แม้รูปขบวนทัพด้านหน้าจะดูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
แต่เตียวเลี้ยวพบว่า ขวัญกำลังใจทหารทุกคนของอาณาจักรอู๋เซียงนั้นต่ำมากและพวกเขาก็ด้อยกว่ากลิ่นอายพลังทหารชั้นยอดของเขาโดยสิ้นเชิง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีหรือที่เขาจะกลัว?
“ฆ่า!”
เตียวเลี้ยวได้ควบม้าศึกพุ่งไปข้างหน้า
แม้พลังปราณของเขาจะถูกระงับโดยแรงกดดันของกองทัพเล็กน้อยแต่ความกล้าหาญของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยดาบหยานหลิงในมือได้ถูกชัดออกมา
เขาได้ควบม้าศึกบุกเข้าไปในขบวนของศัตรู
เมื่อทหารดาบและโล่ในขบวนเห็น เตียวเลี้ยว พวกเขาก็ตะลึงเล็กน้อย รอจนกระทั่ง เตียวเลี้ยว สังหารผู้คนไปหลายสิบคน พวกเขาถึงจะสามารถตอบสนองและเริ่มทำการปิดล้อมเตียวเลี้ยว
แต่เมื่อทหารเหล่านี้ทำการปิดล้อม พวกเขาก็ถูกทหารที่นำมาโดยเตียวเลี้ยวเข้าห่ำหั่นและทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มต่อสู้แบบประชิดตัว
ทหารของอาณาจักรหนานหยาน มีพละกำลังที่แข็งแกร่งและกล้าหาญบนสนามรบพวกเขาได้ฟาดฟันศัตรูด้วยคมดาบของพวกเขา
ในทางกลับกัน แม้ ทหารของอาณาจักรอู๋เซียง จะมีความได้เปรียบด้านจำนวนมาก แต่พวกเขากลับหวาดกลัวและเผลอก้าวถอยหลังจนชนกันทำให้ไม่สามารถสังหารศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่รูปแบบขบวนกองทัพของศัตรูหายไป แรงกดดันที่ เตียวเลี้ยว ได้รับก็น้อยลงอย่างมาก เขาได้ระเบิดพลังปราณในร่างกายเพื่อสร้างดาบปราณ
ภายใต้คมดาบที่คมกริบไม่มีทหารคนใดกล้าที่จะเข้าไปล้อมรอบ เตียวเลี้ยว
“นี่…”
ลู่เฟิง กำลังดูการต่อสู้อยู่ภายในกองทัพ เขารู้สึกตะลึงอย่างมาก
กองทัพอาณาจักรอู๋เซียงไร้ประโยชน์ถึงขนาดนี้เลยหรือไม่?
แม้จะตั้งรูปแบบขบวนที่สมบูรณ์และแข็งแกร่งแต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับ…
เผชิญหน้ากับทหารชั้นยอดที่นำโดย เตียวเลี้ยว พวกเขาได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
นี่มันหลักการวิทยาศาสตร์แทบจะใช้ไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง!
ประสิทธิภาพการรบของทหารอาณาจักรอู๋เซียงกลับอ่อนเเอมากถึงขนาดนี้?
แม้แต่ทหารส่วนตัวของขุนนางอาณาจักรหนานหยานก็ยังทรงพลังกว่านี้อีก
หลิวจี๋ ได้มองดูและยิ้มออกมา”ฝ่าบาท ดูเหมือนประสิทธิภาพการรบที่อ่อนเเอของอาณาจักรอู๋เซียงดูจะไม่ใช่เรื่องเกินจริง!”
“อืม,สมควรแล้วที่พวกเขาจะได้รับชื่อเสียงแบบนี้!”
ลู่เฟิง มองไปที่ เหล่าทหารและรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย”ด้วยกองทัพที่อ่อนเเอเช่นนี้ฉไหนเลย อาณาจักรอู๋เซียง ถึงมีความกล้าที่จะบุกโจมตีอาณาจักรหนานหยาน?”
“น่าจะเป็นนิกายดาบวิญญาณที่นำพาความกล้ามาสู่พวกเขา!”หลิวจี๋ ได้สั่นศีรษะ
“โอ้ว,ช่างน่าสงสาร!”
เตียวอุ๋น ได้ยินก็ถอนหายใจออกมา”ถ้าเกิดกองกำลังสี่ล้านนายของอาณาจักรอู๋เซียง อยู่ภายใต้การบัญญชาของอาณาจักรหนานหยานของเรา ด้วยฝีมือของแม่ทัพเมิ่งเถียน หรือ แม่ทัพเหลียนป๋อ พวกเขาสามารถฝึกฝนทหารเหล่านี้ให้เป็นยอดฝีมือได้ น่าเสียดายจริง ๆ คาดว่ากองทัพแนวหน้าที่ถูกพามานี้ น่าจะถูกจัดการโดยแม่ทัพเตียวเลี้ยวในระยะเวลาอันสั้น!”
“ฮ่าฮ่า,ต้องขอบคุณที่กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียงอ่อนเเอไร้ประสิทธิภาพในการรบ มิฉะนั้นมีหรือที่เราจะชนะได้โดยง่าย?”ลู่เฟิงหัวเราะออกมา
หลิวจี๋ และ เตียวอุ๋น ที่ได้ยิน พวกเขาก็ยิ้มออกมา หากพลังต่อสู้ของกองทัพอาณาจักรอู๋เซียง เทียบได้กับอาณาจักรหนานหยาน มีหรือที่อาณาจักรหนานหยานจะเอาชนะภัยพิบัติครั้งนี้ได้
บนภูเขาติงจิ้ง จิ้งซือหรง ได้มองไปที่ พลังต่อสู้ของกองทัพของเขา มุมปากของเขากระตุกและไม่สามารถทนได้
เขารู้ว่าประสิทธิภาพการรบของอาณาจักรอู๋เซียงต่ำมาก แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะต่ำขนาดนี้
นี่มันแทบจะเทียบไม่ได้กับหนึ่งในสามของกำลังรบทหารอาณาจักรหนานหยานแม้แต่น้อย!
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นเพียงทหารธรรมดาของลู่เฟิง ไม่ใช่ กองพันค่ายทหารของเกาชุน
ถ้าเป็นกองพันค่ายทหาร…
ลองนึกถึงกองทัพของเขาที่ตกอยู่ภายใต้การนำทัพของแม่ทัพเกาชุน…
จิ้งซือหรงไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องนี้!
บางทีกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง อาจจะถูกฆ่าตายหมดเลย
“ถ้าข้ามีเวลาอีกสักครึ่งปีก็ยังดี!”
จิ้งซือหรง ถอนหายใจออกมา ถ้าเขามีเวลาอีกหกเดือน เขามีความมั่นใจที่จะฝึกฝนกองทัพและเพิ่มประสิทธิภาพในการรบได้อย่างมาก
แม้จะไม่สามารถเทียบเท่าได้กับกองพันทหารค่าย แต่เขาก็มีความมั่นใจที่จะไล่ตามทหารธรรมดาของอาณาจักรหนานหยานได้ทัน น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลา!
ในเวลาเดียวกัน จิ้งวือหรง ก็รู้สึกโชคดีเล็กน้อย โชคดีที่เขาไม่ส่งทัพหลักเข้าโจมตี มิฉะนั้น ภายใต้การต่อสู้ที่น่าเกรงขาม เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากมอบศีรษะให้กับศัตรู!
เขาหันหน้าไปมองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลัง และพบว่า ใบหน้าของคนเหล่านี้ปกติมาก ราวกับว่าพวกเขาคาดเดาเหตุการณ์เช่นนี้ได้อยู่แล้ว
บางที จิ้งซือหรง ก็สงสัยว่า แม่ทัพเหล่านี้ แท้จริงเป็นสายของศัตรูหรือไม่ กองทัพของตนเองเสียเปรียบกลับไม่มีความร้อนใจและยังคงปกติอยู่?
เขาได้ถอนหายใจออกมาและโบกมือขึ้น”ส่งคำสั่งของข้าออกไป ให้พลธนู 30,000 นายบนภูเขาติงจิ้ง เคลื่อนไหวหาจุดซุ่มยิง แนวหน้ากองทัพของเราจะต้องไม่แพ้โดยปล่าวประโยชน์!”
“ขอรับ!”
ผู้ส่งสาร์นได้ส่งผ่านคำสั่งทันที
จิ้งซือหรง ได้มองไปที่ ผู้ส่งสาร์น และ หวังว่า พลธนู 30,000 นายของเขาจะพอมีประโยชน์ฆ่าคนของอีกฝ่ายได้มากขึ้นกว่านี้
ตามคำสั่งของ จิ้งซือหรง พลธนูที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาติงจิ้ง ได้เตรียมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อโจมตีกองทัพของลู่เฟิง
แต่เมื่อ พวกเขารีบไปที่สนามรบพวกเขาก็พบว่าทัพหน้าของอาณาจักรอู๋เซียงได้พ่ายแพ้ไปแล้ว ภายใต้การนำทัพของ เตียวเลี้ยว ทุกคนล้วนถูกสังหารสิ้น
“เตรียมโจมตี!”
แม่ทัพที่สั่งการมองเห็น เตียวเลี้ยว เขาก็ส่งสัญญาณมือให้เตรียมพร้อม พลธนูทั้งหมดได้ใส่ลูกศรและง้างคันธนูพร้อมกัน
“ยิงได้!”
ด้วยคำสั่งยิงพลธนูและหน้าไม้ได้ใช้ลูกศรหยุดปราณประมาณ 5,000 ดอก ยิงออกไปบนฟ้าเปลี่ยนเป็นแสงสีเงินครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหนือศีรษะเตียวเลี้ยวโดยสมบูรณ์
เตียวเลี้ยว ได้เงยหน้าขึ้นมองอย่างเคร่งขรึม
สำหรับแม่ทัพที่กล้าหาญสิ่งที่คุกคามมากที่สุดก็คือลูกศรหยุดปราณ ตามมาด้วยรูปแบบกองทัพ
ฟวั่บ!
เตียวเลี้ยว ได้ตะโกนขึ้น เขาได้ใช้ดาบหยานหลิงในมือทำลายลูกศรหยุดปราณจำนวนมาก ยิ่งลูกศรหยุดปราณน้อยลงเท่าไหร่อันตรายก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
“ปกป้องท่านแม่ทัพ!”
โชคดีที่ในเวลานี้ ทหารราบชั้นยอดของ เตียวเลี้ยว ที่ตามมา รีบถือโล่ขึ้นมาป้องกันร่างกายของเตียวเลี้ยว
เตียวเลี้ยว อยู่ภายใต้การคุ้มครองอย่างปลอดภัย ยังไงทหารราบที่นำมาก็ยังเป็นทหารราบชั้นยอดมากกว่า 100,000 นาย
ท้ายที่สุด เผชิญหน้ากับ พลธนูเหล่านี้ พวกเขาก็ไม่สามารถ ทำอะไรได้ ทำได้เพียงแต่ใช้รูปแบบป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
“ทหารโล่ก้าวไปข้างหน้าขวางลูกธนูเหล่านั้นซะ!”
“พลหอกคอยสนับสนุนพลโล่ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง”
“พลดาบ ตามมาติด ๆ พร้อมที่จะเข้าปะทะกับศัตรูทุกเวลา!”
“ขอรับ!”
เตียวเลี้ยว ได้สั่งการอย่างเป็นระเบียบและเคลื่อนย้ายกองทัพ
พลโล่,พลหอก และ พลดาบ ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ