บทที่ 222 บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ โชคชะตาพุ่งทะยาน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 222 บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ โชคชะตาพุ่งทะยาน

“เจ้าค่ะ”

อู้เต้าเจี้ยนหยิบหอกยาวขึ้นมาและเดินออกจากถ้ำเทวา นางลอบพึมพำกับตัวเองว่า “นายท่านอยากมุ่งปลูกฝังหลิงเอ๋อร์หรือ”

กับศิษย์คนอื่นๆ หานเจวี๋ยไม่ได้มอบสมบัติให้

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่และคร้านที่จะถือสา จึงหยิบเอาเลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวทออกมา

เลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวทถูกบรรจุอยู่ในขวดหยกครามใบเล็ก หานเจวี๋ยเพิ่งเปิดก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายที่น่ากลัวหอบหนึ่งทันที!

‘จึ้ๆ ลำพังแค่เลือดก็แข็งแกร่งมากเพียงนี้แล้ว ยามที่อยู่บนจุดสูงสุดบรรพชนจอมเวทจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน’

เกี่ยวกับบรรพชนจอมเวท ความเข้าใจของหานเจวี๋ยมาจากนวนิยายและนิทานในโลกก่อน แต่ไม่สามารถเอาจริงเอาจังได้

โลกบำเพ็ญเซียนนี้ดูเหมือนจะใกล้เคียงสถาปนาเทพ ไซอิ๋ว ดึกดำบรรพ์ แต่มีจุดที่แตกต่างกันมาก

หานเจวี๋ยกำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะใช้เลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวทได้

ตัวเลือกแรกของเขาคือไก่คุกรัตติกาล

เพียงแต่กลัวว่าไก่คุกรัตติกาลจะถูกเลือดบริสุทธิ์ของบรรพชนจอมเวทสะท้อนกลับ

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตเข้าไปในเลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวท ชั่วเวลาเพียงอึดใจ พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็สะท้อนพลังจิตของเขาออกมา

หานเจวี๋ยตกใจเฮือก เหงื่อเย็นเยียบไหลทั่วร่าง

เขารีบเก็บเลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวท ค่อยใช้มันทีหลัง

เจ้าสิ่งนี้หากถูกเขานำเข้าสู่ร่างกาย เขาจะไม่ระเบิดหรือ

คิดเสร็จ หานเจวี๋ยก็หลับตาลง บำเพ็ญตบะต่อไป

เวลาผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยเป็นอย่างเช่นเคย สาปแช่งไปพลาง ตรวจดูจดหมายไปพลาง

[เจียงอี้สหายของท่านรู้แจ้งมรรคกระบี่ บรรลุจักรพรรดิเซียนมรรคกระบี่]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x1687

[หลงซั่นสหายของท่านได้รับอาวุธเทพเผ่ามังกรแท้ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านฝันถึงโลกสุญตา คุณลักษณะเทพยกระดับ]

[ยายเมิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ] x9

[ยายเมิ่งสหายของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ได้ผู้ทรงพลังเมืองยมบาลช่วยเหลือ]

[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านปลุกพลังวิเศษมรรคาพุทธ]

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง]

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

ผู้ทรงพลังที่ว่าน่าจะหมายถึงพวกอยู่ที่เหนือกว่าจักรพรรดิเซียนกระมัง

ระบบยังมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง บุคคลที่มันไม่สามารถตรวจจับได้จะเป็นผู้ทรงพลัง

ผู้ทรงพลังในหมื่นโลกาทั่วหล้านี่มากมายทีเดียว

แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิสวรรค์ก็ยังถูกโจมตีได้

วังสวรรค์นี่อันตรายเกินไปแล้ว ไม่อาจไปได้!

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าฉู่ซื่อเหรินกลับปลุกพลังวิเศษมรรคาพุทธขึ้นมา

‘เจ้านี่คงจะไม่ได้กลายเป็นบรรพชนพุทธภควัตไปแล้วกระมัง’

หลายเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยให้อู้เต้าเจี้ยนเรียกฉู่ซื่อเหรินมา เขาอยากคุยกับฉู่ซื่อเหรินเพียงลำพัง

หลังจากฉู่ซื่อเหรินเข้ามาแล้ว ก็รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง

‘อาจารย์ปู่คงไม่ได้จะถ่ายทอดพลังวิเศษให้เขาหรอกกระมัง

อย่าเด็ดขาดเชียว!’

ฉู่ซื่อเหรินคุกเข่าต่อหน้าหานเจวี๋ยอย่างเก้ๆ กังๆ

หานเจวี๋ยเอ่ยถามขึ้นว่า “ช่วงนี้หยั่งถึงพลังวิเศษแล้ว?”

ฉู่ซื่อเหรินเงยหน้าขึ้น สีหน้าตกใจ

อาจารย์ปู่รู้ได้อย่างไร

ฉู่ซื่อเหรินกล่าวอย่างละอาย “ข้าไม่ได้ตั้งใจ…เป็นเพียงความฝันอย่างหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า…”

หานเจวี๋ย “…”

นี่ก็เสแสร้งได้ดีนี่!

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แข็งแกร่งขึ้นแล้วไม่ดีหรือ เจ้าบอกว่าไม่อยากฝึกบำเพ็ญ ไม่ใช่ว่าแอบฝึกบำเพ็ญเงียบๆ จนบรรลุสู่มหายานแล้วหรอกหรืออย่างไร”

ใช่เลย!

ฉู่ซื่อเหรินบรรลุมหายานแล้ว!

นับตั้งแต่โจวหมิงเยวี่ยกราบเขาเป็นอาจารย์ เขาก็มักจะฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบๆ เพราะกลัวว่าจะถูกตามได้ทัน

เมื่อฉู่ซื่อเหรินได้ยินก็พลันกระอักกระอ่วนในทันที คิดไม่ถึงว่าจะถูกอาจารย์ปู่มองออกจนได้

“อาจารย์ปู่ ข้ามักรู้สึกว่าหากข้าฝึกบำเพ็ญต่อไป ข้าจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง ในร่างของข้ามีพลังที่น่ากลัวซ่อนอยู่…” ฉู่ซื่อเหรินรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ทุกคนล้วนมีอดีตชาติของตนเอง ไม่จำเป็นต้องต่อต้าน เจ้าก็คือเจ้า อดีตที่ผ่านมาล้วนเป็นเหมือนเมฆหมอก เขาเพียรบำเพ็ญเซียนแห่งนี้ การฝึกฝนไม่ได้หมายถึงตบะเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสภาวะของจิตใจ สักวันหนึ่งเจ้าจะเป็นเหมือนกับข้า มองทะลุทุกสิ่ง ไม่พะวงกับทุกสิ่งมากเพียงนั้น นี่ก็คือการฝึกบำเพ็ญ ปล่อยวางทุกสิ่ง ถึงจะเรียกว่ามหามรรค”

ฉู่ซื่อเหรินราวกับกำลังครุ่นคิด

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงรู้สึกว่าคำพูดของหานเจวี๋ยนั้นเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง

อาจารย์ปู่ต้องการให้เขาปล่อยวางอะไร

ปล่อยวางความคิดของตน?

หานเจวี๋ยเริ่มถ่ายทอดพลังวิเศษให้เขา

ไม่ว่าสุดท้ายฉู่ซื่อเหรินจะกลายเป็นบรรพชนพุทธภควัตหรือไม่ ในเมื่อมีวาสนาเป็นศิษย์อาจารย์กันแล้ว เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็ต้องสอน

ไม่กี่วันต่อมา ฉู่ซื่อเหรินออกไป หานเจวี๋ยเพียงแค่ถ่ายทอดสอนพลังภายในและความทรงจำที่เกี่ยวข้องให้เขาเท่านั้น การบำเพ็ญตบะอย่างเฉพาะเจาะจง ต้องขึ้นอยู่กับเขา

หลังจากที่โจวหมิงเยวี่ยเห็นฉู่ซื่อเหรินออกมา ก็รีบร้อนเข้าไปประชิดตัวอย่างรวดเร็ว เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “อาจารย์ อาจารย์ปู่ถ่ายทอดพลังวิเศษให้ท่านแล้วหรือ”

ฉู่ซื่อเหรินพยักหน้า

“อาจารย์ สอนข้าที!” โจวหมิงเยวี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น

ฉู่ซื่อเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยักหน้าลง

ในตำหนักใหญ่ที่ใหญ่โตสว่างไสวแห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่นั่งประทับอยู่บนแท่นดอกบัว

ร่างกายของเขาราวภูผา ใบหน้าขึงขังสง่างาม ด้านหลังลอยแขวนพระประคำขนาดใหญ่ยี่สิบสี่เม็ด เปล่งประกายแสงหลากสีสันออกมา

ในตำหนักมีเขาเพียงคนเดียว

เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพึมพำว่า “พุทธภควัต…เจ้าจะกลับมาแล้วหรือ”

เขายกมือขวาขึ้น โบกไปข้างหน้า ประทับตราพระพุทธเจ้าสายหนึ่งปรากฏขึ้น พุ่งพรวดออกจากตำหนักใหญ่อย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นาน

พระภิกษุที่แต่งกายด้วยชุดขาวรูปหนึ่งก็เหินเข้ามา ใบหน้าเขาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา อาภรณ์สีขาวไม่เปื้อนมลทินใด

“อมิตาพุทธ ขอนอบน้อมแด่บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์”

พระภิกษุชุดขาวพนมมือไหว้ โค้งกายคารวะ

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เอ่ยปากกล่าวว่า “บรรพชนพุทธภควัตกำลังจะตื่นแล้ว ไปเชิญเขากลับมาเถิด”

ได้ยินคำ พระภิกษุชุดขาวก็ขมวดคิ้ว

เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “บรรพชนพุทธภควัตย้ายไปโลกมนุษย์วังสวรรค์ เกรงว่าจักรพรรดิสวรรค์จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น”

“ไม่ต้องคิดพิจารณาใดๆ ทั้งนั้น”

“อมิตาพุทธ”

พระภิกษุชุดขาวสีหน้าอับจนหนทาง แต่ก็ยังตอบตกลง

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ยกมือขึ้น ไม้เท้าพุทธสีทองบินไปหยุดเบื้องหน้าของพระภิกษุชุดขาว

พระภิกษุชุดขาวแปลกใจ เอ่ยว่า “ไม้เท้าพุทธตถาคต!”

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์หลับตาแล้วเอ่ย “มีแต่ต้องสำเร็จ”

พระภิกษุชุดขาวถือไม้เท้าพุทธตถาคต พยักหน้าลงลอย่างเคร่งขรึม

วสันต์คล้อยยามสารทเยือน เวลาผันผ่านอย่างรวดเร็ว และโลกมนุษย์ก็เป็นอีกวันหนึ่ง

สามสิบปีผ่านไป

หานเจวี๋ยยังคงฝึกบำเพ็ญตบะ ระดับยังห่างจากเซียนทองวัฏจักรระยะกลางอยู่ช่วงหนึ่ง

หนึ่งร้อยปีผ่านไป เขายังไม่สามารถทะลวงขอบเขตพลังเล็กๆ ได้ ระดับเซียนทองยากที่จะทะลวงจริงๆ

หานเจวี๋ยเองก็ไม่รีบร้อน เขาเชื่อมั่นในความรวดเร็วในการทะลวงระดับของตนอยู่แล้ว

หลงซั่นยังคงติดอยู่ที่ระดับเซียนแท้ไท่อี่ระยะกลาง ถูกหานเจวี๋ยแซงหน้าไปไกลมากขึ้นทุกที

วันนี้

หานเจวี๋ยพลันลืมตาตื่นขึ้น สีหน้าเขาดูแปลกประหลาด

เขารู้สึกว่าดวงชะตาของโลกเมฆาแดงพุ่งทะยาน ก่อนหน้านี้ดวงชะตานั้นยากที่จะจับได้ แต่ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ระดับเซียนทองเป็นต้นมา หานเจวี๋ยก็สามารถสัมผัสได้ถึงดวงชะตา

พร้อมกับดวงชะตาของโลกเมฆาแดงที่พุ่งสูงขึ้น พลังงานวิญญาณของฟ้าดินเองก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้น

หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาในทันที ตรวจดูอันดับรายชื่อในป้ายศิลามรรคาสวรรค์

อันดับของโลกเมฆาแดงกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความเร็วนั้นสูงมาก!

หานเจวี๋ยตื่นตระหนก รีบใช้ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์เพื่อสังเกตโลกเมฆาแดง

เขาพบว่าผู้บำเพ็ญระดับมหายานที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกใบเล็กเหล่านั้นกำลังทะลวงระดับ ดวงชะตาทั้งหมดต่างรวมตัวกันในโลกมนุษย์ ทำให้ดวงชะตาของโลกเมฆาแดงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘มีบางอย่างแปลกไป!’

หานเจวี๋ยสงสัยว่าคนเหล่านี้จัดตั้งกลุ่มขึ้นมาหรือไม่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝ่าด่านพร้อมกันโดยบังเอิญเพียงนี้

‘จะต้องมีคนแอบรวมกลุ่มกันอย่างลับๆ แน่นอน’

หานเจวี๋ยถือป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ เริ่มนับนิ้วคำนวณ

เพียงไม่นานก็คำนวณไปถึงกลุ่มจวนเซียนสวรรค์

มรรคาสวรรค์สามารถสะท้อนทุกสิ่งในโลกมนุษย์ได้ หานเจวี๋ยสามารถสอดแนมมรรคาสวรรค์ในโลกมนุษย์ และย่อมสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าจวนเซียนสวรรค์กำลังวางแผนอะไรอยู่

ที่แท้เบื้องหลังนี้ยังมีแผนของวังสวรรค์อยู่ด้วย

มหาเทพวังสวรรค์จากจวนเซียนสวรรค์มาเข้าฝันจวนเซียนสวรรค์ ถ่ายทอดวิชาแห่งโชคชะตา ทำให้จวนเซียนสวรรค์สมรู้ร่วมคิดกับผู้ทรงพลังในโลกมนุษย์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับโลกเมฆาแดงด้วยกันในคราวเดียวกัน

หากประสบความสำเร็จ ขอบเขตสูงสุดของโลกปุถุชนในวันหน้าจะไม่ใช่เพียงมหายานอีกต่อไป ก็เหมือนกับโลกมนุษย์ที่ลี่เหยาอาศัยอยู่ พวกระดับเซียนก็สามารถเดินเหินในโลกมนุษย์ได้เช่นกัน

…………………………………………………..