ตอนที่ 217 ชดใช้ด้วยชีวิต

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 217 ชดใช้ด้วยชีวิต
“เจ้า…” หลี่เทียนฟู่เบิกตาโพลงจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียน โมโหจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา

ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเพียง “บุรุษตระกูลไป๋จบชีวิตลงที่หนานเจียง ตระกูลไป๋มีโลงศพเพิ่มยี่สิบสามโลงศพ หากวันนี้ข้าไม่อาจทำให้ซีเหลียงชดใช้ดินแดนให้แคว้นต้าจิ้นยี่สิบสามดินแดน ไม่อาจทำให้แม่ทัพใหญ่อวิ๋นพั่วสิงแห่งแคว้นซีเหลียงส่งบุรุษในตระกูลยี่สิบสามคนมาให้ข้าตัดศีรษะ คว้านท้องได้! วันนี้ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนต้องขัดขืนคำสั่งขององค์รัชทายาท ของฝ่าบาท ข้าก็จะนำกองทัพไป๋บุกไปยังอวิ๋นจิง ให้ราชวงศ์ซีเหลียงและตระกูลของอวิ๋นพั่วสิงชดใช้ด้วยชีวิต! เพื่อปลอบขวัญดวงวิญญาณของวีรบุรุษตระกูลไป๋ของข้า! เมื่อถึงเวลานั้นทุกท่านที่อยู่ในเมืองอวิ๋นจิงโปรดล้างศีรษะรออย่างสะอาดได้เลย อย่าให้ดาบล้ำค่าของกองทัพไป๋ต้องแปดเปื้อนเด็ดขาด!”

ถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความโอหังและเยือกเย็นที่สุด เยือกเย็นราวกับปีศาจกระหายเลือดที่ทำให้คนรู้สึกขนลุก ไม่กล้าเข้าใกล้

“ตระกูลไป๋ของเจ้าต้องจัดเตรียมโลงศพยี่สิบสามโลงแล้วมันเกี่ยวอันใดกับพวกข้า! เสด็จพ่อของข้า…จักรพรรดิของซีเหลียงก็จบชีวิตด้วยน้ำมือของมือสังหารของต้าจิ้นมิใช่หรืออย่างไร พวกเจ้าจะใช้สิ่งใดชดใช้ให้จักรพรรดิซีเหลียงของข้า!” หลี่เทียนฟู่ตวาดออกมาสุดเสียง เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความน้อยใจ “พวกเจ้าจะชดใช้ให้เสด็จพ่อข้าได้อย่างไร!”

ไป๋ชิงเหยียนวางใจลง ในที่สุดองค์หญิงของซีเหลียงก็หลุดโพล่งออกมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว

ก่อนหน้านี้นางพยายามบีบคั้นทุกวิถีทาง ทว่า ไม่ว่าอย่างไรหลี่จือเจี๋ยก็ไม่ยอมแพร่งพรายเรื่องที่เสี่ยวจิ่วลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิซีเหลียงออกมาเพื่อทำให้ซีเหลียงเป็นต่อ นางจึงรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก

บัดนี้ ในเมื่อหลี่เทียนฟู่ยอมรับออกมาแล้ว ก็ต้องดูแล้วว่าหลี่จือเจี๋ยจะจัดการเรื่องมือลอบสังหารนี้อย่างไร

หากเขาอ้างว่ามือลอบสังหารเสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นเสิ่นชิงจู๋และคนอื่นๆ ต้องช่วยชีวิตเสี่ยวจิ่วออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่อาจรอช้าได้อีกแล้ว

ทว่า หากเขากล่าวว่ามือสังหารถูกจับได้ เช่นนั้น…จะแลกตัวเขากลับมาอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาขององค์รัชทายาทและคณะทูตแล้ว

หลี่จือเจี๋ยหลับตาลง เขานึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงหลี่เทียนฟู่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เช่นนี้

“องค์หญิงกล่าววาจาน่าขันนัก ในเมื่อองค์หญิงอ้างว่าคนของต้าจิ้นเป็นคนลอบสังหารจักรพรรดิแห่งซีเหลียง เช่นนั้นมือลอบสังหารอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาล้ำลึกราวกับบ่อน้ำลึกของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังหลี่เทียนฟู่นิ่งๆ

“มือลอบสังหารเสียชีวิตแล้ว…” น้ำเสียงของหลี่จือเจี๋ยอ่อนลง “เครื่องแต่งกายของมือลอบสังหารในตอนนั้นเหมือนกับเครื่องแต่งกายของแคว้นต้าจิ้น ดังนั้นองค์หญิงจึงเข้าพระทัยผิดว่าเป็นคนของต้าจิ้น ทางซีเหลียงกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด เป็นดังที่แม่ทัพไป๋กล่าว…ซีเหลียงมาเพื่อเจรจาขอสงบศึก หากกล่าวหาแคว้นต้าจิ้นโดยไม่มีหลักฐานอย่างน่าขันเช่นนี้ เกรงว่าเราคงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ต้าจิ้นเพิ่มขึ้น ที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ออกมาตั้งแต่แรกเพราะข้ากำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่”

สิ้นเสียง ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลงเล็กน้อย หลี่จือเจี๋ยต้องการใช้ชีวิตของเสี่ยวจิ่วมาต่อรองเพื่อแผนการบางอย่างจริงๆ ด้วย

ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองเสิ่นชิงจู๋ที่อยู่ในชุดนางกำนัลของซีเหลียง ส่งสัญญาณมือสื่อว่า “นำค่ายหู่อิงไปช่วยเสี่ยวจิ่ว” เสิ่นชิงจู่พยักหน้าลงเล็กน้อย ถอยออกไปจากกระโจมอย่างเงียบเชียบ

ในเมื่อทราบแล้วว่าหลี่จือเจี๋ยเก็บเสี่ยวจิ่วไว้เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง เช่นนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้เสี่ยวจิ่วตกอยู่ในกำมือของหลี่จือเจี๋ยได้อีกต่อไป

หลี่จือเจี๋ยไม่ต้องการนำเสี่ยวจิ่วมาเป็นข้อต่อรองอย่างเปิดเผย ย่อมไม่ได้พาตัวเสี่ยวจิ่วมาด้วยอย่างแน่นอน เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วคงอยู่ที่ชิวซานกวน

สองแคว้นเลือกสถานที่เจรจาซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองค่าย องค์รัชทายาทนำทหารยอดฝีมือห้าพันนายและทหารค่ายหู่อิงมาด้วยเพื่อความปลอดภัย ทางซีเหลียงย่อมนำทหารยอดฝีมือมาเช่นเดียวกัน

หากเสิ่นชิงจู๋นำค่ายหู่อิงไปช่วยชีวิตเสี่ยวจิ่วออกมาจากชิวซานกวนตอนที่ทหารซีเหลียงไม่ทันตั้งตัว เมื่อหลี่จือเจี๋ยทราบข่าวก็คงไม่ทันการแล้ว

เพราะเขาเป็นคนบอกออกมาเองว่ามือลอบสังหารเสียชีวิตลงแล้ว เขาจะกลับคำบอกกับองค์รัชทายาทว่ามือสอบสังหารคือเสี่ยวจิ่วหรืออย่างไรกัน!

ต่อให้หลี่จือเจี๋ยบอกความจริงออกไป สองแคว้นกำลังเจรจาสงบศึกกันอยู่ ต่างถกเถียงกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของแคว้นตัวเองทั้งสิ้น องค์รัชทายาทคือรัชทายาทของแคว้นต้าจิ้น พระองค์จะเชื่อคำกล่าวของ

หลี่จือเจี๋ยได้อย่างไร

เมื่อเริ่มมั่นใจ ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่านั่งลงตรงที่นั่งของตัวเองพลางยิ้มเย็นมองไปทางหลี่จือเจี๋ย สิ่งที่นางต้องทำก็คือ…ถ่วงเวลาของคณะทูตซีเหลียงให้ได้นานที่สุด

หญิงสาวเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นแสดงว่าองค์หญิงแห่งซีเหลียงกล่าวโดยไม่มีหลักฐาน หรือว่านี่คือคำสอนของซีเหลียงกันแน่! ซีเหลียงตั้งใจจะใช้วาจาปลิ้นปล้อนกลับกลอกมาเจรจาสงบศึกกับแคว้นต้าจิ้นของข้าเช่นนั้นหรือ”

หลี่จือเจี๋ยหันไปมองหลี่เทียนฟู่ที่ร้องไห้ออกมาแล้วแวบหนึ่ง รู้ดีว่าเรื่องที่ต้องการให้องค์รัชทายาทเห็นความงดงามของหลี่เทียนฟู่นั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว องค์หญิงหลี่เทียนฟู่เป็นคนวู่วามและเอาแต่ใจ หากนางอยู่ที่นี่ต่อมีแต่จะก่อปัญหาเพิ่ม

ชายหนุ่มถอนหายใจพลางบีบข้อมือของหลี่เทียนฟู่เบาๆ สั่งกำชับ “ส่งองค์หญิงกลับชิวซานกวนไปก่อน นางเหนื่อยแล้ว!”

ใจของไป๋ชิงเหยียนกระตุกวูบ เอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ช้าก่อน!”

“เจ้าคิดจะทำสิ่งใดอีก!” น้ำเสียงแหลมสะอื้นและเต็มไปด้วยความโกรธของหลี่เทียนฟู่ดังขึ้น

“บัดนี้บรรยากาศการเจรจาสงบศึกของทั้งสองแคว้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนใจแคบ องค์รัชทายาทของแคว้นข้าอยู่ที่นี่ ข้าอดกังวลไม่ได้ว่าเหยียนอ๋องอาจส่งองค์หญิงซีเหลียงกลับไปชิวซานกวนเพื่อรวบรวมกำลังทหารมาล้อมองค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง!”

”เจ้า…”

หลี่เทียนฟู่แทบอยากระเบิดออกมา ทว่า โดนหลี่จือเจี๋ยห้ามไว้เสียก่อน “แคว้นที่พ่ายแพ้สงครามจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร หากแม่ทัพไป๋เป็นกังวลมากถึงเพียงนี้ องค์หญิงนั่งอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่จือเจี๋ยทำความเคารพหลี่เทียนฟู่ กล่าวเสียงเบาหวิว “องค์หญิง อดทนอีกสักนิดเถิดพ่ะย่ะค่ะ! แต่ไรมาการเจรจาสงบศึกระหว่างสองแคว้นล้วนใช้ฝีปากในการเจรจาทั้งสิ้น องค์หญิงทรงอย่าพิโรธให้ต้าจิ้นมีข้ออ้างในการเปิดสงครามได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ทำสงครามก็ทำสิ! พวกเรากลัวคนต้าจิ้นหรืออย่างไรกัน! กองทัพของซีเหลียงแข็งแกร่ง พ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซีเหลียงของข้ามีบุรุษเลือดร้อน พร้อมร่วมแรงร่วมใจเสียสละต่อสู้เพื่อบ้านเมืองอยู่แล้ว ไม่พวกเขาตายก็พวกเรารอด!” ดวงตาของหลี่เทียนฟู่แดงฉาน หน้าอกสั่นเทิ้ม ร่างกายสั่นเทาไปทั้งร่าง

“วาจาขององค์หญิงช่างน่าขันนัก ไม่เขาตายก็เรารอด ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรก็สื่อว่าแคว้นต้าจิ้นต้องตายอยู่ดี พวกท่านไม่มีทางตายเช่นนั้นหรือ!” หลิ่วหรูซื่อถลกแขนเสื้อขึ้นพลางหัวเราะเสียงเย็น ซีเหลียงร่วมแรงร่วมใจทั้งแคว้น ทว่า แคว้นต้าจิ้นของข้ากลับพึ่งพาเพียงแค่แม่ทัพไป๋เพียงผู้เดียว ในเมื่อองค์หญิงแห่งซีเหลียงมั่นใจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นคงต้องรบกวนแม่ทัพไป๋และแม่ทัพทุกท่านทำสงครามอีกรอบ เมื่อกองทัพบุกไปถึงเมืองอวิ๋นจิง พวกเราค่อยมาเจรจากันใหม่ก็ยังไม่สาย!”

“เจ้า!” หลี่เทียนฟู่หยิบถ้วยเหล้าขึ้นมาจากบนโต๊ะ เตรียมเขวี้ยงใส่หลิ่วหรูซื่อ

“องค์หญิง!” หลี่จือเจี๋ยจับมือที่ถือถ้วยเหล้าของหลี่เทียนฟู่ไว้ กล่าวเสียงต่ำ “อีกไม่ช้า…กระหม่อมจะทำให้ไป๋ชิงเหยียนทรมานกว่านี้เป็นพันเท่า องค์หญิงได้โปรดเห็นแก่ส่วนรวมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ อีกครู่ทรงทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น องค์หญิงต้องเชื่อใจกระหม่อม บัดนี้ซีเหลียงทำสงครามไม่ได้ หากทำสงคราม…คงไม่อาจรักษาราชบัลลังก์ของจักพรรดินีไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ความรู้สึกมากมายถาโถมอยู่ในใจของหลี่เทียนฟู่…สุดท้ายกลับถูกระงับไว้ด้วยคำกล่าวของหลี่จือเจี๋ย

หลี่เทียนฟู่เงียบไปครู่ใหญ่ แม้ในใจจะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมากเพียงใด ทว่า หญิงสาวก็นั่งลงตามคำกล่าวของหลี่จือเจี๋ย

“องค์หญิงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ เรื่องของซีเหลียง กระหม่อมรู้ขอบเขตดีพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่จือเจี๋ยส่งสัญญาณให้หลี่เทียนฟู่วางใจ

“จะทำสงครามหรือไม่ เพียงเหยียนอ๋องและคณะทูตของซีเหลียงกล่าวออกมาเพียงคำเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องเหลวไหลพรรค์นั้นมายั่วโมโหแคว้นต้าจิ้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ จะรอให้ซีเหลียงแผ่นดินนองเลือดก่อนแล้วเราค่อยมาเจรจากันหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หลิวหรูซื่อกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ

หลี่จือเจี๋ยมองดูใบหน้าที่รูปงามคมคายของหลิ่วหรูซื่อ รู้สึกเพียงว่าหลิ่วหรูซื่อผู้นี้ไม่ได้รูปงามเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงอีกแล้ว