ตอนที่ 274 ผมอนุญาตแล้วเหรอ
ตอนที่ 274 ผมอนุญาตแล้วเหรอ
สือจื่อจิ้นรีบรักษาบาดแผลของซูเถา ติดพลาสเตอร์ปิดแผลให้เธอ พร้อมกับบอกเธอว่าอย่าเพิ่งลงจากรถ และเขาจะเป็นคนลงไปดูเอง
เมื่อเห็นเขาลงมาจากรถ เสวี่ยเตาก็ถอนอุ้งเท้าออกทันที มันหายใจฟึดฟัดเล็กน้อย และวิ่งไปอยู่ด้านหลังเพื่อติดตามสือจื่อจิ้น
ผู้หญิงที่กระโดดขวางรถเมื่อครู่นอนลงกับพื้นแล้วร้องโอดครวญ
สวีฉีและเนี่ยซือป๋อก็ได้รับผลกระทบกับการที่รถถูกหยุดอย่างกะทันหัน
มี๋อู้ที่กลายเป็นหมอกในขณะที่รถเบรกเลี้ยวนั้นได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
เฉินเทียนเจียวซึ่งเป็นคนขับนำขบวน เป็นคนที่โดนหนักที่สุด และใบหน้าของเขาก็กระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถ
แต่ผิวของเขาหนาและแข็งขึ้น เพราะความสามารถของเขาคือ ‘เกราะหิน’ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่เขากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก้าวลงจากรถอย่างฉุนเฉียว และเดินไปหาหญิงที่ล้มลงบนพื้นพร้อมสบถ
“เป็นบ้าหรือไง! ผมเกือบจะตายเพราะการกระทำบ้า ๆ ของคุณ!”
การหักเลี้ยวแบบนั้นมันอันตรายมากขนาดไหนรู้บ้างหรือเปล่า! ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร คิดจะทำร้ายคนอื่นและตัวเองเหรอ!
เว่ยเสียงรีบลุกขึ้นยืนต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น
“ผมขอโทษ แต่ว่าเจ้านายของเราได้รับบาดเจ็บ นี่คือภรรยาของเจ้านายเรา เธอแค่อยากขอความช่วยเหลือจากพวกคุณ เลยไม่ทันคิดและทำเรื่องที่อันตรายลงไป”
ฟางเหยียนที่ล้มลงพื้นรู้สึกว่าเว่ยเสียงกำลังพูดเรื่องไร้สาระ!
ทำไมต้องอธิบายในเวลานี้! สิ่งสำคัญคือการช่วยชีวิต!
แม้ว่าฟางเหยียนจะตื่นตระหนกและวิตกกังวล แต่เธอก็ยังมีสติ พลางหันไปดูคนที่ดูเหมือนจะเป็นเห็นหัวหน้ากลุ่มอย่างสือจื่อจิ้นอย่างรวดเร็ว
บุคลิกแบบนี้ต้องเป็นระดับหัวหน้าแน่ ๆ
ฟางเหยียนเงยหน้าที่เปื้อนน้ำตามองสือจื่อจิ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เรามาจากฐานลั่วหนาน สามีของฉันแซ่เติ้ง! เราพบโจรบนถนน พวกเขาขโมยเสบียงของเราไปทั้งหมด และทิ้งรถที่เสียหายไว้ให้เรา สามีของฉันถูกยิงและเสียเลือดมาก ฉันอยากรบกวนพวกคุณเพื่อขอติดรถไปที่จุดรวมพลหรือฐานทัพที่ใกล้ที่สุดเพื่อช่วยเหลือเขา!”
“ชีวิตมนุษย์กำลังตกอยู่ในอันตราย ช่วยเขาด้วย!”
“ถ้าคุณเต็มใจช่วย เราจะให้เงินคุณเป็นจำนวนมากเมื่อเราไปถึงซินตู เราจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ อีกอย่างเรามีลูกเขยคนหนึ่งซึ่งเป็นรองหัวหน้าฐานซินตู คุณจะไปเข้าร่วมการประชุมใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเราจะให้สิทธิพิเศษแก่คุณ”
ฟางเหยียนรู้สึกว่าพวกเขามาจากฐานเล็ก ๆ ที่เพิ่งมาเข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งแรก เนื่องจากลั่วหนานก็เข้าร่วมในปีที่แล้ว แต่ฟางเหยียนไม่เคยเห็นคนเหล่านี้เลย
นั่นแสดงว่าพวกเขามาจากฐานเล็ก ๆ ที่เพิ่งผ่านการรับรองสำหรับการประชุม
ฐานขนาดเล็กเช่นนี้ต้องได้รับความสนใจและการปฏิบัติเป็นพิเศษจากซินตูเป็นแน่
ในเวลานี้ เด็กสาวอีกคนหนึ่งวิ่งลงจากรถที่อยู่ไม่ไกล เธอดูอายุไล่เลี่ยกับซูเถา น่าจะประมาณสิบแปดหรือสิบเก้าปี มีรูปร่างบอบบางและหน้าตาดี
เธอร้องไห้และรีบไปหาฟางเหยียน “แม่ แม่เป็นยังไงบ้าง!”
ฟางเหยียนส่ายหัว เธอไม่ได้ถูกตี แต่ถูกเหยียบย่ำเล็กน้อยโดยสุนัขตัวนั้น
เติ้งจื่อเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอร้องไห้ออกมาเป็นสายฝนต่อหน้าสือจื่อจิ้น
“คุณคะ กรุณาช่วยพ่อของฉันด้วย เขากำลังจะตายแล้ว อากาศก็ร้อน แผลก็ติดเชื้อง่าย ฉันกลัวว่า…”
เธอไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เฝ้ามองสือจื่อจิ้นและร้องไห้อย่างน่าเวทนา
เธอรู้ว่าตนเองจะถูกรักได้ง่ายทุกครั้งเมื่อมองผู้ชายแบบนี้
ไม่ว่าจะเป็นพ่อเธอหรือใครก็ตาม ต่างก็ต้องเอ็นดูกับการแสดงออกแบบนี้ของเธอ
เว่ยเสียงก็ต้องการพูดอะไรบางอย่าง และเขาไม่ต้องการเห็นเจ้านายของเขาตาย
หากพวกเขาไม่จ่ายเงินเดือนเพราะเหตุนี้ พวกเขาจะเดินทางไปซินตูเสียเที่ยวหรือเปล่า?
ครั้งนี้โชคไม่ดีจริง ๆ กลุ่มโจรนี้ไม่ธรรมดา พวกมันมี 20 กว่าคน มีผู้ที่มีพลังวิเศษไปแล้ว 15-16 คนซึ่งแปลว่าเกือบทั้งหมดมีพลังวิเศษที่น่ากลัว พลังการต่อสู้ของพวกเขาไม่สามารถสู้ได้
หลังจากที่เว่ยเสียงรับรู้สถานการณ์ได้ เขาก็เกลี้ยกล่อมเจ้านายของเขาให้ยอมจำนนทันที
ในเวลานั้น เจ้านายรู้สึกว่าเขาน่าจะสู้ไม่ได้ก็เลยยอม
แต่ผลปรากฏว่า! เมื่อเห็นว่าพวกเขามีเสบียงไม่มาก พวกโจรจึงโกรธและยิงบอสเติ้งจนได้รับบาดเจ็บ และในที่สุดก็เดินจากไป!
เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งเหล่านี้ เว่ยเสียงก็รู้สึกว่ามืดแปดด้าน “คุณชื่ออะไรเหรอ…”
“เว่ยเสียง?”
“พี่เว่ย?”
เมื่อเว่ยเสียงเห็นคนที่กำลังมา เขาก็กลืนประโยคหลังลงไป
ถังเล่อที่อยู่ถัดจากเว่ยเสียงเป็นคนแรกที่พูดและเอ่ยปากถามอย่างไม่แน่ใจ
“เหล่าสวี? มี๋อู้?”
ฟางเหยียนเห็นแบบนั้นก็รู้สึกมีความยินดี
“พวกคุณรู้จักกันเหรอ ดีเลย เร็วเข้า เว่ยเสียง พาคนสองคนไปอุ้มเหล่าเติ้งขึ้นรถ”
เธอมองรถทั้งสี่คันและสายตาก็หยุดที่รถบ้านที่งดงามและกว้างขวางที่สุด
“เอารถคันนี้แหละ ภายในมีเครื่องปรับอากาศหรือเปล่า ถ้ามีก็เปิดด้วยนะ บาดแผลบนตัวของเหล่าเติ้งไม่สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนเกินไปได้”
เธอบอกสวีฉีอย่างไม่มีพิธีรีตอง
“ขึ้นรถแล้วช่วยจัดห้อง ปูที่นอนให้เขาด้วย อ้อแล้วก็อย่าให้สุนัขตัวนั้นขึ้นไปนะ มันอันตรายเกินไป ถ้ามันได้กลิ่นเลือดแล้วไปกัดเขาล่ะ”
เธอออกคำสั่งด้วยตัวเองราวกับว่าไม่ได้ดูเหมือนกำลังขอความช่วยเหลืออีกต่อไป
เธอดูถูกเว่ยเสียงและพวกอยู่ในใจ พวกเขาเป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่รับมารับจ้างเพื่อหาเงินเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขารู้จักสวีฉี เธอก็หยิ่งในศักดิ์ศรีเพิ่มมากขึ้น”
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสุนัขรับใช้สินะ
เติ้งจื่อเสวียนสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับบรรยากาศ จึงดึงแขนเสื้อแม่ของเธอ
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว มองไปที่เว่ยเสียงแล้วพูดว่า “ยืนทำอะไรอยู่”
เว่ยเสียงรู้สึกทำตัวไม่ถูก
เขาไม่คิดว่าจะเจอพวกของสวีฉีในสถานการณ์แบบนี้!
หลังจากเพิ่งประสบกับการถูกปล้น เขาและถังเล่อก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน สภาพของพวกเขาดูไม่จืด มีรอยแผลเป็นมากมายบนผิวหนัง และทุกอย่างบนร่างกายของพวกเขาถูกขโมยไปยกเว้นเสื้อผ้าของพวกเขา
ก่อนที่จะเห็นสวีฉีและคนอื่น ๆ เขาอยากจะขอคะแนนความสงสารจากคนกลุ่มนี้!
ในทางกลับกันสวีฉี ซึ่งไม่ได้เจอเขามาสองสามเดือนแล้ว เขาดูมีความสุขดี และรู้สึกว่าเขาอ่อนกว่าวัยขึ้นด้วย?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ได้อมทุกข์อย่างที่คิด
เมื่อมองดูที่เนี่ยซือป๋อคนไร้ค่า เขาก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น!
อากาศร้อนขนาดนี้ สีผิวของเขาไม่ได้คล้ำลงเลย!
ส่วนมี๋อู้ไม่ต้องพูดถึง
ในตอนนั้นมี๋อู้ถูกถานหย่งเฉดหัวทิ้งในฐานะคนทรยศ
ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี! ทำไมคนส่วนน้อยเหล่านี้ถึงได้อยู่อย่างสุขสบาย?
หรือพวกเขาไม่ได้อยู่ทำงานให้สาวน้อยแซ่ซู หรือพวกเขาลี้ภัยไปอยู่กับคนอื่นหรือเปล่า?
สายตาของสวีฉีสบเข้ากับสือจื่อจิ้น เขาคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็นึกไม่ออก
หรือนี่คือนายจ้างคนใหม่ของพวกเขา?
เว่ยเสียงคิดวนไปวนมาในหัวของเขาอยู่อย่างนั้น เขายืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง
เมื่อเห็นว่าเขาแข็งทื่อและไม่ตอบสนอง ฟางเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะดุเขา “ยืนทื่ออยู่ทำไม!”
หลังจากดุเขา เธอก็หันไปเรียกถังเล่ออีกครั้ง
ดวงตาของถังเล่อกะพริบ เขากลืนน้ำลายและกระซิบกับสวีฉี “เหล่าสวี…”
ท่าทางนั้นแสดงความอ่อนแอและขอความช่วยเหลือ
เว่ยเสียงโกรธจัด
ฟางเหยียนหมดความอดทนและกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเหล่าเติ้ง ดังนั้นเธอจึงขอร้อง “เสี่ยวถังไปอุ้มเหล่าเติ้งมาที่นี่”
สวีฉีไม่ตอบเขา ถังเล่อหมดหวังที่จะขอให้พี่ชายมาช่วยอุ้มเติ้งเฉิงเย่ที่บาดเจ็บ
เมื่อเห็นว่าบาดแผลยังมีเลือดไหลอยู่ ฟางเหยียนจึงรีบพูดว่า
“ในรถยังพอมีที่อยู่ใช่ไหม! รีบพาเขาขึ้นรถเร็ว ไม่งั้นเขาไม่รอดแน่! เขาคือพ่อตาในอนาคตของหัวหน้าจั๋ว ถ้ามีอะไรผิดพลาด คุณ…”
เดิมทีเธอแค่ต้องการขู่ แต่คิดว่าต้องการให้พวกเขาพาสามีของเธอไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน เธอเลยต้องกลืนคำพูดน่าเกลียดที่เหลือลงไป
เติ้งจื่อเสวียนยังกำชับด้วยว่า “เร็วเข้าสิ! นาย และนาย รีบไปหาที่ว่างในรถ ถ้ามีคนอยู่ในรถ ก็ให้พวกเขาออกมา คนจำนวนมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อบาดแผลของพ่อฉัน!”
ถังเล่อและคนอีกสองสามคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอุ้มเติ้งเฉิงเย่ที่หมดสติไปที่รถบ้าน
เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ สือจื่อจิ้นก็ยกเปลือกตาขึ้นในขณะที่เขาเงียบมาตลอด
“ผมอนุญาตแล้วเหรอ”