ตอนที่ 90
เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite
เพื่อที่จะแทรกซึมองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ ผมได้ตัดสินใจจะทำแผนกลยุทธ์
แม้ว่าการทำแผนจะกำกัดจำนวนแค่คนเท่านี้
โดยการแยกเราสีคนเป็นสองทีม หนึ่งทีมจะสร้างการเบี่ยงเบนความสนใจ ระหว่างอีกทีมจะแทรกซึม
อาซาฮินะไม่เหมาะกับการเจรจา ดังนั้นผมได้ตัดสินใจที่จะวางเธอไว้ในทีมเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าเป็นไปได้ ผมยังอยากจะวางริกกะในทีมเบี่ยงเบนความสนใจ เพราะความสามารถในการตรวจจับศัตรูของเธอสูง และเธอเก่งกับการต่อสู้ระยะประชิดอีกด้วย มากกว่านั้น เพราะทามะมูชิมีความรู้ที่อุดมสมบูรณ์ ผมอยากจะให้เธอไปด้วยกันกับผมในทีมเจรจา
ไม่มีปัญหาเรื่องทามะมูชิกับผม แต่ถ้ามันอาจจะมีปัญหากับอาซินะและริกกะเป็นทีมเดียวกัน พวกเธอไม่เข้ากันอย่างแน่นอน แทนที่จะอย่างนั้น ด้วยอาซาฮินะที่เห็นแก่ตัว ศักยภาพเต็มของริกกะจะไม่ถูกดึงออกมา นั่นแค่หมายถึงความสามารถเธอจะไร้ประโยชน์อย่างมาก
งั้นให้อาซาฮินะและทามะมูชิอยู่ในทีมเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งทำให้ริกกะและผมอยู่ในทีมแทรกซึม ถ้ามันเป็นทามะมูชิ เธออาจจะเข้ากันได้กับอาซาฮินะมากกว่าริกกะ นี่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดเพื่อจะสร้างสมดุลย์ให้ดี แต่มันจะยอดเยี่ยมถ้าทามะมูชิคู่กับผมสำหรับการเจรจา
แล้วถ้าผมให้ทามะมูชิเป็นคนเจรจาและให้อาซาฮินะริกกะและผมอยู่ในเบี่ยงเบนความสนใจล่ะ
ไม่ ไม่ ผมปล่อยให้ทามะมูชิเจรจาด้วยตัวเธอเองไม่ได้
งั้นผมควรจะเปลี่ยนบทกับทามะมูชิและทำการเจรจาด้วยตัวผมเอง ดังนั้นเธอจะอยู่กับอาซาฮินะและริกกะในทีมเบี่ยงเบนความสนใจ
นี่เป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุด เพราะผมเป็นมนุษย์ธรรมดา ผมต้องเลือกไม่ริกกะก็ทามะมูชิทำเป็นคนคุ้มกันของผม
เพิ่มเติมจากนั้น ความสามารถของผมมันเหมาะสมที่จะใช้เป็นหาบัญชาการถ้าระยะมันกว้าง แต่โชคร้าย ที่ในกรณีนี้ มันแคบ ดังนั้นมันใช้ได้แค่บนพื้นที่ แม้ว่ามันเหมือนกันกับอาซาฮินะและริกกะ ผมก็ยังไม่เหมาะจะเป็นผู้คุมด้วย
คนเดียวที่เหมาะจะทำหน้าที่เป็นหอบัญชาการคือทามะมูชิ อย่างไรก็ตาม อาซาฮินะและริกกะน่าจะไม่ฟังเธออย่างเชื่อฟัง
ไม่ว่าทามะมูชิมีความสามารถแค่ไหน ยกเว้นว่ากองกำลังของเธอจะฟังคำสั่งเธออย่างเชื่อพวก พวกเธอยังไม่รวมกำลังกันอย่างถูกต้อง
ดังนั้น ผมจะต้องเป็นหอบัญชาการเพื่อทีม แต่เราจะแบ่งกลุ่มกันยังไง?
อาซาฮินะ ริกกะ ทามะมูชิ
ความสามารถของพวกเธอสมดุลย์กันอย่างดี แต่นิสัยไม่สมดุลย์กันมากเกินไป
โดยเฉพาะอาซาฮินะ
เหี้ยเอ้ย อาซาฮินะเป็นคนที่มีปัญหา มันยากที่จะสร้างแผนเมื่ออาซาฮินะเห็นแก่ตัวและอีโก้สูง ตั้งแต่ทีแรก ความเข้ากันได้ของอาซาฮินะและม้า――
มัน มันมีตัวตนอยู่ ยูกะจะคิดอะไรบางอย่างออก อย่างที่คาด ยูกะเป็นคนเดียวที่อาซาฮินะจะฟัง เพิ่มเติมจะจากนั้น ถ้าเราเพิ่มมารินะเข้าไป ความไม่สมดุลย์จะถูกทำลาย
ไม่เหมือนทามะมูชิ มารินะนั้นรู้จักดีกับอาซาฮินะ และถ้ามันเป็นมารินะ เธอจะสามารถเปิดหัวใจของคนได้ และสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้ใจกันได้อย่างรวดเร็วกับอีกคน ริกกะก็รับรู้และเคารพมารินะด้วย
มารินะจะเป็นหอบัญชาการ แล้วยูกะจะเป็นผู้มอบคำสั่งและสองกลุ่มจะเคลื่อนไหวตามนั้น ถ้านั่นเกิดขึ้น งั้นอาซาฮินะและริกกะจะทุ่มเทตัวเอง เพื่อนเล่นบนเป็นที่เบี่ยงเบนความสนใจ และทามะมูชิและผม สามารถมีสมาธิกับการแทรกซึมและเจรจา นี่เป็นอุดมคติ แต่แผนนี้ใช้การไม่ได้
เพราะในเวลานี้ ผมให้สาวๆเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องแบบนี้ไม่ได้
เพราะศัตรูไม่ใช่รายบุคคลแต่เป็นองค์กร มีความเป็นไปได้สูงว่าแม้แผนนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว ชีวิตของเราจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
อาซาฮินะเป็นต้นเหตุ ทามะมูชิแค่เก็บเกี่ยวสิ่งทีอาซาฮินะหว่างเมล็ด และริกกะเป็นหมาของผม
ถ้านี้เป็นตั๋วเที่ยวเดียวสำหรับแค่เราสี่คน รวมถึงผมด้วย งั้นมันจะไม่มีปัญหา ผมจะแค่เป็นมนุษย์ ที่ไม่สนใจจะหันกลับอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม มารินะและยูกะนั้นต่างออกไป พวกเธอมีสิทธที่จะใช้ชีวิตเพื่ออนาคต
มารินะคืนสิบนาที่ที่เธอติดค้างผม และยูกะนั้นดีอยู่แล้ว
ผมยังคิดด้วยว่ามันถึงเวลาแล้วที่พวกเธอจะไปมีชีวิตของพวกเธอตอนนี้
ผมยังติดค้างยูกินะอยู่บางสิ่ง แต่สถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ช่วยไม่ได้
อย่างน้อยผมอยากจะกล่าวคำลา ถ้าเราเจอกัน ผมสามารถเห็นภาพตัวเองที่บอกพวกเธอให้มาด้วยกัน
ดังนั้นผมจะไม่พูดอะไรแล้วไปทั้งแบบนี้
พูดอีกอย่าง ผมต้องสร้างแผนด้วยแค่เราสี่คน
「นายมีเวลามั้ย」
จากตรงข้ามโต๊ะ อาซาฮินะที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างทามะมูชิยกมือขวาของเธอขึ้นแล้วมองมาทางผม
「ชั้นจะประดิษฐ์แผนการตั้งแต่นี้ไป ให้สิ่งนั้น อาซาฮินะ ชั้นตัดสินใจแล้วว่าเธอจะทำอะไร ไม่มันดีกว่าที่จะพูดว่าสิ่งที่เธอจำได้มันจำกัด เธอจะไม่ฟังคำคนอื่น ดังนั้น ไม่ว่าแผนอะไรที่เราประดิษฐ์ที่นี่ ยังไงเธอก็น่าจะยังไปชนหัวมัน แม้ว่าเธอแทรกหัวเข้ามาในการสนทนา เราไม่สามารถจะเจอความเห็นด้วยเธอที่อยู่ข้างใน ดังนั้น แค่อยู่เงียบๆ」
ผมพูดขณะที่ผมมอบสายตาคมๆไปให้อาซาฮินะ
ถ้าคุณให้อีโง่นี่เป็นตำแหน่งหัวหน้า งั้นเธอจะพูดบางอย่างโง่ๆและฆ่าตัวตาย อย่างบอกทุกคนให้โจมตีเข้าไปตรงๆ
「ชั้นไม่มีเจตนาจะแทรกหัวเข้าไปในการสนทนาของนาย ที่ชั้นอยากจะพูดคือบางอย่างก่อนหน้านั้น」
ด้วยมือขวาเธอที่ยังอยู่ในอากาศอาซาฮินะพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง
แอบมองหัวใจอาซาฮินะ ความเย็นวาบวิ่งผ่านสันหลังผม
หลังจากนั้นคลื่นของความโกรธผุดขึ้นมา ผมไปที่ข้างบนอาซาฮินะและจับคอเสื้อเธอ
อีคนนี้ อีเวรนี้ อย่ามาเอ็นกับผมนะ
「ครั้งนี้ ชั้นคิดว่ามันดีกว่าที่จะปรึกษากับยูกะ และยูกิ-เซ็นไป」
แม้ว่าอาซาฮินะจะถูกจับคอเสื้อ เธอพูดโดยไม่กังวลหรืออะไรก็ตาม
「หุบปาก」
จ้องอาซาฮินะ ผมขึ้นเสียงโกรธ
เธอรู้มั้ยว่าเธอพูดอะไรออกมา? ไม่ใช่ว่าผมอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันไปแล้วเหรอ? ไม่ว่าเธอจะโง่แค่ไหนที่เธอเป็นได้ เธอน่าจะเข้าใจว่ามันอันตรายแค่ไหน แต่กระนั้น เธอมีเจตนาจะลากสองคนนั้นเข้ามาในเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?!
ไม่ใช่แค่พวกเธอจะไม่สามารถกลับมาได้ แต่อย่างกรณีสถานการณ์ที่แย่ที่สุด พวกเธอจะเสียชีวิตของพวกเธอด้วย
「ถ้าชั้นไม่บอกพวกเธอ ทั้งยูกะและยูกิ-เซ็นไปจะโกรธนายแน่」
「แล้วยังไงล่ะ?! ให้พวกเธอโกรธไป」
「ชั้นมันใจว่าพวกเธอจะโกรธสุดๆ」
「โอ้ อย่างนั้นเหรอ?! แต่เธอเห็นมั้ย เมื่อเราหายไปไม่กี่ปี พวกเธอจะลืมเราและใจชีวิตของพวกเธออย่างมีความสุข!」
「ฮ่าา ชั้นคิดว่านายเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่ดีขึ้น แต่ชั้นเดาว่านายไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิดเดียว」
「โอ้จริงเรอะนะ?! ความโง่เอ็นๆของมึงก็ไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิดด้วย!」
ยังจับอาซาฮินะอยู่ ผมพูดในมารยาทที่ดูหมิ่น
“เพราะมารินะและยูกะจะโกรธ” ช่างเป็นเหตุผลโง่ๆที่จะให้พวกเธอเข้ามาเกี่ยวข้องในความเละเทะนี้
「เฮ้ อาซาฮินะ ยูกะนั้นโอเคแล้วตอนนี้ เธอไม่ใช่เธอคนก่อนแล้ว และแค่สำหรับเหตุผลนั้นเหตุผลเดียว นั่นคือทำไมชั้นเกี่ยวข้องเธอกับเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าเธอห่วงยูกะ งั้นไม่ใช่ว่าเธอควรรู้สึกอย่างเดียวกันเหรอ?」
ระงับความโกรธผมอย่างสิ้นหวังผมพูดกับอาซาฮินะ
「ฟุฟุ อ้า ใช่ นายทำมันแบบนั้น ดันโทษมาที่ชั้นและวิ่งหนีอีกแล้ว」
「อ๋าา?!」
อาซาฮินะพูดระหว่างที่หัวเราะใส่ผม หลังจากได้ยินสิ่งนั้น บางอย่างได้หลุดข้างในผม
วิ่งหนี? มึงเพิ่มพูดว่ากูวิ่งหนี? ส่วนไหนของกูวิ่งหนี? ไม่ใช่ว่ากูเพิ่งพูดว่าเราไม่ควรให้สองคนนั้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้องเหรอ?
ใครที่เป็นคนบ้า? กูหรือมึง? ไม่ใช่ว่ามึงเป็นอีบ้าที่พยายามจะชวนเพื่อนสนิทมาในสถานการณ์ที่อันตรายเหรอ?
「ซูซูฮาระ-คุง ถ้านายอยากจะตีหัวชั้น งั้นทำมันจนอิ่มใจ หลังจากที่นายทำเสร็จ นายจำเป็นต้องฟังสิ่งที่ชั้นต้องพูด」
แม้ว่าเธอถูกจ้องระหว่างที่ถูกจับคอเสื้อ ไม่สามารรู้สึกถึงความกลัวแม้แต่เล็กน้อย อาซาฮินะพูดในท่าทางที่สงบ
ผมอยากตีอีโง่นี่จนกว่าผมจะพอใน แต่เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ผมเอาชนะได้ด้วยความรุนแรง ความเห็นเธอน่าจะไม่เปลี่ยนไม่ว่าผมจะซัดเธอมากแค่ไหน
งั้น ผมจะฟังเรื่องราวของเธอ และหลังจากนั้น ผมจะโต้แย้งมัน ถ้านั่นใช้การไม่ได้ ผมจะถอนเธอจากการดำเนินการนี้ทั้งผม ผมจะแบกการดำเนินการนี้ ด้วยแค่ทามะมูชิ ริกกะ และผม
สำหรับทีมที่จะทำงานอย่างถูกต้อง มันสำคัญที่สุดที่จะต้องมีความร่วมมือและความสามารถในการเป็นผู้นำ มันดีกว่าที่จะไม่มีคนที่กบฏต่ออุดมคตินี้
ขณะที่ผมบอกตัวเองอย่างนั้น ผมปล่อยอาซาฮินะ และนั่งลงไปบนโซฟา และไขว้ขาของผม
「ขอบคุณที่ให้โอกาสชั้นได้แสดงความคิดเห็นของชั้น โอ้ ซูซูฮินระ-คุงที่หัวใจงดงาม」
แม้ว่าคอเสื้อของเธอจะยุ่งเหยิงจากการจับของผม อาซาฮินะพูดมันในน้ำเสียงที่ลดตัวลงมา เธอดูถูกผมอย่างแน่นอน
เอ็น ทำไมอีนี่มันทำให้คนหงุดหงิดเก่งจังวะ?
มองทามะมูชิที่นั่งข้างอาซาอินะ เธอปิดริมฝีปากของเธอแน่น ดูเหมือนกับว่าเธอมีความคิดอยู่ข้างในวิ่งอยู่ในหัวเธอเหงื่อเย็นไหลผ่านหน้าเธอขณะที่เธอสั่น มันดูเหมือนว่าทามะมูชิรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อรู้ว่าอาซาฮินะและผมจะเริ่มฆ่ากันเอง
ในอีกทางหนึ่งริกกะที่นั่งข้างผมได้กินชาอย่างเป็นพิธีการ
――ฮ่าา♥มันรู้สึกดีที่เห็นมาสเตอร์และอาซาฮินะ-ซามะสนิทกันอย่างดี♥
รู้สึกถึงความรู้สึกที่อบอุ่นและนุ่มฟู ริกกะจิบชาของเธอขณะที่เธอคิดอย่างนั้น
ไม่ เธอผิดแล้ว ริกกะ เธอดูยังไงว่าเราสนิทกัน? ไม่ว่ามองจากมุมไหน มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเราสนิทกันเลยซักนิด
「ยังไงซะ งั้น ให้ชั้นได้พูดความคิดเห็นของชั้น มีแค่สิ่งเดียวที่ชั้นอยากจะพูด」
ทันทีที่เธอพูดอย่างนั้น อาซาฮินะยืนขึ้น ยิ้ม ขณะที่เธอมองลงมาหาผม
「อย่างที่ซูซูฮาระ-คุงได้พูดว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเกี่ยวของยูกะและยูกิ-เซ็นไปในการดำเนินการนี้ มันถูกเรียกว่าองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอ? ในสถานการณ์ปัจจุบันของเรา เราไม่สามารถจะเข้าใจว่าองค์กรมันเป็นแบบไหน ยังไงก็ตาม ชั้นนั้นเข้าใจว่ามันอันตรายขนาดไหน」
ดูอาซาฮินะพูดอย่างไม่คิดและด้วยมารยาท มันทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก
「ด้วยนั่นที่พูด งั้นปัญหามันคืออะไรล่ะ?」
「อ๋าา?」
อาซาฮินะถามระหว่างเอียงหัวเธอ ในการตอบสนองคำถามของเธอ ผมขึ้นเสียงโมโหโดยสัญชาติญาน
“งั้นปัญหามันคืออะไรกัน?” มึงโง่แค่ไหนกันเนี่ย?
「ไม่ใช่ว่าชั้นพูดว่าพวกเธออาจจะตายเหรอ?! ยูกะที่เป็นสมบัติของเธออาจจะตายเพราะเธอ! แม้ว่าพวกเราทั้งหมดรอดและแผนของเรามีผลตามนั้น พวกเธอจะถูกคุมขั้งตลอดชีวิตเพราะพวกเธอมาเกี่ยวข้องกับเรา! และแม้อย่างนั้น เธอยังพูดว่าเธออยากจะลากยูกะกับมารินะมาเรื่องนี้เหรอ?!」
「ฮ๋าา? ชั้นไม่ได้พูดว่าชั้นอยากจะลากใครมาเกี่ยวข้องเรื่องนี้」
ในการตอบโต้คำถามผม อาซาฮินะจ้องผมและพูดในความโกรธเคือง
ไม่ได้อยากลากใครมาเกี่ยวข้องเรื่องนี้? มึงพูดเอ็นอะไรของมึงวะ?
ไม่ใช่ว่าเธอพูดว่าเธอจะไว้วางใจเรื่องนี้กับมารินะและยูกะเหรอ? และเธอพูดว่าเธอจะไม่ให้พวกเธอเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ว่าเธอแค่ขัดแย้งกับตัวเธอเองเหรอ?
「ชั้นไม่ได้พูดว่าชั้นจะให้สองคนนี้เกี่ยวข้องชั้นบอกให้เลือกระหว่างสองคนนี้ หลังจากที่ได้ฟังแผนสำหรับการดำเนินการนี้ ถ้าพวกเธอยังอยากเกี่ยวข้องกับเรา งั้นมันเป็นความรับผิดชอบของพวกเธอ เพราะเธออยากจะยื่นหัวของพวกเธอเข้ามาในเรื่องนี้ เพราะพวกเธอสองคนได้รับมอบ “อิสระภาพในการเลือก”」
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอาซาฮินะ ผมได้ตกใจและได้หมดคำพูด
จริงๆ มึงพูดเอ็นอะไรของมึง? มึงแม้แต่รู้มั้ยว่ามึงพูดว่าอะไร?
ที่มาพูดว่าพวกเธอมีอิสระภาพที่จะเลือก
งั้นนั่นหมายถึง ถ้าพวกเธอตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการดำเนินการครั้งนี้
เธอจะพูดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของพวกเธอถ้าเจตนาและความต้องการของพวกเธออยากจะร่วมด้วย?
「ฮ-เฮ้ย เฮ้ย อาซะฮินะ มึง……ถ้ามึงเอ็นไปทั่ว งั้นอย่างน้อย――」
「ชั้นไม่ได้มั่วไปทั่ว」
อาซาฮินะพูดมันอย่างเรียบง่ายระหว่างที่มองลงมาหาผม ตัวของผมสั่นในความมโกรธอย่างควบคุมไม่ได้
「เมื่อพวกเธอรู้แล้ว พวกเธอจะมาแน่! อย่างน้อยที่สุดเธอก็ควรจะรู้สิ่งนั้น! แต่ถ้าพวกเธอไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ งั้นพวกเธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับชีวิตธรรมดาของพวกเธอ! ตอนแรก มันอาจจะเศร้า แต่พวกเธอจะฟื้นอย่างรวดเร็ว! นั่นทำไมอาซาฮินะ เราแยกกัน เราให้พวกเธอเกี่ยวข้องไม่ได้!」
สำหรับพวกเธอผมเป็นแค่จุดตรวจการณ์ในชีวิตของพวกเธอ
ระหว่างที่เดินอยู่บนถนน พวกเธอสะดุดหินและล้มลง พวกเธอแต่สนใจก้อนหินและออกนอกทางไปซักพัก
มันยังไม่สายเกินไปสำหรับพวกเธอที่จะกลับไป ไม่เหมือนกับพวกผม พวกเธอยังสามารถจะพบ “ความสุขธรรมดา”
แต่กระนั้น――
「ฮ่าา ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัว」
「《ม-มึ-มึงพูดว่าอะไรนะ?》」
อาซาฮินะถอนหายใจทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เธอรับรู้เจตนาฆ่าของผม
ที่พูดว่าผมเห็นแก่ตัว? 《ผม?》 มันจริงที่ว่าผมเห็นแก่ตัว แต่ได้ยินมาจากมึง?! มึงเป็นคนเดียวที่กูไม่อยากได้ยินเกี่ยวกับมัน
「มึง ถ้ามึงยังไม่หุบปากเหี้ยๆของมึงเร็วๆนี้ กูจะฆ่ามึง」
ส่ายขณะที่ผมยืนขึ้น ผมจับคอเสื้ออาซาฮินะแล้วกระซิบกับเธอ
มันดูเหมือนเธอได้พลังเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยเร็วๆนี้ และตั้งแต่ตอนนั้น เธอได้ทำตัวเป็นอีเหี้ยที่หยิ่ง แต่ยังมีอีกหลายทางที่ฆ่าเธอได้ รู้มั้ย?
ตรงนี้ เรามีคนที่สามารถเข้าใจตัวของเธอได้ทั้งข้างในและข้างนอก ผมสามารถจิ้มไม้เข้าไปในตาเธอและขุดสมองของเธอออกมาทั้งแบบนั้น ผมสามารถเจาะกระดูกเธอด้วยมีดและทำให้มันตรงเข้าไปที่หัวใจเธอ
แม้ว่าเธอได้ดีดพลังขึ้นมา ความสามารถรักษาของเธอไม่แข็งแกร่งเท่าริกกะและทามะมูชิ เธอไม่มีความเร็วเหนือมนุษย์ และถ้าเธอรับการบาดเจ็บถึงตายเธอก็จบ
ฆ่าบางคนแบบเธอมันเรียบง่ายแบบนั้น
「เฮ้ ซูซูฮาระ-คุง สำหรับผู้คน มันมีบางสิ่งที่เอาคืนไม่ได้ แม้ว่านายจะเสียชีวิตไป มันมีแค่อย่างเดียวที่นายยอมไม่ได้ แม้ว่ามันน่าหัวเราจากมุมมองของอีกคนถึงคนนั้น พวกเขาจะปกป้องมันแม้ราคาของมันจะเป็นชีวิต」
อาซาฮินะจ้องผมและพูดอย่างเบาๆ ผมรู้สึกว่าผมเห็นสีหน้านั้นจากที่ไหนมาก่อน เวลานาน นานมาแล้ว ผมรู้สึกว่าเธอมีสีหน้าเดียวกันกับแม่ผมที่มองผมแบบเดียวกัน 「นายพูดว่าแม้นายจะหายไป ยูกะและยูกิ-เซ็นไปจะลืมเกี่ยวกับนายในไม่กี่ปีเหรอ?! ชั้นเดาว่านายพวกเรื่องเลือดเย็นนั้นได้ด้วยสีหน้าที่สงบ! จริงๆแล้วนายรู้ว่าพวกเธอคิดกับนายมากแค่ไหน ใช่มั้ย?! ชั้นตายซักครั้งนึงสิ! และจากนั้นไปดูทั้งสองคนที่เสียนายไปด้วยตัวเอง! ไปและดูสองคนที่จมอยู่ในความสิ้นหวัง และได้เสียแสงแห่งความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป! นายจะยังพูดแบบเดิมอยู่มั้ย?!」
จนถึงตอนนั้น อาซาฮินะที่ใจเย็นและสงบตะโกนใส่ผมดั่งปีศาจ
「ยู-ยูกะ เธอจะพูดว่าเธอไม่ถือแม้แต่ยูกะจะตายเหรอ?」
ผมต้องตอบด้วยอะไรบางอย่าง คิดอย่างสิ้นหวัง และคำนั้นเป็นคำที่โผล่ออกมา
ได้ยินคำพูดผม เส้นเลือดขึ้นมาที่ขมับของเธอ เธอจ้องผม จากนั้นเธอจับคอเสื้อผม
「ไอโง่! มันเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องดี! ชั้นกังวลเกี่ยวกับยูกะ และมันทนไม่ได้! แต่นายเห็นมั้ย ชั้นยอมตายซะยังดีกว่าที่จะเห็นยูกะจมอยู่กับความสิ้นหวังหลังจากที่เสียนายไป! ชั้นยกโทษให้เรื่องแบบนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน! ชั้นรู้ว่ายูกะจะอยู่ในความสิ้นหวังขนาดไหนหลังจากเสียนายไป ดังนั้น นั่นทำไมชั้นพูดว่ามันดีกว่าที่จะบอกเธอ!」
ผมพูดอะไรไม่ได้หลังจากที่ได้ยินอาซาฮินะตะโกนใส่ผม
「ยูกะเหมือนติดอยู่ในบ่อน้ำ มองขึ้นมา เธอเห็นได้แค่แสงน้อยๆ แต่เธอไต่ขึ้นไปหาแสงไม่ได้ ไม่สามารถไต่ขึ้นไปได้ด้วยตัวเธอเอง เธอได้รอคอยบางคนที่จะช่วยเธอมาตลอดที่นั่น นายรู้ว่าเธอเป็นเด็นที่อ่อนแอขนาดนั้นมั้ย? และนายเป็นคนที่จับมือเธอ และดึงเธอออกมาจากบ่อน้ำนั่น และในที่สุดเธอก็ได้รู้จักกับแสง และแม้ว่าอย่างนั้น นายอยากจะให้เธอกลับไปในบ่อน้ำนั้นเหรอ? นั่นโหดร้ายกว่าที่จะปล่อยเธอให้อยู่ในบ่อน้ำนั้นตลอดไปอีกนะ」
จับหน้าผม อาซาฮินะพูดกับผมเงียบๆ
ผมรู้ ผมรู้เกี่ยวกับมัน ก่อนเธอจะพูดมันอีก แต่――
「ชั้นไม่อยากให้พวกเธอตาย」
「ใช่」
「ชั้นกังวลเกี่ยวกับพวกเธอ」
「ใช่」
「เพราะพวกเธอเชื่อใจชั้น」
「ใช่」
「พวกเธอสำคัญกับชั้น」
「ใช่」
อาซาฮินะพยักหน้าและตอบในเสียงที่อ่อนโยน คลายคอเสื้อผม เธอยิ้มให้ผมและลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
「ในที่สุดนายก็ได้เชื่อฟังซักพักแล้ว ชั้นก็ไม่อยากจะเปิดเผยพวกเธอสู่อันตราย นั่นทำไมเราต้องคุยเกียวกับ่วาเราต้องทำอะไร ดังนั้น อย่างแค่โทษใครซักคนแล้ววิ่งหนี โอเคมั้ย? ใช่มั้ย?」
ลูบหัวของผม อาซาฮินะถามในน้ำเสียงที่อ่อนโยน
「ชั้นเข้าใจว่ามันอันตราย แต่ในความคิดเห็นของชั้น มันยังดีกว่าที่จะพูดกับพวกเธอ เพราะนายเป็นห่วงและกังวลสองคนนั้น นายไม่อยากจะคุยกับพวกเธอ มันหมายถึงในที่สุด นี่ก็เป็นเส้นเริ่มสำหรับนายที่จะคุยกับพวกเธอ」
พูดสิ่งนั้น อาซาฮินะลูบไหล่ผมละนั่งลงบนโซฟา หยิบแก้วชาของเธอแล้วจิบชาที่มันเย็นแล้ว
ผมเสร็จเธอล่ะ ผมพูดอะไรกลับไม่ได้แล้ว แต่ผมไม่โกรธ ในทางตรงกันข้าม มันรู้สึกเหมือนน้ำหนักที่หนักอึ้งได้ถูกยกออกจากอกผมไป
「เพราะชั้นได้สร้างปัญหาให้นายแล้ว ชั้นพูดอะไรอีกอย่างได้มั้ย」
*โฮ่วววว*
อาซาฮินะที่จิบชาปล่อยถอนหายใจจากความพอใจแล้วมองผม
「ซูซูฮาระ-คุง นายแข็งแกร่ง แต่นายก็อ่อนแอด้วยรากของความแข็งแกร่งของนายคือขยี้ศัตรูของนายอย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าความสัมพันธ์ของนายกับศัตรูจะเป็นแบบไหน แต่ทำอย่างนั้น นายก็ให้ค่าชีวิตตัวเองน้อยเกินไป แม้มันจะน่ากลัว ในเวลาเดียวกันมันก็เปราะบางด้วย นายต้องให้ค่าชีวิตตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้านายได้เจอกับสถานการณ์ที่สำคัญ นายจะถูกปัดเท้านายล้ม」
ได้ยินคำพูดของอาซาฮินะผมขำตัวผมเอง
ยังไงซะ ผมคิดว่าสิ่งที่อาซาฮินะพูดนั้นถูก แต่ ให้ค่าชีวิตตัวเองเหรอ? ได้ยินมันมาจากเธอ?
「ไม่ใช่เธอก็เหมือนกันเหรอ?」
คิกคัก ผมถาม อาซาฮินะยักไหล่เธอ
「อย่างโชคร้าย แต่นายและชั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงชั้นไม่เคยและไม่มีวันพยายามที่จะโยนชีวิตชั้นทิ้ง ชั้นเกลียดการถอยและชั้นเป็นแฟนตัวยงกับการเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆโดยตรง แต่สำหรับเหตุผลนั้น ชั้นไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวคิดที่จะโยนชีวิตชั้นทิ้งไป อย่ารวมชั้นเข้ากันนายที่ซื้อแต่ตัวเที่ยวเดียวไปสู่ความตายสิ」
อาซาฮินะหัวเราะคิกคัก
เธอพูดห่าอะไรของเธอน่ะ? หลังจากที่สู้ถึงตายกับคามูโระฮิซูกิ ตอนนี้เธอมาพูดว่าเธอไม่มีเจตนาที่จะตายเนี่ยนะ
ถ้าทามะมูชิไม่ช่วยเธอ เธออาจจะตายไปแล้ว แม้ว่าเธอถูกช่วย แน่นอนว่าเธอจะไม่เป็นเหมือนเดิม
ผมอยากจะบอกเธอว่าอย่าล้อเล่น แต่ในกรณีของเธอ ผมคิดว่าเธอพูดจริงจัง
เพราะความโง่ของเธอมันควบคุมไม่ได้
สำหรับมารินะและยูกะ มันไม่ว่าเราจะตัดสินใจที่จะบอกสถานการณ์นี้กับพวกเธอสองคนหรือไม่
ความคิดเห็นของผม คือไม่ปรึกษามันกับพวกเธอสองคนและเดินหน้าด้วยแผนที่ใช้คนที่อยู่ในห้องนี้ ระหว่างที่ อาซาฮินะคิดว่าพวกเราควรบอกพวกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ และให้พวกเธอตัดสินใจว่าจะทำอะไรด้วยตัวเธอเอง
พวกเราปล่อยความเห็นของริกกะและทามะมูชิ
「ในความคิดเห็นของชั้น แม้ว่ามันเจ็บปวดสำหรับชั้นที่จะต่อต้านความเห็นของมาสเตอร์ แต่ชั้นต้องเห็นด้วยกับอาซาฮินะ เหตุผลว่าทำไมก็คือ แม้ว่าชั้นอาจจะฟังดูไร้หัวใจเมื่อชั้นพูดสิ่งนี้ มันเป็นเพราะสองคนนั้น “สะดวก” สำหรับเหตุผลนั้น ชั้นตัดสินใจว่าถ้าสองคนนั้นร่วมมือ มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจสำหรับชั้น」
ริกกะที่นั่งต่อจากผมอย่างเชื่อฟังพูดคำนั้นจากหัวใจเธอ
ริกกะประกาศว่าให้พวกเธอสองคนร่วมมือจะสะดวกมากกว่าโยนความคิดผมทิ้งว่าพวกเธอจะสำคัญแค่ไหนและพวกผมจะกังวลเกี่ยวกับพวกเธอหรือไม้ วางลำดับความสำคัญของผมไปที่การปกป้องตั้วผมเอง สำหรับเหตุผลนั้น เธออยากจะใช้อะไรก็ตามที่ใช้ได้ นั่นเป็นวิธีคิดของริกกะ
ปรกติแล้วผมอาจจะอยู่ในความโกรธ แต่หลังจากที่ถูกดุอย่างหนักโดยอาซาฮินะ ผมสามารถฟังความเห็นของริกกะได้อย่างใจเย็น
ริกกะน่าจะคิดว่าถ้าเธอบอกเจตนาจริงของเธอกับผมตอนนี้ เธอจะโอเค
「งั้น ชั้นพูดต่อนะ」
ทันทีที่ริกกะหยุดพูดต่อจากอาซาฮินะ ทามะมูชิส่งเสียงของเธอ
「เพราะชั้นไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้น ชั้นไม่มีทางเลือกนอกจากจะตัดสินใจจากเรื่องที่ได้ยินเท่าที่ได้ยินมา」
พูดสิ่งนั้น ทามะมูชิปิดตาของเธอแล้วกอดอก
ยังไงซะ มันจริงที่ว่าทามะมูชิแม้แต่ไม่เคยเจอสองคนนั้น
「มาดูกัน ฮุมุ ชั้นก็อยากให้พวกเธอร่วมมือกับเรา เพราะชั้นได้ให้ค่าอาซาฮินและสาวกึ่งมนุษย์นั้นสูง แม้ว่าชั้นไม่ชอบสาวกึงมนุษย์ ชั้นให้ค่าความสามารถเธอสูง เหมือนกันกับอาซาฮินะ นั่นทำไมชั้นเห็นด้วยกับอาซาฮินะและกึ่งมนุษย์ จากการตัดสินใจของชั้น พวกเธอจะมีประโยชน์แน่นอน แล้วก็――」
หลังจากที่หยุดการประโยค ทามะมูชิเปิดตาของเธอ และจ้องผมด้วยตาสีเขียวมรกต
「สาวที่หลงใหล “ตาแห่งพื้นดิน” อย่างลึกซึ้งนั้นเป็นไปได้สูงว่าปลุกความสามารถให้ตื่น」
ระหว่างจ้องตรงมาที่ผม เธอพึมพำเงียบๆ
โอ้ นั่นทำให้ผมนึกได้ เธอยังพูดอย่างเดียวกันเมื่อเธอรักษาตัวของอาซาฮินะ
ว้าว จริงเหรอ? เธอพูดว่ามีความเป็นไปได้ว่าสองคนนั้นได้กลายเป็นตัวตนอย่างอื่นเพราะผมเหรอ?
「ถ้าสองคนนั้นได้ปลุกความสามารถเหนือมนุษย์ให้ตื่น จากองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ มันเป็นไปได้สูงสำหรับพวกเธอที่จะถูกจับหรือถูกกักตัว ถ้าพวกเธอเป็นสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์เหมือนชั้น ชั้นก็สอนเทคนิคพวกเธอได้ อย่างไรก็ตามถ้าความสามารถของเธอได้ตื่น ส่วนใหญ่ของมันจะอาละวาด และทำลายใจและจิตวิญญานของพวกเธอ ถ้าความสามารถได้ตื่นโดยตาแห่งพื้นดิน มันเป็นเรื่องที่ต่างออกไป แต่โดยธรรมชาติแล้ว มันอันตรายยกเว้นว่านายจะรู้เกี่ยวกับมัน」
ผมจับหัวผมในมือของผมหลังจากที่ได้ยินทามะมูชิพูด
แม้ว่าสองคนนั้นเป็นสองคนเดียวที่ผมไม่อยากให้พวกเธอเกี่ยวข้อง พวกเธอจะอยู่ภายใต้ตาที่ระแวดระวังขององค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ และมันเป็นไปได้สูงที่พวกเธอจะถูกกักตัว?
งั้น พื้นฐานแล้ว พวกเธอได้ถูกลากเข้ามาในความเละนี้ไปแล้ว
ทำเหี้ย
「เกิดอะไรขึ้นหลังจากถูกจับตัว?」
「ถ้านายปลุกความสามารถให้ตื่นและมันอาละวาดทำลายจิตใจและจิตวิญญานของนาย ยังไงซะ ชั้นเดาว่า พวกเธอจะถูกทำเป็นเรื่องที่ครอบครองความสามารถเหนือธรรมชาติ และส่งนายไปที่สถาบันจิตเวช ที่นายน่าจะโดนกักตัวที่นั้น ยังไงก็ตาม ถ้านั่นไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาจะตรวจสอบนายอย่างแน่นอน ถ้านายได้ปลุกความสามารถให้ตื่นและไม่มีความผิดปรกติ นายจะถูกมองว่าผิดปรกติ」
「การไม่มีความผิดปรกตินั้นผิดปรกติเหรอ?」
「อุมุ เมื่อนายปลุกความสามารถให้ตื่น จิตใจและจิตวิญญาน จะทนมันไม่ได้อย่างคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อวันนึงนายมองเห็นผีล่ะ? แม้ว่าคนรอบข้างไม่เห็นผี จู่ๆนายก็เป็นคนเดียวที่เห็นมัน ไม่มีใครจะเข้าใจนาย ยังไงซะ ไม่เร็วก็ช้านายจะเป็นบ้าไป」
「เข้าใจแล้ว」
ถ้าบางคนที่เกิดมากับความสามารถพิเศษแบบผม งั้นมันจะเป็นสามาสำนึกสำหรับพวกเขาที่จะเห็นผี ริกกะมีความสามารถตั้งแต่เธอเกิด และทามะมูชิอยู่ในครอบครัวควบคุมแมลง
สำหรับอาซาฮินะ มาทำให้เธอเป็นข้อยกเว้นเถอะ
ไม่ว่าอย่างไร ถ้าวันนึงคุณตื่นขึ้นและมีพลังพิเศษกระทันหัน คุณจะสับสนและตกอยู่ในความตื่นตกใจแน่นอน
ด้วยทุกอย่างที่เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครจะสามารถเข้าใจได้ว่าอะไรเกิดขึ้น
คุณจะไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรเป็นสามัญสำนึกและไม่ใช่ และคุณจะไม่สามารถบอกได้อีกต่อไปว่าคุณเป็นคนที่บ้าหรือสติดี
อย่างที่ทามะมูชิพูด ไม่เร็วก็ช้าคุณจะบ้าไป
แม้ว่ามีบางคนสามารถรับมือกับมันได้ ผมคิดว่ามันยากสุดขีดที่จะรักษาสภาพจิตใจที่ดี
「ยังไงก็ตาม ปลุกความสามารถให้ตื่นด้วย “ตาแห่งพื้นดิน” นั้นต่างออกไป คนที่เป็นเป้าหมายจะถูกนำให้หลงทางโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น โดยไม่ทำให้สภาพจิตใจสลายตัว――」
หยุดกลางประโยคทามะมูชิยืนขึ้นอย่างแรง
「โอ้ใช่! มันเป็นอย่างนั้นเหรอ! นี่หมายถึงสาวคนนั้นที่มีตาแห่งสวรรค์สามารถที่จะปลุกความสามารถเธอให้ตื่น โดยจิตใจหรือจิตวิญญานไม่แตกสลาย!」
ตะโกนนั่นออกมา ทามะมูชิขึ้นไปบนโต๊ะแล้วจับผม
「ตาแห่งสวรรค์! จากแหล่งอ้างอิงของชั้น นี่คือพวกนั้นที่ปลุกตาแห่งสวรรค์ให้ตื่นได้อย่างเต็มที่! ยกเว้นว่าจะเป็นนักบุญที่ถึงจุดตรัสรู้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมพลังนั่น! แต่มีข้อยกเว้น! “ตาแห่งพื้นดิน” สามารถที่จะสนับสนุนตาแห่งสวรรค์ นายรู้มั้ยว่ามันจะเป็นพลังที่มากขนาดไหน」
จับคอเสื้อผมทั้งสองมือ ทามะมูชิตะโกนเต็มปอดเหมือนเธอได้เสียสติไป
ผมเข้าใจมั้ยเหรอ? ชัดเจนว่า ผมไม่ ผมไม่รู้เลยว่าเธอพูดเกี่ยวกับอะไร
「สาวนั้น นายถามสาวที่มีตาแห่งสวรรค์ให้ช่วยได้! ถ้าเราทำให้สาวที่มีตาแห่งสวรรค์เป็นสหายของเรา เราจะสามารถเพรื่อมขวามแข็งแกร่งของทีมของเรา!」
「เออ๋ー」
ได้ฟังทามะมูชิ อารมณ์ผมแย่ลง
เธอบอกว่าเราควรจะขอให้คามูโระ ฮิซูกิช่วยเหรอ? ผมไม่อยากทำนั่นจริงๆ
ในที่สุดเธอได้ได้ยอมแพ้กับผม และจู่ๆไปถามเธอบนวันนั้นเลย เธอต้องเอาเปรียบจุดอ่อนนั้นอย่างแน่นอน
ม่ายอ่ะแต่…ถ้าผมเป็นแค่คนที่ประนีประนอม งั้นไม่ใช่ว่าเราสามารถจะเพิ่มพลังการต่อสู้ของเราได้เหรอ?
งั้นเราควรจะประนีประนอมที่นี่
แต่…แม้ว่าเธอเป็นคนสวยจริงๆ เธอทำให้ผมกลัว
「เธอจะไม่เอาเปรียบจุดอ่อนนาย」
「อย่างนั้นจริงๆเหรอ…เธอน่าจะบอกชั้นให้มีเซ็กส์กับเธอเพื่อแลกเปลี่ยนกับความร่วมมือของเธอ」
「ไม่ใช่ว่ามันเป็นสิ่งดีถ้ามันไปแต่เรื่องแค่นั้นเหรอ? มันไม่ใช่บางอย่างที่เป็นปัญหาซะหน่อย」
「ไม่ ถ้ามันเป็นเธอ งั้นชั้นคิดว่าชั้นจะยกเอ็นไม่ขึ้น」
「งั้นได้โปรดปล่อยชั้นถ้างั้น เพราะชั้นจะทำเต็มที่」
「จริงเหรอ?」
「ใช่!」
บางคนตอบในพลังใจที่สูง
หือห์? ผมคุยกับใครอยู่?
เมือผมมองไปด้านข้าง ผมเห็นคามูโระ ฮิซูกิ จ้องผมด้วยรอยยิ้มเต็มที่
……ฮ๋า?
ทำไมคามูโระ ฮิซูกินั่งต่อจากผมล่ะ?
「อุโออออ้?!」
ผมถอยไปด้านข้างด้วยสัญชาติญานแล้วไปชนกับริกกะ
เด-เด-เด-เด–เดี๋-เดี๋ย(ว)――
「ทำไม《เธอ》มาอยู่ที่นี่วะ?! มึงเข้ามาจากตรงไหนวะเนี่ยอีเหี้ย?!」
ความสามารถผมใช้งานอยู่อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้สังเกตอย่างสมบูรณ์ว่าคามูโระ ฮิซูกิได้เข้ามาในบ้าน
ไอเหี้ยตาแห่งสวรรค์ ด้วยเธอที่อยู่ใกล้ผม ความสามารถผมไม่สามารถใช้งานได้เลยซักนิด
「มันไม่ได้หมายความว่าความสามารถของนายหยุดทำงาน ตาแห่งพื้นดินและตาแห่งสวรรค์สะท้อนร่วมกัน พูดอีกอย่าง นายและชั้นมีชะตาที่ผูกกัน♥」
มองในหัวใจผม คามูโระ ฮิซูกิที่ดูเหมือนจะมีความสุขพูดกับผมระหว่างที่หน้าแดง
ทำไมความสามารถผมมันไม่ทำงานเมื่อมันสะท้อนกับของเธอ? ผมไม่เข้าใจที่เธอหมายความ
「ความสามารถของซูซูฮาระ-คุงใช้งานอยู่อย่างถูกต้อง เพราะมันสะท้อนกับความสามารถชั้น ประสิทธิภาพมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก แทนที่จะอย่างนั้นความสามารถที่มันไม่จำเป็นมันถูกยกเลิกอัตโนมัติ ดังนั้นมันได้หยุดทำงาน」
ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น? ผมไม่รู้สึกมันเลยซักนิด เพิ่มเติมจากนั้น ความสามารถที่ไม่จำเป็นถูกยกเลิกอัตโนมัติเหรอ?
เพราะทั้งหมด ความสามารถผมได้แปลกประหลาดเพราะเธอ
「แล้วก็ ชั้นเข้าบ้านจากประตูหน้าเหมือนคนปรกติจะทำ ชั้นตะโกนหลายครั้งแต่ไม่มีการตอบ ดังนั้นชั้นปล่อยให้ตัวเองเข้ามา」
ยิ้มอย่างหวาน คามูโระ ฮิซูกิ หยิบแก้วชาของผมขึ้นแล้วมองมันด้วยสีหน้าตะลึง และเลียแก้วชา
「อ๊าาาา♥มันรสชาติเหมือนน้ำลายของซูซูฮาระ-คุง♥ อย่อย♥」
ปล่อยเสียงที่หวาน เธอกระตุกในความรู้สึกดี
น่าขยะแขยง อย่างที่คาด คนนั้นน่าขยะแขยง หยุดกระตุกในความรู้สึกดีจากการเลียแก้วชาที่ผมเพิ่งใช้นะ
「ฮิซูกิ มันไม่ดีที่จะโกหกนะ เธอเรียกเราก่อนจะเข้าบ้านอย่างแน่นอน แต่เธอเรียกอย่างเบาจนมันฟังไม่ได้」
ขณะที่ผมมองไปทิศทางของเจ้าของเสียง ภายในผมสีเงินของเธอมีหูหมาโผล่ออกมา และหางฟูๆโผล่ออกมาจากก้นเธอ และมีตาสีแดงที่คล้ายกับริกกะ
เธอดูเหมือนริกกะ แต่สาวมีตัวที่อายุมากกว่า
คาซะฮานะยืนข้างหลังริกกะที่นั่งอยู่บนโซฟา
ตามสายตาผมไป ริกกะกระตุกขณะที่เธอมองไปข้างหลังเธอ แม้แต่ริกกะก็ไม่สังเกตคามูโระ ฮิซูกิและคาซะฮานะได้บุกรุกเข้ามาที่บ้าน
ความสามารถของคามูโระ ฮิซูกิทำสัญชาติญาตป่าของริกกะสับสนเหรอ?
ช่างเป็นความสามารถที่น่ารังเกียจ
「ขอโทษอย่างมากค่ะ ซูซูฮาระ-ซามะ ชั้นพยายามจะหยุดเธอหลายครั้ง แต่ฮิซูกิ ยืนกรานที่จะกลับมา」
พูดอย่างนั้น คาซะฮานะ ก้มหัวของเธอลงและขอโทษจากก้นบึ้งของหัวใจ
「หลังจากที่ถอยอย่างสง่างาม จากนั้นรีบกลับมา ชั้นไม่รู้ว่าจะรู้สึกอายหรือเวทนาดี สร้างความไม่สะดวกอย่างนี้ ชั้นไม่รู้ว่าควรจะขอโทษทุกคนยังไงดี……」
「คาซะฮานะ เธอไม่เข้าใจว่าซูซูฮาระ-คุงโหยหาชั้น นั่นทำไมชั้นถึงกลับมา」
ระหว่างที่คามูโระ ฮิซูกิตอบคาซะฮานะอย่างภาคภูมิใจ ผู้ที่ดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ คาซะฮานะ ก้มหัวเธอซ้ำๆและให้ผมหลายครั้ง
「เฮ้ โอเน่-ซัง ดูเหมือนเธอมีเวลาที่ลำบากด้วย……」
ริกกะพึมพำและมองคาซะฮานะด้วยสีหน้าว่างเปล่า คาซะฮานะผู้ที่มองคำขอโทษอย่างจริงจัง
ใช่ โดยสิ้นเชิง แม้ว่าคาซะฮานะไม่ได้ทำอะไรผิด
「อ่ะร้าร้า ฟุฟุ เธอกลับมาเพื่อจะขายการต่อสู้กับชั้นอีกครั้งเหรอ? ชั้นยินดีที่จะซื้อมันนะ」
ภายในการปรากฏตัวที่กระทันหันของคามูโระ ฮิซูกิ อาซาฮินะ ไม่แม้แต่จะแสดงความไม่สงบเล็กน้อย นำขานึงมาไขว้อีกขานึง เธอพักคางระหว่างมือขวาเธอและจ้องคามูโระ ฮิซูกิด้วยสีหน้าการวางตัวที่ท่วมท้น
「ฟุฟุ ชั้นได้สู้กับเธอพอแล้ว ถ้าเธอทนตัวตนของชั้นไม่ได้ งั้นต่อยชั้นมากเท่าที่เธอต้องการ เธอแม้แต่ฆ่าชั้นก็ได้ถ้าเธอต้องการ ชั้นมาที่นี่ด้วยความมุ่งมั่นมากเท่านี้」
แม้ว่าจะเห็นท่าทางที่เอาแต่ใจและหยิ่งผยองของอาซาฮินะ คามูโระ ฮิซูกิ ยิ้มโดยไม่เสียท่าทางที่ใจเย็นของเธอ
「ถ้าเธอมาที่นี่เพื่อขายการต่อสู้ งั้นชั้นจะซื้อมัน ถ้าไม่ งั้นทำไมชั้นต้องตีเธอล่ะ? ชั้นหาเหตุผลที่จะตีเธอไม่ได้」
แม้ว่าอาซาฮินะถูกซัดเปนผ้าขี้ริ้วโดยคามูโระ ฮิซูกิ อาซาฮินะพูดว่าเธอไม่พบเหตุผลที่เธอจะตีคามูโระ ฮิซูกิไม่ได้
「ไม่มีเหตุผลที่จะตีชั้น หืมม? เพราะทั้งหมด ชั้นเดาว่าชั้นปะทะกับเธอไม่ได้ มันเป็นความพ่ายแพ้ของชั้น ดังนั้นอย่าแหย่ชั้นแบบนั้นสิ」
ยังยิ้มเหมือนเดิมอยู่ คามูโระ ฮิซูกิก้มหัวของเธอให้อาซาฮินะ
「เธอปรารถนาที่จะรวมเป็นหนึ่งกับซูซูฮาระ-คุง ใช่มั้ย?」
「เออ๋ ไฮ้ นั่นถูกต้องแล้ว」
คามูโระ ฮิซูกิ พยักหน้ากับคำถามของอาซาฮินะ
เฮ้ย ไม่ใช่เธอบอกว่าเธอยอมแพ้เกี่ยวกับผมแล้วเหรอ
「งั้นชั้นจะบอกเธออย่างนึนง เพราะเธอแพ้ชั้น เธอจะไม่สามารถชนะยูกิเซ็นไปได้ คนนั้นใส่หน้ายิ้มตลอด เธอไม่มีวันเดาได้ว่าเธอคิดอะไรข้างในหัวเธอ ไม่ว่ายังไง เธอยังเป็นสาวที่ถูกรับรู้โดยซูซูฮาระ-คุงด้วย」
คุณจะไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในหัวมารินะ เธอน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่มารินะอยากจะได้ยินนั่นจากปากเธอ
「ฟุมุ เพราะ “ชั้นเห็นได้” ชั้นบอกได้คร่าวๆ และเพราะสิ่งนั้น ท้องชั้นเจ็บ」
มองดูเหมือนเธอไม่สบายคามูโระ ฮิซูกิ ยิ้มอย่างขมขื่นและวางมือทั้งสองลงบนท้องของเธอ กดมัน
「อ่ะร้า? เธอพูดว่าท้องเธอเจ็บ นั่นหมายถึงเธอมีเจตนาจะเป็นตัวเลือกที่จะเป็นแฟนสาวของซูซูฮาระ-คุงเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอทำตามใจของเธอเหรอ?」
ทำตามที่เธอต้องการ นั่นน่ารังเกียจ
「เอ๋ เอออ๋ ไม่มากก็น้อย ถ้าชั้นทำได้ งั้นชั้นคิดว่ามันจะดีที่จะเป็นแฟนสาวของเค้า」
เฮ้ย หยุดเลยอีเอ็น ไม่ใช่ว่าเธอพูดแค่ว่าเธออยากจะทำมันกับผมเหรอ และไม่มีเจตนาอย่างแน่นอนที่จะเป็นแฟนสาวของผมเหรอ?
เธอไกลจากการยอมแพ้ผม และมันแย่ลงทุกนาทีเลย
「ชั้นคิดว่าเราควรจะหยุดดีกว่า ชั้นจะบอกอะไรบางอย่าง ทิ้งยูกิ-เซ็นไปไว้อย่างที่เธอเป็น เธอรู้มั้ยว่ายูกะน่ากลัวจริงๆเมื่อเธอโกรธจริงจัง? จะดีกว่าถ้าเธอยอมแพ้กับการเป็นตัวเลือกของแฟนสาวของเค้า และแค่มาที่นี่เพื่อทำสิ่งที่เธอจะทำ จากนั้นวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้」
ผมคิดแน่นอนว่ามันค่อนข้างน่ากลัวถ้ายูกะได้โกรธจริงๆ ให้เป็นอย่างที่มันเป็น ทำสิ่งที่เธอจะมาทำที่นี่ จากนั้นวิ่งหนีไปอย่างเร็ว นั้นทำไมเธอน่ารังเกียจ
「อ่ะ อ่ะฮ่าฮ่าฮ่า เธอค่อนข้างแห้งนะ」
คามูโระ ฮิซูกิยิ้มอย่างขมขื่นให้คำพูดที่หยาบคายของอาซาฮินะ
「โอ้ ยังไงซะ ชั้นไม่สนใจในบางอย่าง อย่างความรัก」
โอ้ จริงเหรือ? เหมาะกับเธอแล้วนี่
「และก็เหมือนเคย เธอไม่ค่อยซื่อสัตย์เลยนะ」
「อึ๋นน? ชั้นสงสัยว่าเธอพูดอะไรบางอย่างเหรอ?」
ในการตอบการพึมพำของคามูโระ ฮิซูกิ อาซาฮินะกระตุกในการตอบสนอง และเองหัวของเธอระหว่างยิ้มให้เธอ
「ม-ไม่ มันไม่มีอะไร……」
พูดสิ่งนั้น คามูโระ ฮิซูกิมอบรอยยิ้มที่เกร็งและเลี่ยงสายตาเธอจากอาซาฮินะ
ยั่วยุอาซาฮินะที่เพิ่งแพ้ในการต่อสู้ หรือการแย็บเบาๆของคามูโระ ฮิซูกิ อาซาฮินะแน่นอนว่าเป็นคนที่น่ากลัวกว่า
จากทามะมูชิ มันดูเหมือนว่าคามูโระ ฮิซูกิ สามารถที่จะปลุกตาแห่งสวรรค์ของเธอให้ตื่นอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เธอยังสู้อาซาฮินะไม่ได้
ผมเดาว่าไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนที่จะไปเทียบเคียงกับอีโง่ได้
ยังไงซะต้องขอบคุณอาซาฮินะ มันช่วยได้ที่คามูโระ ฮิซูกิได้เชื่อฟังมากขึ้น
「โอ้ สาวที่มีตาแห่งสวรรค์! ชั้นขอโทษที่กักตัวเธอไว้! ชั้นมีเจตนาที่จะยอมรับการลงโทษใดๆก็ตาม!」
ทามะมูชิที่จู่ๆก็ขึ้นเสียงของเธอ โดเกสะอยู่บนโต๊ะ
「ชั้นอยากให้เธอบอกชั้น! มีอนาคตที่อาซาฮินะถูกช่วยได้มั้ย?! ชั้นไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชั้น! มีอนาคตที่คนที่นอกจากชั้นสามารถที่จะหัวเราะและยิ้มมั้ย?! ทุกอย่างควรจะ “เห็นได้” สำหรับเธอ!」
ทามะมูชิร้องอย่างสิ้นหวังขณะที่เธอยังรักษาท่าโดเกสะของเธออยู่
ถ้าเธอสามารถที่จะเห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต งั้นเธอแน่นอนว่าเห็นอนาคตที่อาซาฮินะถูกช่วยได้
อย่างไรก็ตาม ถ้ามันแค่ “มีอนาคตแบบนั้น”
ถ้ามันไม่มี นั้นก็จะหมายความว่าเธอสิ้นหวังแล้ว
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณจะ “รู้” ว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยอาซาฮินะ
เข้าใจแล้ว ความสามารถที่เห็นอนาคตที่ไม่มีใครได้ถูกช่วย การที่จะมีความสามารถที่จะรู้บางอย่างแบบนั้นมันแน่นอนว่าไม่ “เหมาะสม” ไม่ว่ายังไง มันเป็นความสามารถเดียวกัน ที่มันสามารถทำลายทั้งใจและจิตวิญญานของคุณ
「ทามะมูชิ-ซัง ชั้นไม่มีเจตนาจะโทษมันกับเธอ พูดสิ่งนั้นแล้ว อย่างโชคร้าย ความสามารถของชั้นไม่ได้มีอำนาจทุกอย่างอย่างที่เธอคิด ชั้นไม่สามารถเห็นอนาคตทั้งหมด ชั้นไม่มากก็น้อยเห็นอนาคตได้ แต่มันคลุมเครือมาก ดังนั้น มันจะเป็นการฉลาดกว่าสำหรับเธอ ที่จะไม่พึ่งความสามารถในการมองอนาคตของชั้นมากเกินไป」
หันหน้าหาทามะมูชิที่โดเกสะ คามูโระ ฮิซูกิมองเธอและพูดมันอย่างขอโทษขอโพย
เธอไม่เห็นอนาคตทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าเราเหรอ?
「อย่างไรก็ตาม ถ้านายใส่ชั้นเข้าไปในกลุ่มของนาย งั้นพลังการต่อสู้ของนายจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความสามารถชั้นเห็นทั้งหมดของกิจกรรม “ปัจจุบัน” ได้ ทุกอย่างบนจักรวาลนี้ พูดอีกอย่าง ไม่มีขีดจำกัดกับระยะของชั้น ดังนั้น ชั้นไม่มีจุดบอด」
แม้เธอไม่สามารถจะเห็นล่วงหน้ากับทุกอย่างในอนาคต เธอสามารถที่จะเห็นทุกอย่างในปัจจุบัน เพิ่มเติมจากนั้น ระยะที่มีผลของเธอไม่มีขีดจำกัด แค่นั่นอย่างเดียวก็เป็นภัยมากเกินพอแล้ว
「แล้วก็ ยูกิ มารินะ-ซัง และ โทโมเอดะ ยูกะ-ซัง ชั้นแนะนำว่านายควรจะพาสองคนนั้นมาเพิ่มเพิ่มจำนวนของสหายของเรา พวกเธอมีความสามารถที่ค่อนข้างมีประโยชน์」
「ความสามารถที่ใช่งานได้? อย่างที่คาด พวกเธอได้ปลุกความสามารถให้ตื่นเหรอ?」
「ชั้นเดาว่าอย่างนั้น」
คามูโระ ฮิซูกิพยักหน้ากับคำถามผม
งั้นการ คาดการณ์ของทามะมูชินั้นถูกต้อง
งั้นมันเป็นความผิดผมที่สองคนนั้น……
「ความสามารถของยูกิ มารินะ คือ “สื่อหัวใจ” มันเป็นความสามารถในการส่งกระแสจิต ความสามารถไม่มีความสามารถในการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นความสามารถที่สะดวกอย่างสูง ปรกติแล้ว มันอยู่ในความสามารถ หมวด-เอฟ แต่ในกรณีของเธอ มันต่างจากปรกตินิดหน่อย」
「ต่างจากปรกติ?」
「เออ คนนั้นที่รับ “การสื่อหัวใจ” ของเธอไป หัวใจของพวกเขาจะรู้สึก “อบอุ่นและนุ่มฟู” และมันไม่ถูกพบในความสามารถส่งกระแสจิตทั่วไป」
「ห๋า?」
หัวใจคุณจะรู้สึกอบอุ่นและนุ่มฟู? อะไรวะ? แล้วยังไงล่ะ?
「ความสามารถของยูกิ มารินะ น่าจะถูกจัดประเภทอยู่ในหมวด-บี มันเป็นความสามารถที่น่าทึ่ง」
「ห๋า? เพราะมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและนุ่มฟู? แค่เพราะนั่นเหรอ?」
「ใช่」
คามูโระ ฮิซูกิพยักหน้าตอบคำถามผม
ปรกติแล้วความสามารถ “สื่อหัวใจ” อยู่ในความสามารถหมวด-เอฟ แต่เพราะความสามารถของเธอเพิ่มโบนัสของการทำให้รู้สึกอบอุ่นและนุ่มฟู จู่ๆมันก็กระโดดขึ้นไปเป็นหมวด-บี เหรอ?
เธอจริงจังหรือเธอแค่เอ็นไปรอบๆวะ?
ผมจ้องคามูโระ ฮิซูกิ อย่างไรก็ตาม ผมไม่สามารถที่จะมองเข้าไปในหัวใจเธอ ในทางตรงกันข้าม ผมไม่สามารถที่จะมองเข้าไปในหัวใจใครได้เลย และความสามารถที่จะมองผ่านสิ่งต่างๆไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง
การยึดการแพร่ภาพเอ็นๆนั่น
「คนนั่นที่มีผลอยู่ใน “สื่อหัวใจ” ของเธอสามารถที่จะรู้สึกอบอุ่นและนุ่มฟู นั่นหมายถึง ไม่ว่านายตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุดขีดแค่ไหน หลังจากที่ได้ยิน “เสียง” ของเธอ มันจะช่วยให้นายใจเย็นลง มันเป็นความสามารถที่น่าทึ่ง ที่มันเหมาะกับเธอจริงๆด้วยเหมือนกัน」
อาา ผมเข้าใจแล้ว
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของคามูโระ ฮิซูกิ ผมสามารถที่จะเข้าใจว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร
มันไม่ง่ายที่จะทำให้ใจสงบ โดยเฉพาะเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่สุดขีดแบบนั้น
แม้มันอาจจะเป็นความสามารถที่ธรรมดาและเรียบๆ มันอาจจะเป็นความสามารถที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน และแน่นอนว่ามันเหมาะกับมารินะ
มากกว่านั้น การที่เธอทำเป็น ศูนย์กลางการบัญชาการ ด้วยมารินะที่ไม่ใช่แค่มี่ความสามารถส่งกระแสจิต ด้วยกันกับความรู้ที่ช่ำชองของเธอ แต่ด้วยกันนั้น เธอสามารถที่จะทำให้ผู้ฟังสงบจิตใจและหัวใจด้วย
ความสามารถที่เหมาะกับมารินะมากเกินไป
ดั่งบางคนทำมันโดยเฉพาะให้เธอเลย
「แล้วก็ ความสามารถของ โทโมเอดะ ยูกะ มันนิดหน่อย…เอ่…ไม่ ค่อนข้างอันตราย」
ได้ยินคำพูดของคามูโระ ฮิซูกิ อาซาฮินะจ้องไปที่เธอ
ความสามารถที่อันตราย? ความสามารถของยูกะอันตรายจริงๆเหรอ?
「มันเป็นมนต์ของลัทธิชินกอน มากกว่านั้นมันเป็นระดับที่ทรงพลังโดยเฉพาะในหมู่มนต์อื่น และมันเรียกว่าดอกบัว ความสามารถของเธอสามารถทำเป็นตัวกลาง และมันเป็นไปได้ว่าเธอสามารถสั่งการคนอื่นให้ทำสิ่งต่างๆให้เธอจากเสียงของเธอ ถ้าเธอรู้สึกเหมือนมัน เธอสามารถแก้ไขความทรงจำของคน และฆ่าคนได้ผ่านคำพูดเธอ มากกว่านั้น เธอสามารถใส่ประสบการณ์แผลทางใจที่ไม่มีตัวตนเข้าไปในความทรงจำของคน มันเป็นความสามารถที่น่ารังเกียจ พูดอีกอย่าง เธอมีความสามารถล้างสมองที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม ระยะการมีผลของมัน มีแค่ที่ที่เสียงเธอสามารถได้ยิน」
ความสามารถที่จะรบกวนด้วยคลื่นเสียง ด้วยกันกับความสามารถที่จะควบคุมคนอื่น และความสามารถในการล้างสมองที่ทรงพลัง?
ความสามารถที่อันตรายนั้นมันอะไรกัน?
เป็นไปได้มั้ยว่า? บอกให้คนอื่นไปตาย และพวกเขาจะแค่ไปตาย? พูดว่า “ไปตาย” จะฆ่าใครก็ตามที่ได้ยินมัน?
ถ้านั่นจริง แน่นอนว่ามันเป็นความสามารถที่ค่อนข้างอันตราย
「แม้ว่าระยะการมีผลของมันแคบ ถ้านายปล่อยไว้ลำพังเป็นเวลาหนึ่ง งั้นมันเป็นไปได้ที่จะครอบงำทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม มันมีผลน้อยกับ คนโง่ๆอย่างอาซาฮินะ」
「เธอพูดอะไรบางอย่างเหรอ?」
「ขออภัย ลิ้นชั้นลั่นน่ะ」
ระหว่างถูกจ้องโดยอาซาฮินะ โดยไม่รู้สึกถึงความรู้สึกที่อาย คามูโระ ฮิซูกิแลบลิ้นของเธอออกมา
「ภายในมนต์ ดอกบัวถูกจัดประเภทอยู่ในความสามารถหมวด-บี แค่โดยการมองความสามารถเธอ มันควรจะอยู่ใน หมวด-เอ แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเรามีผู้ใช้ความสามารถมนต์ พวกเค้าจะสามารถหามาตรการป้องกันก่อนหน้า สำหรับเหตุผลนั้น มันอยู่ในความสามารถหมวด-บี」
โอ้ อย่างนั้นเหรอ? ผมคิดว่ามันเป็นความสามารถที่ค่อนข้างอันตราย แต่ในท้ายที่สุด มัยอยู่ในหมวด บี?
ยังไงซะ เพราะระยะความสามารถของเธอแคบ เธอจะตายอย่างแน่นอนถ้าเธอถูกยิงที่หัวจากระยะไกล
「ความสามารถมนต์ของเธอ ตื่นขึ้นเพื่อตอบรับกับความต้องการของเธอ ที่อยากจะให้เสียงของเธอส่งไปถึงคนคนหนึ่ง ไม่เหมือนความสามารถของยูกิ มารินะ ความสามารถของโทโมเอดะ ยูกะ นั้นอันตรายมาก ถ้ามันถูกใช้อย่างผิดๆ งั้นความโชคร้ายจะมาถึงผู้ใช้อย่างแต่นอน แต่ ยังไงซะ มันจะโอเค มนต์ของเธอ ต่างจากมนต์ปรกตินิดหน่อย」
ต่างจากปรกติ? ในหมู่มนต์ ดอกบัวของเธอทรงพลังเป็นพิเศษ และอะไรที่มากกว่านั้น คือความสามารถของเธอต่างไปจากทั่วไป
「มนต์ของเธอมีข้อจำกัดที่แรง ถ้าเธอไม่เชื่อมันจากก้นบึ้งของหัวใจเธอ งั้นความสามารถของเธอจะไม่ถูกใช้งาน เพราะเธอไม่มีเจตนาจะผูกคนอื่นกันความสามารถของเธอ เธอเพียงอยากจะแค่ให้เสียงของเธอไปถึงบางคน ดังนั้น บางทีเธอฆ่าคนด้วยความสามารถของเธอไม่ได้ มนต์เป็นความสามารถที่อันตรายมาก ใช้มันเพื่อข่มขู่คนอื่นนั้นก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น มนต์ของเธอจะอยู่ในหมวด-ซี」
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของคามูโระ ฮิซูกิ อาซาฮินะลูบหน้าอกเธอและถอนหายใจโล่งใจ
ข้อจำกัด เอ๋?
ขีดจำกันนั้นเป็นบางอย่างที่เธอสร้างมันโดยจิตใต้สำนึกอย่างแน่นอน
มันเป็นสิ่งที่เหมือนยูกะมีจริงๆ
「สื่อหัวใจและมนต์ สองความสามารถนั้นเข้ากันได้ดี ถ้าพวกเธอสามารถทำงานร่วมกันและใช้ความสามารถให้เป็นจังหวะเดียวกัน พวกเธอไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเทียบเคียงกับความสามารถหมวด-เอ ถ้าความสามารถมนต์ของยูกะเป็นจังหวะเดียวกันกับความสามารถสื่อหัวใจของมารินะ พวกเธอเกือบจะไม่มีวันพ่ายแพ้ เพราะสื่อหัวใจของมารินะ-ซังเพิ่มระยะของมนต์ยูกะ-ซังอย่างมาก เพิ่มเติมจากนั้น เมื่อนายเพิ่มตาแห่งสวรรค์ของชั้นเข้าไป เราสามารถจะล้างสมองทุกคนบนทั้งโลกนี้ได้ทันที」
ใช้สื่อหัวใจและมนต์เป็นจังหวะเดียวกัน? มันเป็นไปได้ที่จะทำแบบนั้นเหรอ? มากกว่านั้น เธอพูดว่าถ้าเราใส่ตาแห่งสวรรค์ของเธอเข้าไป เราล้างสมองทุกคนบนโลกนี้ได้ทันทีเหรอ?
「แต่มันดีกว่าที่จะไม่ล้างสมองทุกคนในโลกนี้ เพราะโลกจะหยุดทำงานถ้าทุกคนกลายเป็นหุ่นกระบอก」
พูดสิ่งนั้น คามูโระ ฮิซูกิยักไหล่ของเธอ
การรวมกันของความสามารถของ มารินะ ยูกะ และคามูโระ ฮิซูกิ จะเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม อย่างที่เธอพูด มนต์จะไม่มีผลบนคนที่เหมือนอาซาฮินะ ดังนั้นผมเดาว่ามันไม่มีอำนาจทุกอย่าง
เพิ่มเติมจากนั้น เพราะความสามารถของมารินะจะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นข้างใน งั้นมันจะค่อนข้างแย่ถ้าเราทำบางอย่างด้วยเจตนาร้าย
「นั่นถูกต้องที่สุด ค่าของความสามารถของมารินะ-ซังจะตกลงไปถ้าเรามีเจตนาจะทำบางอย่างไม่ดี แล้วก็ ความสามารถของยูกะ-ซังจะไม่ถูกใช้งาน ถ้าเธอไม่สามารถมั่นใจด้วยตัวเธอเองว่าคำพูดของเธอนั้นจริงจากก้นบึ้งของหัวใจ」
พูดสิ่งนั้น คามูโระ ฮิซูกิพยักหน้าเห็นด้วย
เฮ้ย หยุดมองเข้ามาในหัวใจผมนะ
「และสำหรับ ฮิเมฮะโจ ยูกินะ-ซัง เธอก็ปลุกความสามารถของเธอด้วย」
「ห๋าา?!」
ยูกินะ? ยูกินะด้วยเหรอ?!
「เดี๋-เดี๋ยวก่อนสิ! ให้เธอมีส่วนร่วมมัน――」
「ยังไงความสามารถของเธอก็จะตื่นไม่เร็วก็ช้า แทนที่จะปล่อยเธอไว้ลำพัง นายควรจะนำทางเธอและให้เธอทำงานไปข้างเรา」
ผมให้ยูกินะมาเกี่ยวข้องกับที่ไม่ได้อย่างแน่นอน คือที่ผมอยากจะพูด แต่ผมถูกขัดโดยคำพูดของคามูโระ ฮิซูกิ
「มันโอเค มันไม่มีอันตรายเมื่อเธอมาอยู่เป็นเพื่อนนาย เพราะ――」
คามูโระ ฮิซูกิพูดขณะที่เธอยืนขึ้นและมองพวกเราทุกคน
「ในหมวด-ซี เรามี ทามะมูชิ-ซัง, คาเซะบานะ, และ โทโมเอดะ ยูกะ-ซัง ในหมวด-บี เรามี ริกกะ และ ยูกิ มารินะ-ซัง ในหมวด-เอ เรามีชั้น และเนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง ซูซูฮาระ-คุง และ อาซาฮินะ-ซัง อยู่ข้างนอกหมวด มันเป็นทีมที่สมดุลมาก ดังนั้น ทำไมเราไม่ไปทำลายประเทศด้วยกันล่ะ? เรามีพลังการต่อสู้ที่จริงจังเลยนะ」
บันเทิงกันคำแนะนำนั้น คามูโระ ฮิซูกิ พูดมันขณะที่เธอหัวเราะคิกคัก
ยังไงซะ ผมหมายถึง นั่นคือที่ผมคิดจากการดูคามูโระ ฮิซูกิหัวเราะคิกคักแบบนั้น
ไม่ใช่ว่าเธอพูดว่าเธอคิดทุกอย่างออกแล้วเหรอ?
「มาา ถ้านายพูดในแง่ของการได้ประสบการณ์ชีวิต มันดีกว่าที่จะให้ฮาเมฮะโจ ยูกินะ-ซัง มาเป็นเพื่อนเราด้วย ถ้าเธอยังไมปลุกความสามารถของเธอให้ตื่น งั้นชั้นจะไม่พูดอะไร แต่เธอน่าทึ่งอย่างแน่นอน เพราะว่า――」
พูดสิ่งนั้น คามูโระ ฮิซูกิ จิ้มจมูกผมด้วยนิ้วของเธอ
「ซูซูฮาระ-คุงมองเธอเหมือนน้องชายที่หวงเธออย่างหัวแก้วหัวแหวน มากกว่าใครอื่นบนโลกนี้ ชั้นมั่นใจว่าเธอจะเป็นสาวที่น่าทึ่งมากกว่าใครอื่น คือที่ชั้นคิด」
พูดแบบนั้น เธอยิ้ม
เป็นสาวที่น่าทึ่งมากกว่าใคร ผมมั่นใจปรารถนาว่าเธอจะไม่เป็นบางอย่างเหมือนอาซาฮินะ ถ้าเป็นแบบนั้น แน่นอนเลยว่าผมไม่อยากให้นั่นเกิดขึ้น
ข้อความจากผู้เขียน
โลลิฮินะ: 「เออ๋?!」
คิซารากิ:「เราเป็นลูกที่ไม่ต้องการ ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?……」
เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์อ่านได้ที่ tunwalai หรือ readAwrite
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
กสิกรไทย
แปลโดย: wayuwayu
ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”
pdfไว้อ่านตอนกลางคืน สปอนเซอร์ตอน จองตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord