโซซัดโซเซ แล้ววิ่งไปทับคนรับใช้ที่อยู่ด้านหน้า คนรับใช้ร้องเสียงดังลั่น
หยวนชิงหลิงยิ้มไม่ออกเลย แต่ก็เข้าใจแล้ว ว่ามือเท้าอ๋องซุนนั้นไม่สามารถพร้อมเพรียงด้วยกันได้ วิ่งเร็วก็ไม่ได้ ในใจอยากวิ่งให้เร็ว แต่ว่ามือกับเท้าตามไม่ทัน แรงก็ไม่พอ
คนแบบนี้ ยากมากที่จะใช้วิธีออกกำลังกาย
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น: “ช่างเถอะ ท่านให้ท่านพี่รองอย่าวิ่งเลย ไปว่ายน้ำเถอะ ว่ายทั้งเช้าและเย็น และในเวลาเดียวกันก็ทำสำหรับลดน้ำหนักให้เขาด้วย”