ตอนที่ 106: ทีมสองรับมือยากกว่าทีมห้าเสียอีก
จากการวิเคราะห์ข้อมูลของท่านฉิง หลายสิ่งหลายอย่างพลันน่าสงสัยเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นคือมูลค่าทรัพย์สิน แต่ทว่า หลักฐานแค่นี้ก็ยังไม่พอที่จะเอามากล่าวหาท่านฉิงโดยตรง ด้วยเหตุนั้น เสียวเฉิงและลูกทีมยังคงต้องรวบรวมข้อมูลและสิ่งที่ชายชราคนนี้เคยทําในอดีตอีกเยอะ
ทันทีที่กลับมาถึงห้องทํางานหน่วยสอง ทีมของหลี่เชาว์ก็ได้นํารายการบัญชีของคาสิโนทั้งห้าแห่งมาให้เสี่ยวเฉิง “หัวหน้าครับ นี่คือเงื่อนไขทางการเงินของคาสิโนทั้งห้าแห่งครับ ทั้งข้อมูลกําไรและสภาพคล่องทั้งหมด แต่ยังไงเสีย ตอนนี้เรายังหาข้อมูลของแหล่งที่มาและปลายทางของกระแสเงินสดไม่พบครับ”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เริ่มตรวจดูข้อมูล ไม่นานหลังจากนั้น หวี่กังและคนอื่นก็ผลักประตูเข้ามาและพูดขึ้น “หัวหน้าครับ คุณพูดถูกจริงด้วย! พวกแก๊งพยัคฆ์ขาวกําลังเตรียมการแข่งขันโปกเกอร์ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า สายของเราได้รับข่าวมาจากวงในครับ และเมื่อถึงตอนนั้น เหล่านักพนันมือดีแล้วก็พวกเศรษฐีชื่อดังจะมาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยครับ สายวงในของเราคาดการณ์เอาไว้ว่ากระแสเงินสดจะเข้ามาในคาสิโนเยอะมากเลยล่ะครับ อย่างที่หัวหน้าบอกเอาไว้เลย นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่พวกมันทําการฟอกเงินก็ได้นะครับ”
เสี่ยวเฉิงพลันประกาศให้ทุกคนทราบทันที “หลี่เชาว์ นายต้องคอยจับตาดูการไหลเข้าและออกของบัญชีทั้งหมดภายในคาสิโน รวมถึงใบเบิกเงินและบัญชีออมทรัพย์ในต่างประเทศของอีกฝ่ายด้วย ส่วนหวู่กัง นายคอยจับตาดูนักกฎหมายทั้งห้าคนต่อไป ไม่ว่าพวกมันจะเดินทางไปไหน รายงานให้ฉันทราบทันที”
“ครับหัวหน้า!” หลี่เชาว์และหวู่กังกล่าวพร้อมกัน
ในตอนกลางคืน นอกบ้านพักของฉางฉิงซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมือง เสี่ยวเฉิงพลันจอดรถอยู่ข้างถนนโดยปิดไฟหน้าเอาไว้ มีเพียงแสงจากกันบุหรี่เท่านั้นที่ยังคงเปล่งออกมา เสี่ยวเฉิงพลันดูดบุหรี่และเอนหลังพิงเก้าอี้ ถึงกระนั้น ดวงตาของเสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็ยังคงเฝ้าดูทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นภายในวิลล่าอยู่
เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกว่าตัวเองไม่จําเป็นต้องไปไหนเลย เพราะชายชราที่ชื่อว่าฉางฉิงจะต้องเป็นกุญแจสําคัญของคดีแน่!
หลังจากเฝ้าดูอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง เสี่ยวเฉิงก็พลันเห็นว่าฉางฉิงทําอะไรในห้องนอนบ้าง ในระหว่างที่พ่อครัวเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว ทว่า ไม่นานหลังจากนั้น รถหรูระดับอัครมหาเศรษฐีสามคันก็โผล่มาและขับเข้าไปในวิลล่า
เสี่ยวเฉิงรีบเพ่งสมาธิในทันที ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่รถหรูทั้งสามคนตรงหน้า ระหว่างที่ชายชราสามคนออกมาจากรถ เสี่ยวเฉิงก็รีบร่างใบหน้าของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาทั้งสามน่าจะอายุไล่เลี่ยกันกับฉางฉิง ทันทีที่เห็นฉางฉิงเดินออกมากล่าวทักทาย เสี่ยวเฉิงก็พลันสัมผัสได้ว่าพวกเขาน่าจะมีตําแหน่งและยศถาบรรดาศักดิ์เท่าเทียมกัน
ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงพลันนึกขึ้นได้ถึงข่าวลือที่ว่าแก๊งพยัคฆ์ขาวนั้นมีผู้ทรงอิทธิพลกําลังหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังตั้งสี่คน แทนที่จะมีแค่คนเดียว… เสี่ยวเฉิงมีความรู้สึกราวกับว่าข่าวลือนั้นอาจจะเป็นเรื่องจริง
ทั้งสี่คนนี้น่าจะอายุใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ หากพวกเขาทํางานร่วมกันมาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งสี่ก็น่าจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งแก๊งจตุรเทพเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งมังกรฟ้า แก๊งเสือขาว แก๊งหงส์แดงและแก๊งเต่าดํา ทั้งนี้ รอยสักรูปมังกรฟ้ากลางอกของฉางฉิงก็เป็นเหมือนหลักฐานสนับสนุนสุดสําคัญ ทว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น อีกสามคนที่เหลือมีรอยสักด้วยไหมล่ะ?
ระหว่างกําลังคิดเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเพ่งสมาธิมากขึ้น รูม่านตาของเสี่ยวเฉิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นเพราะเขากําลังใช้ความสามารถในการมองแบบทะลุทะลวงอยู่!
หลังจากเพ่งเล็งและเพิ่มขีดจํากัดความสามารถของดวงตา เสี่ยวเฉิงก็พลันมองทะลุเข้าไปในเสื้อผ้าของเหล่าชายชรา ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็สามารถมองเห็นรอยสัก! ไม่ว่าจะเป็นรอยสักรูปหงส์แดงหรือพยัคฆ์ขาว แต่ทว่า เมื่อเสี่ยวเฉิงจ้องเขม็งไปยังชายชราที่คาดว่าน่าจะมีรอยสักเต่าดํา เสี่ยวเฉิงก็พลันมองดูรอยสักของเขาไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเหมือนรอยสักที่มีรูปร่างบิดเบี้ยวและถูกขีดฆ่าเอาไว้
ในระหว่างนั้น ฉางฉิงก็พลันโบกมือพาชายชราทั้งสามไปนั่งยังพื้นที่รับประทานอาหารแบบเปิดโล่งในสนามหลังบ้าน นอกจากนี้ ภาชนะสําหรับรับประทานอาหารและไวน์สุดหรูก็ได้ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่พวกเขานั่งลง ฉางฉิงก็พลันเผยเสียงหัวเราะออกมาและยกแก้วขึ้น “มาร่วมฉลองออเดอร์ใหญ่ของเราในสัปดาห์หน้ากันเถอะ!”
หลังจากนั้น ชายชราอีกสามคนก็พลันยกแก้วขึ้นมากระทบกันที่กลางโต๊ะ