ตอนที่ 219 มีชีวิตอยู่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 219 มีชีวิตอยู่
หลี่จือเจี๋ยได้ยินมานานแล้วว่าลูกหลานของตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ เมื่ออายุครบสิบปีล้วนต้องไปออกรบที่สนามรบเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ด้วยกันทั้งสิ้น

แม้ถ้อยคำของหลิ่วหรูซื่ออาจกล่าวแต่งเติมไปบ้าง ทว่า ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น

ได้ยินว่าคุณหนูรองของตระกูลไป๋แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ได้มาออกรบด้วย หากเขาสังหารไป๋ชิงเหยียนแล้วทำให้ตระกูลไป๋เกิดโมโหขึ้นมา หากตระกูลไป๋มีบุคคลดังเช่นไป๋ชิงเหยียนโผล่ขึ้นมาทำสงครามกับซีเหลียงอีกเล่า! ตอนนี้ซีเหลียงยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับสงครามได้จริงๆ

สายตาของหลี่จือเจี๋ยหยุดอยู่ที่ดวงตาเยือกเย็นของไป๋ชิงเหยียน “แม่ทัพอวิ๋นพั่วสิงคือแม่ทัพฝู่กั๋วของซีเหลียง ซีเหลียงไม่อาจตอบตกลงเรื่องการมอบตัวบุรุษของตระกูลอวิ๋นยี่สิบสามคนให้แม่ทัพไป๋ได้ หวังว่าแม่ทัพไป๋จะเข้าใจ ทว่า แม่ทัพใหญ่อวิ๋นพั่วสิงจัดการกับคุณชายสิบเจ็ดของตระกูลไป๋ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องจริงๆ ซีเหลียงของข้ายินดีชดใช้เป็นเงินสำหรับสร้างหลุมศพให้คุณชายสิบเจ็ด ไม่ทราบว่าแม่ทัพไป๋คิดว่าดีหรือไม่”

หลิ่วหรูซื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนราวกับกำลังขอความเห็นจากหญิงสาว บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงทั้งหมด อีกทั้งไป๋ชิงเหยียนยังเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋ ย่อมต้องถามความเห็นจากหญิงสาวก่อนอยู่แล้ว

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

หลิ่วหรูซื่อจึงกล่าวขึ้น “ได้ กระหม่อมจะให้คนแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการสร้างหลุมศพให้ท่านทราบภายหลัง หวังว่าซีเหลียงจะชดใช้ให้ตระกูลไป๋ทั้งหมดภายในครั้งเดียวนะพ่ะย่ะค่ะ”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” หลี่จือเจี๋ยพยักหน้า

หลี่เทียนฟู่ได้ฟัง ในใจเต็มไปด้วยโทสะ ทว่า ต้องอดกลั้นไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา ทำเพียงมองไปทางหลิ่วหรูซื่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง จากนั้นหลุบตาลงมองผ้าเช็ดหน้าซึ่งปักด้วยลายใบไม้ไผ่ของตน

หลี่จือเจี๋ยกล่าวถูกแล้ว ซีเหลียงไม่อาจทำสงครามได้อีก นางทำลายจุดประสงค์หลักที่หลี่เจือเจี๋ยต้องการส่งนางให้องค์รัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นได้แล้ว ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ควรรู้จักพอดี มิเช่นนั้นหากการเจรจาระหว่างสองแคว้นเกิดแตกหักเพราะนางเป็นตัวต้นเหตุ ต่อให้นางไม่ต้องแต่งงานเชื่อมไมตรี เมื่อกลับไปยังซีเหลียง เสด็จแม่ก็ไม่ปล่อยนางไว้อยู่ดี

สิ่งที่หลี่เทียนฟู่ต้องการง่ายเพียงนิดเดียว หญิงสาวไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับเรื่องในจวนหลังของตระกูลสูงศักดิ์หรือการแก่งแย่งชิงดีในวังหลัง นางต้องการเป็นเพียงสตรีตระกูลสูงศักดิ์ที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ มีลู่เทียนจัวคอยเคียงข้างตลอดชีวิตก็เพียงพอแล้ว

หน้าที่ในฐานะองค์หญิง ให้กำเนิดทายาทที่มีสายเลือดของราชวงศ์ซีเหลียง ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนางทั้งสิ้น!

ขณะกำลังสนทานากันอยู่ จู่ๆ ทหารซีเหลียงคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในกระโจม ใช้มือป้องปากกระซิบที่ข้างหูหลี่จือเจี๋ย หลี่จือเจี๋ยหรี่ตาลงเล็กน้อย โบกมือส่งสัญญาณให้ทหารไปยืนอยู่ด้านข้าง คลี่พัดเหล็กในมือออกพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ “องค์รัชทายาท พวกเราเจรจากันอยู่ที่นี่…ทว่า พระองค์กลับส่งนางกำนัลแฝงตัวเข้ามาในกระโจม สังหารทหารซีเหลียงของกระหม่อมจากนั้นหนีกลับไปยังค่ายทหารของซีเหลียง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ”

ลู่เทียนจัวเป็นคนส่งทหารซีเหลียงผู้นี้เข้ามา ที่วันนี้ลู่เทียนจัวไม่ได้ปรากฏตัวในกระโจมแห่งนี้ เพราะชายหนุ่มยืนสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกองทัพต้าจิ้นอยู่บนเนินเขาสูง เขากำลังครุ่นคิดว่าจะดักซุ่มสังหารไป๋ชิงเหยียนเช่นไรดี

ทว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน ชายหนุ่มมองเห็นเสิ่นชิงจู๋เดินออกมาจากกระโจม ถอดเครื่องแต่งกายนางกำนัลของซีเหลียงออกเหลือเพียงชุดสีดำสนิท เขาส่งคนไปสอบถามเสิ่นชิงจู๋ ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าเสิ่นชิงจู๋จะลงมือสังหารคนแล้วหลบหนีไปทางค่ายทหารของต้าจิ้น

ลู่เทียนจัวที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดตกตะลึงในทันที เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนของต้าจิ้นแฝงกายเข้ามาอยู่ในคณะทูตเจรจาของซีเหลียงตั้งแต่เมื่อใด

แม้จะเป็นนางกำนัลที่ไม่สะดุดตา ทว่า นางมีฝีมือในการสู้รบมาก ช่วงเวลาสำคัญสามารถสังหารคนได้อย่างเด็ดขาดเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน

ลู่เทียนจัวจึงสั่งให้คนไปรายงานเรื่องนี้กับเหยียนอ๋อง ให้เหยียนอ๋องเตรียมรับมืออยู่ตลอดเวลา จากนั้นเขาจึงขี่ม้าติดตามนางไปเพียงคนเดียว เขาอยากรู้ว่าต้าจิ้นต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลงนิ่งๆ นางกำนัลอย่างนั้นหรือ มุ่งหน้าไปทางต้าจิ้น? ดูเหมือนว่าเสิ่นชิงจู๋จะถูกจับได้แล้ว

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น กล่าวขึ้นช้าๆ “เหยียนอ๋องเอ่ยวาจาน่าขันนัก คนที่องค์รัชทายาทพามา นอกจากข้าแล้ว ไม่มีสตรีอื่นใดอีก นางกำนัลของซีเหลียงหนีไป ท่านกลับโทษว่าเป็นแผนการขององค์รัชทายาท หากข้ากล่าวว่านางกำนัลของซีเหลียงมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารของต้าจิ้นเพราะต้องการลอบสืบข่าว เหยียนอ๋องจะว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ท่านต้องการถ่วงเวลาการเจรจาเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทงุนงงกับคำถามของหลี่จือเจี๋ย เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ก็เข้าใจว่าหลี่จือเจี๋ยต้องการถ่วงเวลาจริงๆ จึงเอ่ยถามขึ้น “เหยียนอ๋องหมายความเช่นไรกัน กล่าวหาผู้ใดต้องมีหลักฐาน กล่าวขึ้นลอยๆ เช่นนี้ ท่านไม่อยากเจรจาแล้วหรืออย่างไร”

“หากเป็นนางกำนัลที่เหยียนอ๋องส่งไปลอบสืบข่าวที่ค่ายทหารของพวกท่าน เหตุใดเหยียนอ๋องต้องกล่าวออกมาด้วย!” หลี่เทียนฟู่กล่าวออกมาอย่างทนไม่ไหว

“ก็ไม่แน่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ ซีเหลียงบุกรุกแคว้นต้าจิ้น สังหารชาวบ้านแคว้นต้าจิ้น ทว่า องค์หญิงแห่งซีเหลียงกลับต่อว่าหาว่าพวกกระหม่อมสังหารทหารยอมจำนนของท่าน เรื่องกล่าวหาผู้อื่นลอยๆ เช่นนี้ องค์หญิงซีเหลียงยังทำไปแล้วเลย นับประสาอันใดกับผู้อื่นพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อแสยะยิ้มเย็น

“ใต้เท้าหลิ่ว การเจรจาเป็นเรื่องของบุรุษ ใต้เท้าหลิ่วอย่าลากองค์หญิงซีเหลียงมาเกี่ยวข้องเลยขอรับ!” หลี่จือเจี๋ยมีสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

“เช่นนั้นเหยียนอ๋องโปรดดูแลองค์หญิงของท่านให้ดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ อย่าให้นางกล่าววาจาไร้สาระตอนที่เรากำลังเจรจากันอีก” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นสงบนิ่ง

หลิ่วหรูซื่อคือบุรุษ หลี่จือเจี๋ยยังอ้างเรื่องความแตกต่างทางเพศได้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรี นางกล่าวออกมาเช่นนี้ หลี่จือเจี๋อจึงได้แต่พยักหน้ารับ

“องค์รัชทายาท…” หลี่จือเจี๋ยคำนับไปทางองค์รัชทายาท “ในเมื่อซีเหลียงคิดว่าคนของต้าจิ้นปลอมตัวเป็นนางกำนัลแฝงตัวเข้ามาในกระโจมนี้ ต้าจิ้นคิดว่าซีเหลียงส่งนางกำนัลไปลอบสืบข่าว เช่นนั้นการเจรจาในวันนี้ยุติไว้เพียงเท่านี้ก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยเจรจากันใหม่”

“ที่แท้นี่คือจุดประสงค์ของเหยียนอ๋องหรือ สร้างเรื่องว่ามีนางกำนัลแอบหนีไปเพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น พรุ่งนี้เหยียนอ๋องต้องการเจรจาเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ นำทัพบุกไปแคว้นต้าจิ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนต้องถ่วงเวลาให้หลี่จือเจี๋ยอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด

สีหน้าของหลี่จือเจี๋ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่มีหลักฐานจริงๆ ดูจากท่าทีของต้าจิ้นแล้วเหมือนต้องการเจรจาให้เสร็จจึงจะปล่อยเขากลับไปได้

“ท้องฟ้ามืดมากแล้ว ค่อยเจรจากันต่อพรุ่งนี้ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!” หลี่จือเจี๋ยมองไปทางองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทว่าดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทยกถ้วยชาขึ้นเป่าไอร้อนเล็กน้อย “เหยียนอ๋องเป็นคนนัดเวลาพบกันในวันนี้เอง ตอนนี้กลับบอกว่าท้องฟ้ามืดแล้ว เหยียนอ๋องคิดว่าเราว่างมากนักหรืออย่างไร”

หลี่จือเจี๋ย “…”

ช่างเถิด อย่างไรก็มีลู่เทียนจัวคอยจับตามองอยู่ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นเขาต้องรีบมารายงานแน่

บัดนี้ต้าจิ้นคือแคว้นที่ได้รับชัยชนะในสงคราม พวกเขาจะสังหารเหยียนอ๋องและองค์หญิงซีเหลียงอยู่ที่นี่โดยไม่สนสายตาของแคว้นอื่นอย่างนั้นหรือ

แคว้นต้าจิ้นไม่มีทางทำเรื่องโง่เง่าเช่นนั้นหรอก ที่สำคัญขุนนางที่มาเจรจาสงบศึกของต้าจิ้นในครั้งนี้ไม่มีผู้ใดดูโง่เขลาเลยสักคน

ภายในกระโจม การเจรจายังคงดำเนินต่อไป

ขุนนางของซีเหลียงและต้าจิ้นปะทะฝีปาก ต่อรองกันอย่างดุเดือด

ห่างจากค่ายทหารของต้าจิ้นไปไม่เกินครึ่งลี้ กองไฟสะบัดพลิ้วไปมา

ลู่เทียนจัวสะกดรอยตามเสิ่นชิงจู๋อย่างระมัดระวังมาตลอดทาง เมื่อเห็นทหารหน่วยลาดตระเวนของต้าจิ้นจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ ในใจเต็มไปด้วยข้อกังขา

เสิ่นชิงจู๋ติดต่อเซียวรั่วเจียงได้อย่างราบรื่น จากนั้นนางได้พบกับไป๋จิ่นจื้อ เมื่อไป๋จิ่นจื้อทราบว่าไป๋ชิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ สาวน้อยร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ “จริงหรือ พี่ชายเก้าของข้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ หรือ!”

เสิ่นชิงจู๋พยักหน้า