ตอนที่ 245 การ์ตูนแนวอาหาร

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 245 การ์ตูนแนวอาหาร

วันที่ 25 สิงหาคม

ในออฟฟิศของอิ่งจือ

จินมู่กล่าวกับหลินเยวียน “ทางปู้ลั่วต้องการทำคอลัมน์สัมภาษณ์นักเขียนการ์ตูนที่กำลังจะเผยแพร่ผลงานของพวกเขาบนเว็บไซต์ใหม่ คงตั้งใจจะโปรโมตผลงานใหม่น่ะครับ คุณไม่จำเป็นต้องออกหน้า เพียงแต่เขียนบทสัมภาษณ์ในรูปแบบข้อความ รับไหมครับ”

“รับครับ”

หลินเยวียนตอบ

จินมู่พยักหน้า หลังจากนั้นไม่นานก็มีบรรณาธิการจากปู้ลั่วเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อมาทางบัญชีอิ่งจือของหลินเยวียน

อีกฝ่ายมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ ‘เราติดต่อกับผู้จัดการของอาจารย์อิ่งจือแล้ว เริ่มการสัมภาษณ์ตอนนี้ได้เลยไหมคะ’

อิ่งจือ ‘ครับ’

บรรณาธิการ ‘ฉันก็เป็นแฟนคลับเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส พอเห็นว่าการ์ตูนเรื่องนี้จบก็รู้สึกทำใจไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่เมื่อคิดว่าอาจารย์อิ่งจือจะปล่อยผลงานชิ้นใหม่ก็ตื่นเต้นมากเลยล่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะพอเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลงานใหม่กับแฟนๆ สักหน่อยได้ไหมคะ’

อิ่งจือ ‘ผลงานใหม่มีชื่อว่าจิตวิญญาณสือจี่ เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับอาหารครับ’

บรรณาธิการ ‘แค่ได้ยินก็ท้องร้องแล้วนะคะเนี่ย! เรารู้กันว่านิยายเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นผลงานของอาจารย์ฉู่ขวง แล้วผลงานใหม่ชิ้นนี้เป็นเรื่องต้นฉบับของอาจารย์อิ่งจือเองใช่ไหมคะ’

อิ่งจือ ‘ครับ’

บรรณาธิการ ‘เขียนเรื่องด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก อาจารย์อิ่งจือกดดันไหมคะ’

อิ่งจือ ‘พอไหวครับ’

บรรณาธิการ ‘อาจารย์อิ่งจือมั่นใจในตัวเองมากเลยนะคะ เนื่องจากเว็บไซต์ของเราเพิ่งก่อตั้ง อาจารย์อิ่งจือคาดหวังกับผลลัพธ์ของผลงานชิ้นใหม่อย่างไรคะ’

‘…’

การสัมภาษณ์กินเวลาประมาณ 15 นาที

คำถามของบรรณาธิการเป็นคำถามทั่วไป หลินเยวียนจึงไม่รู้สึกเหนื่อยในการตอบ

ทว่าช่วงหลังบรรณาธิการเริ่มถามคำถามเจาะลึกลงไป ‘(อิโมจิยิ้มกรุ้มกริ่ม) อันที่จริงฉันยังมีคำถามส่วนตัวที่อยากถามอาจารย์อิ่งจือมาตลอด ว่าเพศของอาจารย์คือ?’

อิ่งจือ ‘ผู้ชายครับ’

บรรณาธิการ ‘ขอถามอีกหนึ่งคำถามนะคะ เป็นคำถามสุดท้ายแล้ว อาจารย์อิ่งจือเหมือนจะสนิทสนมกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋และอาจารย์ฉู่ขวง อยากทราบว่าอีกสองท่านเป็นเพศอะไรหรือคะ’

อิ่งจือ ‘นั่นเท่ากับสองคำถามนะครับ’

บรรณาธิการ ‘ฮ่าๆๆ ขออภัยด้วยค่ะ (อิโมจิน่ารัก)’

อิ่งจือ ‘เป็นผู้ชายทั้งคู่ครับ’

บรรณาธิการ ‘สืบข้อมูลสำเร็จ (ยิ้มยิงฟัน)! ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ เหมือนซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเลยค่ะ n(*≧▽≦*)n!’

อิ่งจือ ‘ซื้ออะไรเหรอครับ คุณไม่ได้จ่ายเงิน’

บรรณาธิการชะงักไปหลายวินาที ก่อนตอบว่า ‘…อาจารย์อิ่งจือมีอารมณ์ขันจังเลยนะคะ’

อิ่งจือ ‘เพื่อนผมก็พูดแบบนั้นครับ’

‘…’

เวลายี่สิบนาที

การสัมภาษณ์ผ่านข้อความก็เป็นอันสิ้นสุด

จินมู่ชำเลืองมอง หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหา จึงพยักหน้าพลางกล่าว “บทสัมภาษณ์จะเผยแพร่ช่วงเย็น นักวาดการ์ตูนคนอื่นก็ใช้การสัมภาษณ์ผ่านข้อความเหมือนกันครับ”

หลินเยวียนพยักหน้า

เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจ

แต่ถึงอย่างนั้น หลินเยวียนก็ประเมินสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นของชาวเน็ตต่ำไป

เย็นวันเดียวกันนั้นเอง

หลังจากบทสัมภาษณ์ของนักวาดการ์ตูนปรากฏบนโลกออนไลน์ พื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที

‘ฉันว่านะ 3pชัวร์!’

‘เป็นผู้ชายทั้งสามคนจริงด้วย~’

‘ที่จริงก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายนะ สไตล์การเขียนของอาจารย์ฉู่ขวงเปลี่ยนแปลงได้ แต่จะดูยังไงก็เป็นผู้ชาย’

‘ก่อนหน้านี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋เป็นเพศอะไร ถึงยังไงเขาก็มีเพลงที่เขียนจากมุมมองของผู้หญิง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋ก็มีหัวใจของสาวน้อยนี่เอง’

‘ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันจริงด้วย!’

‘อวยพรให้ผลงานใหม่ของอาจารย์อิ่งจือดังดีกว่า ไม่งั้นอาจถูกเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวงเขี่ยทิ้งได้’

‘เงาจืดจางสู้ๆ น้า!’

แฟนคลับหลายคนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการ์ตูน จึงมีข้อความเชิงหยอกล้อจำนวนมาก

สำหรับหลายคน คุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่สุดของบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ก็คือการเปิดเผยเพศของเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวง

……

ทว่าบทสัมภาษณ์ชิ้นเดียวกันนี้เอง เมื่ออยู่ในสายตาของบุคลากรในอุตสาหกรรมการ์ตูน กลับกลายเป็นตรงกันข้าม

“อิ่งจือจะผันตัวไปสายผลงานออริจินัลเหรอ”

“เขาเป็นนักวาดบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ”

“ดูท่าจะเป็นนักวาดการ์ตูนอีกคนหนึ่งที่ไม่อยากเป็นนักวาดบริสุทธิ์ นักวาดบริสุทธิ์ทุกคนคล้ายกับมีแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นอิสระ…”

“ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องของอาหารหรอกหรือ”

“ถ้าผลงานชิ้นใหม่ของอิ่งจือไม่ใช่แนวอาหาร ฉันรู้สึกว่าผลงานใหม่ของเขายังพอมีความหวังอยู่บ้าง แต่แนวอาหารนี้ได้ทำลายความตื่นเต้นของผู้คนไปแล้วเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์”

“นั่นสิ ทำไมถึงเลือกแนวอาหาร”

“การ์ตูนแนวอาหารเคยดังอยู่ช่วงหนึ่ง น่าเสียดายที่ตอนนี้แทบไม่มีใครสนใจ พูดง่ายๆ ก็คือการ์ตูนแนวนี้ตกยุคไปแล้ว”

“แนะนำให้อิ่งจือร่วมงานกับฉู่ขวงต่อไป ไม่งั้นคงน่าเสียดายฝีมือของนักวาดบริสุทธิ์คนหนึ่ง”

“…”

ไม่ใช่เพียงในแวดวงการ์ตูนที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือ หรือแม้แต่แฟนคลับของอิ่งจือก็ยังคงรู้สึกสับสนกับการเดินเส้นทางสายผลงานออริจินัลเช่นเดียวกัน

‘ไม่มั้ง?’

‘อาจารย์อิ่งจือไม่อยากเป็นนักวาดบริสุทธิ์เหรอ’

‘ผมว่าเป็นนักวาดบริสุทธิ์ก็ดีนะครับ จะได้ทุ่มสมาธิไปที่การวาด เรื่องเนื้อเรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์นักเขียนบทก็ดีแล้ว…’

‘อาจารย์อิ่งจือตื่นได้แล้ว แนวอาหารมันตกยุคไปแล้ว!’

‘เห็นด้วย ถ้าอาจารย์อิ่งจืออยากสร้างผลงานเองมากละก็ ไปวาดการ์ตูนแนวกีฬาไม่ดีกว่าเหรอ?’

‘สนับสนุนแนวกีฬาอีกเสียง!’

‘ในวงการการ์ตูน แนวกีฬายังมีศักยภาพอยู่ แถมเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสได้พิสูจน์แล้วว่าอาจารย์อิ่งจือถนัดทางนี้มากที่สุด’

‘ถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ฉันก็จะสนับสนุนอาจารย์อิ่งจืออย่างเต็มที่’

‘ใช่ว่าไม่เคยอ่านการ์ตูนต้นฉบับของนักวาด ลายเส้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง แต่เนื้อเรื่องนี่ยังพูดยากแฮะ’

‘…’

บุคลากรในวงการและแฟนคลับของอิ่งจือไม่ได้ใส่ใจเรื่องซุบซิบของเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวง ทุกคนสนใจผลงานใหม่ของอิ่งจือมากกว่า

แต่ว่า…

เมื่อรู้ว่าอิ่งจือคิดจะพาผลงานชิ้นใหม่เดินเส้นทางต้นฉบับ มิหนำซ้ำยังเลือกแนวอาหาร แฟนคลับไม่น้อยก็รู้สึกประหนึ่งถูกน้ำเย็นเฉียบกะละมังใหญ่สาดใส่หน้า

ไม่ใช่ปัญหาของอิ่งจือ

ทว่าก่อนหน้าอิ่งจือ ก็มีนักวาดบริสุทธิ์หลายคนซึ่งเคยลองสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง แต่ผลลัพธ์กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า

แน่นอนว่าไม่มีเรื่องใดตายตัว

และก็มีผลงานต้นฉบับที่ไม่พังพินาศ ทว่ากระแสของผลงานเหล่านี้เทียบไม่ได้กับผลงานของคนเหล่านี้ในฐานะนักวาดบริสุทธิ์!

ต้องเข้าใจว่าปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นการ์ตูนที่กระแสฮ็อตฮิตที่สุดของปู้ลั่ว!

อิ่งจือต้องการแตะถึงระดับนั้นด้วยผลงานต้นฉบับละก็ เดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องที่เขาเลือกแนวเฉพาะกลุ่มอย่างแนวอาหาร

แต่เห็นได้ชัดว่า

ทัศนคติจากโลกภายนอกไม่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของอิ่งจือ

ต่อให้มีคนมากมายแห่เข้าไปคอมเมนต์ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของอิ่งจือก็ไร้ประโยชน์

กลับเป็นผู้ช่วยของอิ่งจืออย่างหลัวเวย ซึ่งกำลังค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องจิตวิญญาณของสือจี่

ใช่แล้ว

เมื่อปรินซ์ออฟเทนนิสจบลง

หลินเยวียนก็เริ่มผลิตผลงานเรื่องจิตวิญญาณของสือจี่ไปพร้อมกับหลัวเวย!

กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานนี้ยากเย็นและกินเวลายาวนาน

เพราะครั้งนี้หลินเยวียนจะต้องวาดการ์ตูนแบบลงสีเต็มรูปแบบ!

มีเพียงการ์ตูนฟูลคัลเลอร์เท่านั้น ถึงจะแสดงจุดเด่นของเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ได้อย่างชัดเจน!

อะไรที่เรียกว่าข้าวผัดไข่เรืองแสง?

หากใช้เพียงลายเส้นสีเทาไร้สีสัน ผู้อ่านจะเห็นได้อย่างไรว่าอาหารในเรื่องจิตวิญญาณสือจี่นั้นน่ากินขนาดไหน

หลัวเวยก็ถูกเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ดึงดูดระหว่างกระบวนการนี้เช่นกัน

ยามที่หลินเยวียนส่งสตอรีบอร์ดและเนื้อเรื่องให้อ่าน ทันใดนั้นหลัวเวยก็สัมผัสได้ว่า การ์ตูนเรื่องนี้อาจจุดกระแสการ์ตูนแนวอาหารขึ้นมาก็ได้!

ความกระตือรือร้นในการวาดภาพของเธอประหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารอันโอชะจากในเรื่อง และผลักดันให้เธอตั้งใจทำงานมาก!

……………………………………………….