ตอนที่ 481 หญิงผู้ขี้เกียจ ตอนที่ 482 เป็นคนช่างยากเหลือเกิน!

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 481 หญิงผู้ขี้เกียจ

ผู้ดูแลงานในร้านจะทำเงินต่อเดือนได้มากน้อยเท่าไรล่ะ

พี่หม่านซานก็เคยเผยให้รู้ว่า เถ้าแก่ร้านบอกไว้ว่า ตราบใดที่เป็นผู้ดูแลงานตามร้านสาขาย่อย นอกจากเงินค่าแรงพื้นฐาน แต่ละเดือนยังจะได้รับผลกำไรของร้านห้าส่วนอีกด้วย หากทำไปนานๆ ไม่แน่ว่ายังสามารถได้เงินเพิ่มขึ้นอีก ถึงขั้นว่าทุกเดือนจะมีเงินรางวัลอื่นอีกด้วย!

ดังนั้นต่อให้พวกเขาและซ่งอิงไม่คุ้นเคย แต่ยามนี้มองแววตาของซ่งอิงนั่นก็เหมือนว่ามองเห็นมารดาผู้ให้กำเนิดก็ไม่ปาน

นี่เป็น ‘สิ่งล่อใจ’ ที่ซ่งอิงวาดขึ้นมาไว้ให้จริงๆ

อาสี่ของนางรับเงินกำไรหนึ่งส่วน ปัจจุบันเดือนหนึ่งก็ได้เงินไม่ต่ำกว่าห้าสิบตำลึงเงินแล้ว

ที่ซ่งหม่านซานคิดเป็นเงินที่ก้อนใหญ่ยิ่งกว่านี้ ซ่งอิงก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วตำแหน่งผู้ดูแลงานของซ่งหม่านซานนี้ต้องหลีกทางให้ผู้อื่นขึ้นแท่น

ซ่งอิงมองกวนลี่ฉาง กวาดตามองอยู่พักหนึ่ง ค้นพบว่าคนผู้นี้แววตาสงบเยือกเย็น น่าจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่เลวทีเดียว

“เอาสี่ร้อยตำลึงเงินให้ข้าแล้ว ทางด้านร้านนั่นก็น่าจะมีเงินเหลือไม่เท่าไรแล้วกระมัง” ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เดือนแรกแทบจะไม่ได้ทำเงินอะไร ล้วนเอาไปใช้จ่ายในส่วนที่ขาดเหลือทั้งหมด อีกทั้งตอนนั้นก็ไม่มีสบู่หอม รายรับมีจำกัด หลังกลางฤดูใบไม้ร่วง กิจการจึงได้ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าขึ้นมากะทันหัน

สี่ร้อยตำลึงเงินนี้ คาดว่าเป็นเงินทุนหมุนเวียนในร้านส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้

“เถ้าแก่วางใจได้ พี่ซ่งหม่านซานบอกว่ายังมีเงินอยู่อีกจำนวนหนึ่ง แม้ว่าไม่มากมายแต่ก็เพียงพอให้ใช้จ่าย เพียงแต่เขาบอกว่าหากทางด้านเมืองยงนั่นขาดแคลนกำลังคนเช่นกัน หากท่านอยากจ้างคนงานก็เลือกไว้หลายๆ คน แล้วเลือกสี่ห้าคนที่ซื่อตรงส่งไปฝึกฝนทางด้านเมืองยงสักหน่อยจะดีกว่า” กวนลี่ฉางกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ กวนลี่ฉางชั่งใจอยู่ชั่วครู่

เขาฟังออกว่าตามจริงแล้วความหมายของพี่หม่านซานคือ ให้เถ้าแก่ร้านหาคนที่ตนเองไว้เนื้อเชื่อใจได้สักสองสามคน

“พี่หม่านซานกล่าวว่าตอนนี้ร้านค้าเพิ่งตั้งตัวได้ ซึ่งล้วนเป็นเหล่าสหายคนกันเอง ร่วมลงแรงด้วยกันอย่างเหน็ดเหนื่อยยากลำบากเพียงนี้ หากภายภาคหน้าท่านจัดการหาคนงานมาอีก เช่นนั้นก็ออกจะสายเกินไปหน่อย ถึงเวลาเกรงว่าบรรดาสหายจะรู้สึกต่อต้านเอาได้” กวนลี่ฉางกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงย่อมเข้าใจได้อยู่แล้ว

คนงานเหล่านี้ของในปัจจุบันค่อนข้างมีความสนิทใกล้ชิดกับซ่งหม่านซาน

ตอนนี้เปิดร้านยังไม่นานเท่าไร ทุกคนซาบซึ้งใจที่นางทำให้มีกิน แต่เมื่อเวลานานวันไปแล้วเล่า

คงอดไม่ได้ที่จะมีใจกำเริบเสิบสาน อีกทั้งนางนานๆ ทีจะปรากฎตัวออกมา เกรงว่าคนอื่นจะไม่มีนางผู้เป็นเถ้าแก่ร้านคนนี้อยู่ในใจ

ซ่งอิงเชื่อในตัวซ่งหม่านซาน แต่จะผลักทุกเรื่องราวไปที่ตัวของซ่งหม่านซานก็ไม่ได้

ถึงขั้นว่า พูดอย่างน่าเกลียดหน่อย เกิดว่า… ภายภาคหน้าซ่งหม่านเป็นอะไรไปแล้ว คนที่อยู่เบื้องล่างเหล่านั้นจะฟังใคร จะมีความจริงใจต่อนางผู้เป็นเถ้าแก่ร้านคนนี้สักเท่าไร และไม่แน่ว่าอาจเกิดความนึกคิดที่อยากละทิ้งแล้วไปเริ่มต้นใหม่ด้วยตนเองขึ้นมาก็เป็นได้

แน่นอนว่าการละทิ้งแล้วไปเริ่มต้นใหม่ด้วยตนเองมีความเป็นไปได้ไม่มากนัก อย่างไรเสียใจความสำคัญของสูตรก็มีเพียงนางและซ่งหม่านซานที่รับรู้

“ท่านกลับไปบอกกล่าวกับท่านอาสี่ทีว่าข้าจะเลือกคนอย่างละเอียดหน่อย เพียงแต่เรื่องคนงานนี้ ข้าต้องการคนที่ฉลาดมีไหวพริบ หาใช่จำนวนหลายคนไม่ คงต้องให้เวลาข้าหลายวันหน่อย” ซ่งอิงตอบกลับ

กวนลี่ฉางพยักหน้า

“ร้านเซียนเส้อทางด้านนั้นยังมีสินค้าในคลังอยู่จำนวนหนึ่ง ไว้ท่านเปิดร้านแล้วจะให้คนขนมาส่งให้ทันที” ก่อนเดินจากไป กวนลี่ฉางกล่าวเสริมอีกประโยค

ตามจริงเขาก็ประหลาดใจเช่นกันว่าทำไมต้องให้ส่งของมาจากทางด้านเมืองยงเป็นการเฉพาะ

เถ้าแก่ร้านก็ทำได้เช่นกันนี่?

ต่อมาพี่หม่านซานกล่าวว่า…

เถ้าแก่ร้านขี้เกียจ

หากนางไม่ขี้เกียจ จะไม่นำร้านเซียนเส้อที่สำคัญเพียงนี้มอบให้เขาได้หรอก หากนางไม่ขี้เกียจก็จะไม่เบิกเงินสองสามเดือนครั้งและเพิ่งแวะเวียนไปมองดูแค่สองครั้งเท่านั้น

แต่กวนลี่ฉางมองดูการจัดวางในบ้านฮั่วแห่งนี้แล้วรู้สึกว่าเถ้าแก่ไม่ใช่หญิงที่ขี้เกียจแต่อย่างใดนี่?

เห็นๆ อยู่ว่าเลี้ยงไก่ไว้ในลานบ้าน แต่สะอาดสะอ้านจนลงนั่งกินข้าวได้!

ขี้เกียจเสียที่ไหน

แน่นอนว่า นั่นเป็นเพราะกวนลี่ฉางไม่เห็นหนิวต้าลี่…

เมื่อก่อนซ่งอิงทำความสะอาดบ้านอย่างมากสุดก็เช้าครั้งเย็นครั้ง แม้ว่าให้ความสำคัญกับสุขอนามัย แต่อยากให้เป็ดไก่ว่านอนสอนง่ายหน่อยและรู้จัก ‘รักและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม’ ด้วยตัวมันเอง แต่หลังจากหนิวต้าลี่มา ประการแรกเพราะกลัวว่าจะถูกไล่ออก ประการสองเพราะคิดว่าซ่งอิงเป็นปีศาจ ไม่กล้าทำอย่างลวกๆ ประการสาม…ถูกทรมานจากการเย็บปักถักร้อยจนผิวถลอกปอกเปิกไปหมด ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างก็จะทำความสะอาดเพื่อแสดงศักยภาพของตนเองทันที

นับแต่มีหนิวต้าลี่ กระเบื้องใต้เท้าก็แทบจะเอามาใช้เป็นคันฉ่องได้แล้ว

ตอนที่ 482 เป็นคนช่างยากเหลือเกิน!

อย่างเช่นตอนนี้ ซ่งอิงเพิ่งส่งกวนลี่ฉางออกไป หนิวต้าลี่ก็แบกไม้กวาดเดินออกมาทันที

บริเวณที่กวนลี่ฉางยืนก่อนหน้านี้ตรงนั้นก็ถูกกวาดอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง เห็นซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่ตลอด แต่ครั้งนางมุ่นคิ้ว หนิวต้าลี่ก็ยิ่งประหม่า “พี่สาว ฝุ่นคลุ้งเปื้อนท่านแล้วใช่หรือไม่”

“…” ซ่งอิงสาบานได้ว่านางไม่เคยทารุณกรรมหนิวต้าลี่มาก่อน!

นางเพียงแค่นิสัยเสีย ไม่ได้บอกว่านางเป็นคนก็เท่านั้นเอง…

“หนิวต้าลี่…”

“เจ้าค่ะ!” หนิวต้าลี่รีบยืนตัวตรงดิ่งทันที “พี่สาวจะสั่งการอันใดหรือ”

“ตอนนี้เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นปีศาจอะไรหรือไม่” ซ่งอิงกล่าว

หนิวต้าลี่เผยสีหน้าแน่วแน่และซื่อตรง “พี่กบไม่บอกข้าเช่นกัน ข้าคิดว่าความสามารถของท่านจะต้องล้ำเลิศเกินเทียบทานเป็นแน่ จะต้องมิใช่สัตว์ป่าระดับต่ำต้อยอย่างข้าแน่ พี่กบบอกกล่าวกันข้าไว้เช่นกันว่า ตอนยุคโบราณ บนโลกมีมังกรและพญาหงส์ แล้วยังมีอีกาทองอีกด้วย…บางทีท่านอาจเป็นหนึ่งในประเภทเหล่านั้นกระมัง!”

ดังนั้น นางกลัวเหลือเกิน!

ความสามารถติดตัวของพี่สาวจะต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ดุจครุฑเป็นแน่!

อาจมีเขี้ยวงอกขึ้นมาได้ หรืออาจพ่นไฟออกจากปากได้ หรือไม่ก็เหยียบนางสัตว์ป่าอย่างวัวตัวเล็กๆ ให้ตายได้ในครั้งเดียว…

“ข้าเป็นคน” ซ่งอิงจริงจังกว่าครั้งไหนๆ

“ใช่ ท่านบอกว่าท่านเป็นคน ท่านก็คือคน! ข้าจะไม่พูดจาเหลวไหลสู่ภายนอกโดยเด็ดขาด!” หนิวต้าลี่ขานรับทันควัน

ในใจรู้สึกภูมิใจอยู่เล็กน้อย ดูสิ วัวผู้ติดตามรับใช้ระดับนาง ในใต้หล้านี้คงหาตัวที่สองเช่นนางไม่ได้แล้วกระมัง

ซ่งอิงกระตุกมุมปากอย่างฝืดเฝื่อน รู้สึกว่าตนเองปวดใจอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้เพิ่งจงใจแสร้งทำท่าทีดุดันหลอกเว่ยไฉ ตอนนี้กลับมาบ้านแล้ว อยู่กับน้องสาวคนกันเอง แต่นี่ยังอธิบายตัวตนให้ชัดเจนไม่ได้!

การเป็นคนช่างยากลำบากจริงๆ เลย!

เวลานี้ต่อให้ซ่งอิงพูดปากเปียกปากแฉะ หนิวต้าลี่ก็ไม่เชื่อว่านางไม่ใช่ปีศาจ ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้นางดื้อดึงเทียบพละกำลังกับหนิวต้าลี่ยกหนึ่งเล่า ในสายตาของหนิวต้าลี่ พละกำลังของคนน้อยนิดมาก ทว่าพละกำลังของซ่งอิง… เหนือกว่าวัวตัวหนึ่งได้ ไม่ใช่ปีศาจแล้วจะเป็นอะไร

ยิ่งไปกว่านั้น นางดีต่อปีศาจถึงเพียงนี้ จะต้องเป็นพวกเดียวกันอย่างแน่นอน!

ซ่งอิงกำลังอึดอัดใจ ก็มีแขกมาจากด้านนอก

ครั้งนี้เป็นเด็กหนุ่มข้ารับใช้คนหนึ่ง เคาะประตูอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นซ่งอิงก็หยิบเทียบเชิญออกมาทันที

“แม่นางซ่ง นายน้อยตระกูลข้าเชิญท่านกับคุณชายรองซ่ง ไปร่วมงานเลี้ยงดอกเบญจมาศฤดูใบไม้ร่วง ขอให้ท่านไปให้จงได้ขอรับ” ข้ารับใช้เด็กหนุ่มกล่าว

คุณชายตระกูลเขากล่าวไว้แล้วว่า จะแสดงท่าทีไม่เหมาะสมออกมาแม้เพียงเล็กน้อยเพราะแม่นางผู้นี้เป็นชาวชนบทคนหนึ่งไม่ได้เชียว

ซ่งอิงมองบัตรเชิญ

บนบัตรเชิญเขียนเวลาของงานเลี้ยงดอกเบญจมาศฤดูใบไม้ร่วงไว้เสร็จสรรพ

ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงดอกเบญจมาศฤดูใบ้ไม้ร่วง ย่อมต้องเป็นการไปทุ่งดอกไม้เป็นแน่ อีกทั้งคงไม่ได้เชิญเพียงนางและซ่งสวินเท่านั้น

ตอนที่เจ้าของร่างอยู่ในเมืองหลวง น้อยครั้งมากที่จะออกไปร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ แต่จะมากจะน้อยก็เคยได้ยินมาบ้างว่าในสี่ฤดูผลิ ร้อน ร่วง หนาว ฤดูใบไม้ผลิจะมีงานเลี้ยงดอกไม้ขาว ฤดูร้อนจะมีงานเลี้ยงชา ฤดูใบไม้ร่วงจะมีงานเลี้ยงดอกเบญจมาศ ฤดูหนาวจะมีงานเลี้ยงชมดอกท้อรวมไปถึงหิมะ มีบางงานเลี้ยงขอเพียงตัวคนไปร่วมงานด้วยก็เป็นอันใช้ได้ แต่งานเลี้ยงที่ลู่ข่ายจัด เห็นได้ชัดว่าแตกต่างออกไป

คนที่ไปร่วมงานต้องนำถาดดอกเบญจมาศไปด้วยคนละหนึ่งถาด

แต่ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เบาแรงเรื่องของขวัญสำหรับการไปเยี่ยมเยือนไปได้ไม่น้อย

คาดว่าคุณชายลู่ผู้นั้นก็คงคิดสับสนวุ่นวายเช่นกัน คงเพราะคิดว่านางครอบครัวยากจน ซื้อของขวัญที่ดูเข้าท่าให้ไม่ได้ แต่ดอกเบญจมาศนี้แม้ว่าซื้อไม่ได้แต่ก็ไปหาตามภูเขาได้ มีอยู่เต็มไปหมด

นายน้อยของตระกูลผู้ร่ำรวยเหล่านี้ แม้ว่าเพิ่งอายุเพียงสิบกว่าปี แต่ก็มีการคิดอย่างสลับซับซ้อนอยู่ภายใน

ซ่งอิงเชื้อเชิญให้ข้ารับใช้เด็กหนุ่มผู้นี้เข้ามาดื่มน้ำในบ้านและกินขนมไปสองชิ้น ก่อนจะส่งคนเขากลับไป

ตามจริงแล้วที่ลู่ข่ายเชิญก็คือสามวันหลังจากนี้ ถือว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความตั้งใจไม่น้อยแล้วยังให้เวลานานเพื่อควานหาดอกเบญจมาศอีกด้วย

เพียงแต่เท่าที่นางรู้ ดอกเบญจมาศนี้มีการจำแนกชนิดด้วยเช่นกัน ในยุคสมัยนี้ มีดอกเบญจมาศรวมๆ แล้วมีประมาณสองร้อยชนิด โดยแต่ละสายพันธุ์จะแบ่งออกเป็นหลายระดับตามรูปลักษณ์และความหอมของกลิ่น

หากนางหาดอกเบญจมาศป่าที่รูปลักษณ์ไม่ดีเอาไปหนึ่งถาดอย่างลวกๆ พี่ชายของนางก็จะขายหน้าผู้อื่นเอาได้