“ฝ่าบาท กระหม่อม…”

“เอาล่ะ ! เลิกร้องไห้ได้แล้ว เป็นถึงแม่ทัพหน้าที่ของเจ้ามิใช่หลั่งเลือดศัตรูในสนามรบหรอกหรือ?”ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดเสียงดัง

“กระหม่อม…กระหม่อมจะหยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้”เสี่ยวจือ ได้เช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว”กระหม่อมจะแทนคุณฆ่าศัตรูให้มากขึ้นในอนาคต!”

“ฮ่าฮ่า,นี่สิสมควรเป็นสิ่งที่เจ้าพึงกระทำ!”

ลู่เฟิง ได้หัวเราะและมองไปที่ เสี่ยวจือ”เสี่ยวจือ กองทัพพยัคฆ์ที่เจ้าสร้างขึ้นอยู่ที่ใด?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมได้พบกับหนุ่มนิรนามวัยยี่สิบ เขามีความแข็งแกร่งกว่าข้ามาก เขาแนะนำให้ข้า ซุกซ่อนกองทัพพยัคฆ์เอาไว้และรอรับบัญชาจากฝ่าบาท”

“ดังนั้น ข้าจึงได้นำกองทัพพยัคฆ์เหล่านั้นไปที่ภูเขาลูกใหญ่ทางตอนใต้ของเมืองเร้ดเมเปิ้ล เพื่อรอรับคำสั่งจากพระองค์ ส่วนตัวข้า รีบเดินทางมาพบกับฝ่าบาทโดยเร็วที่สุด”

ในขณะที่เขาพูด เสี่ยวจือ ก็คุกเข่าลงอีกครั้ง”ฝ่าบาท เสี่ยวจือ ละเลยหน้าที่ หวังว่าฝ่าบาทจะลงโทษ”

“ทำไมจะต้องลงโทษ?”

ลู่เฟิง ได้โบกมือ”เจ้าลอบนำคนขึ้นไปบนภูเขาทางตอนใต้ของเมืองเร้ดเมเปิ้ล และ ซ่อนมันไว้จากหน่วยสอดแนมของเกาชุน กระทั่ง คนของอาณาจักรอู๋เซียง ยังไม่ทราบร่องรอยของกองทัพพยัคฆ์ เจ้าทำให้ข้าเซอร์ไพรส์จริง ๆ”

เสี่ยวจือ ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินว่า ลู่เฟิง ไม่ได้ตำหนิตัวเอง

“ยังไงซะ เจ้าบอกว่า เจ้าพบกับ หนุ่มนิรนาม เจ้ารู้ชื่อแซ่ของเขาหรือไม่?”ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม

เสี่ยวจือ ได้สั่นศีรษะ”กระหม่อมมิรู้จักชื่อแซ่ของเขา แต่กระหม่อม ได้พบกับเขาระหว่างทางมาที่เมืองเร้ดเมเปิ้ลพร้อมกับกองทัพพยัคฆ์ในเวลานั้นกระหม่อมเห็นหน่วยก้านของเขาดีและต้องการให้เขาเข้าร่วมกับกองทัพพยัคฆ์ แต่เขาปฏิเสธ ทำให้พวกเราไม่พอใจ และ เกิดการต่อสู้ในที่สุด…”

“ผลเป็นอย่างไร?”

เสี่ยวจือ รู้สึกอับอายเล็กน้อย”แม้สุดท้าย กระหม่อมจะใช้ตัวเองแทนการแก้ปัญหา ก็ไม่สามารถเทียบกับ บุรุษนิรนามคนนั้นได้ โชคดีที่ เขามิได้มีเจตนาจะฆ่ากระหม่อม มิฉะนั้นกระหม่อมคงไม่มีชีวิตรอดมาพบฝ่าบาทแล้ว”

ลู่เฟิง รู้สึกประหลาดใจ มีบุรุษหนุ่มเช่นนี้ในอาณาจักรหนานหยานด้วย?

ความแข็งแกร่ง ของ เสี่ยวจือ คือระดับ 1 สูงสุดขั้นปรมาจารย์ ด้วยพละกำลังการต่อสู้ของเขา ย่อมสามารถเอาชนะ ระดับ 2 ขั้นปรมาจารย์ได้

อย่างไรก็ตาม เขาเกือบจะตายภายใต้เงื้อมมือของบุรุษหนุ่มคนนึง ความแข็งแกร่งของ บุรุษหนุ่มคนนั้นย่อมไม่ต่ำกว่าระดับ 3 ขั้นปรมาจารย์อย่างแน่นอน

ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม”เขาไปไหน?”

สถานที่ที่ข้าพบเขาอยู่นอกมณฑลเฮยเสียน ในสามมณฑลทางตอนเหนือ หลังจากที่ กระหม่อมพ่ายแพ้เขา ก็ได้ถามจุดประสงค์ในการมาของเขา เขาบอกว่า บ้านเกิดของเขาอยู่ในเฮยเสียน และ กำลังเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติ”เสี่ยวจือ ได้อธิบาย

มณฑลเฮยเสียน?

หัวใจของ ลู่เฟิง ขยับเล็กน้อย หรือว่าจะเป็น หรานเหมิน?

ลู่เฟิง อดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับมัน การตั้งค่าของระบบคือ หรานเหมิน จะเดินทางกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อเยี่ยมแม่ของตนเอง

เมื่อรวมกับระบบกำหนดให้ หรานเหมิน เป็นพรานของสามมณฑลทางตอนเหนือจึงไม่น่าเเปลกใจที่จะได้พบกับ เสี่ยวจือ ในมณฑลเฮยเสียน

สำหรับความแข็งแกร่งของ หรานเหมิน น่าจะยังไม่ได้ถูกจำกัด เพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้มอบความภักดีกับเขา

ลู่เฟิง ไม่ได้คิดมากอีกต่อไป ถ้าเป็น หรานเหมิน จริง และ ฟังจากที่ เสี่ยวจือ พูดอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่น่าจะใช่ศัตรู

“เสี่ยวจือ เจ้ากลับไปที่กองทัพพยัคฆ์ เพื่อรอรับคำสั่ง!”ลู่เฟิง ได้กล่าวบอก

“กระหม่อมรับบัญชา!”

เสี่ยวจือ ได้จากไปทันที

หนึ่งวันต่อมาสาร์นท้ารบของ จิ้งซือหรง ก็มาถึง

ลู่เฟิง มองไปที่ สาร์นท้ารบของ จิ้งซือหรง และ ยิ้มออกมา”ดูเหมือนว่า จิ้งซือหรง จะไม่พอใจข้าจริง ๆ ดูอย่างข้อความในสาร์นท้ารบ เขาต้องการตัดศีรษะของข้า และ ประจานให้ทั่วหล้าได้รับรู้ ถึงความหยิ่งยโสของข้า”

หลิวจี๋ ได้ยิ้มออกมา”จิ้งซือหรง ผู้นี้ มีเพียงความสามารถเล็กน้อย กลับพูดจาใหญ่โต ไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา คนผู้นี้มักไม่เคยก้มมองดูตัวเอง”

“ฮ่าฮ่า,ก็แค่คนตาบอดคนนึง ใยต้องใส่ใจ”

ลู่เฟิง หัวเราะออกมา”มาเถอะ มาพูดถึงสิ่งที่เราควรจะจัดการกับสาร์นท้ารบของเขา”

หลิวจี๋ ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”ฝ่าบาท จิ้งซือหรง ผู้นี้ ได้วางสนามรบไว้ใต้ภูเขาติงจิ้ง หากเป็นที่กระหม่อมคาดการ์ณเอาไว้ จิ้งซือหรง จะต้องส่งกองทัพไปยึดภูเขาติงจิ้ง ไว้อย่างแน่นอน”

“ดังนั้น กระหม่อมคิดว่า เราไม่ควรสู้รบกันที่ภูเขาติงจิ้ง แต่เป็นที่อื่น”

“ที่ไหน?”

หลิวจี๋ ได้กางแผนที่และชี้ไปที่ตำแหน่งนึง”ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร…”

เขาชี้ ไปที่ จุดนี้และพูดขึ้น”สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า ไป่เหลียนโป มันตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาติงจิ้ง มันเป็นเนินเขาขนาดใหญ่เหมาะแก่การจัดวางพลธนูชั้นยอด ทั้งยังสอดแนมได้อย่างดี ทั้งนี้ เราสามารถจัดกองทัพเผชิญหน้ากับศัตรูด้านหลังของภูเขาติงจิ้ง ได้ หาก จิ้งซือหรง เคลื่อนไหว เราจะรุมกินโต๊ะเขาทันที”

“ส่วนข้างล่างภูเขาติงจิ้ง ถ้าเรายอมแพ้จุดนี้ กองทัพบนภูเขาติงจิ้ง ก็จะไร้ประโยชน์ พวกเขาย่อมไม่สามารถอนกำลังทหารออกมาได้ ด้วยสิ่งนี้ กองทัพอาณาจักรอู๋เซียง น่าจะสูญเสียกำลังพลไปอย่างน้อย 200,000 นาย”

เกาชุน มองไปที่ อีกฝ่ายและกล่าวถาม”ข้าไม่มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับการจัดการของท่าน แต่ถ้า เนินเขาไป่เหลียนโป ถูกยึดโดยกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง?”

“นี่ไม่มีทางเป็นไปได้!”

หลิวจี๋ ได้สั่นศีรษะ”ไป่เหลียนโป ตั้งอยู่ด้านหลังภูเขาติงจิ้ง และ ด้านหน้าคือ เมืองเร้ดเมเปิ้ล ด้านหลังคือหน้าผา ถ้าอาณาจักรอู๋เซียง ต้องการยึดสถานที่นี้ ต้องเริ่มจาก ทิศด้านหน้าซึ่งก็คือเมืองเร้ดเมเปิ้ล ดังนั้นนี่จึงเป็นไปไม่ได้”

เกาชุน ได้ครุ่นคิดตามและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย”เข้าใจแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มทำตามแผนเถอะ ในเมื่อ จิ้งซือหรง ต้องการสู้ตัดสินกับข้า ข้าจะลองให้โอกาสเขาดูว่าจะเอาชนะข้าได้มั้ย!”

“กระหม่อมรับบัญชา!”

หลิวจี๋ และ เกาชุน ได้ตอบสนอง

เกาชุน ได้ลงไปเตรียมตัวทันที แต่ หลิวจี๋ ได้พูดขึ้น”แม่ทัพเกา ข้าใคร่สงสัยว่าข้าจะสามารถใช้งานกองพันทหารของท่านให้เป็นประโยชน์ได้หรือไม่?”

เกาชุน ผงะเล็กน้อยและกล่าวถามทันที”ท่านกุนซือต้องการกองพันทหารค่ายของข้า?”

ลู่เฟิง เองก็เเปลกใจเขาได้กล่าวถาม”อาจารย์หลิว ท่านมีแผนการดี ๆ งั้นหรือ?”

หลิวจี๋ ได้ยิ้มและชี้ไปที่เทือกเขาที่ตั้งอยู่ริมสุดของแผนที่เมืองเร้ดเมเปิ้ล”ฝ่าบาท,แม่ทัพเกา โปรดดูที่นี่”

ลู่เฟิง เห็นสถานที่ที่ หลิวจี๋ ชี้ หัวใจของเขาได้ขยับเล็กน้อย สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ เสี่ยวจือ นำกองทัพพยัคฆ์ 100,000 นายหลบซ่อนตัวเอาไว้