บทที่ 277 เรื่องน่าสะพรึง (2)
โยฮันถึงกับตะลึง เขาไม่คิดว่าไป๋เยี่ยจะพูดแบบนี้ คิดจะหักหน้ากันแบบนี้เลยเหรอ
ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะต้อนรับกันดีๆ ทำไมถึงปฏิเสธกันแบบนี้ล่ะ
โยฮันเหลือบมองเล็กน้อยก่อยจะพูดต่อ “คุณไป๋เยี่ย พวกผมเป็นทีมกู้ภัยจากองค์การอนามัยโลกและสมาชิกแต่ละคนในทีมล้วนเป็นบุคลากรชั้นสูงของวงการ หลายคนก็มาจากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินแห่งเยอรมนี ทุกคนเคยเห็นศักยภาพด้านการกู้ภัยของพวกผมกันหมดแล้ว คุณไม่ลองพิจารณาดูหน่อยเหรอ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัวก่อนจะตอบอย่างแน่วแน่ “ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าทีมแพทย์ ผมก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้บาดเจ็บทั้งหมด ผมอนุญาตให้คุณดำเนินการในเรื่องที่ไม่แน่นอนไม่ได้จริงๆ ครับ ขออภัยด้วยนะครับ ผมยังต้องแบกรับความรับผิดชอบอยู่ จะคิดทำการใหญ่ไม่ได้ครับ…”
สีหน้าของโยฮันไม่ค่อยดีนัก เขาเหลือบมองผู้ช่วยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ไป๋เยี่ยไม่ไว้หน้าเราเลยสักนิด
คิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงหรือไง
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังจะลุกออกไป เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก “เดี๋ยวก่อน…คุณไป๋เยี่ย”
ชายร่างผอมคนหนึ่งเดินเข้ามา เขามีส่วนสูงพอๆ กับไป๋เยี่ย เซ็ตผมเรียบร้อย ชายคนนั้นกล่าวยิ้มๆ “สวัสดีครับ คุณไป๋เยี่ย ผมชื่ออาคามอส เป็นหัวหน้าทีมกู้ภัย ดีใจที่ได้ร่วมงานกับคุณนะครับ”
อาคามอสแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้โยฮันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความสับสนและไม่เชื่อสายตาตนเอง
ไป๋เยี่ยผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณเป็นผู้รับผิดชอบสินะครับ แล้วเขาคือ…”
ไป๋เยี่ยชี้ไปทางโยฮันด้วยความงุนงงเล็กน้อย เมื่อครู่เขาไม่ได้ตั้งใจฟังตำแหน่งของโยฮันนัก จึงคิดว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบ
อาคามอสยิ้ม “คนนี้คือคุณโยฮัน เป็นรองหัวหน้าทีมครับ ส่วนผมเป็นผู้รับผิดชอบ ยินดีที่ได้เข้ามาร่วมงานกู้ภัยในฐานปฐมพยาบาลของคุณไป๋เยี่ยนะครับ”
ไป๋เยี่ยยิ้มตอบ “ยินดีต้อนรับครับ แต่ว่า…ตอนนี้ผมมีเคสผ่าตัดรออยู่น่ะ สะดวกรอผมสักหน่อยไหมครับ ขอโทษด้วยจริงๆ”
อาคามอสพยักหน้า “ได้สิครับ ไม่ต้องรีบร้อน พวกผมจะรอคุณ”
พูดจบ ไป๋เยี่ยก็ขอตัวแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้ทั้งสามคนมองหน้ากันอยู่ตรงนั้น
โยฮันเริ่มพูดด้วยเสียงติดอ่างเล็กน้อย “ห…หัวหน้า คุณทำอะไรเนี่ย คุณลืมงานของเราไปแล้วเหรอครับ”
อาคามอสได้แต่ยิ้ม “คุณโยฮัน คุณดูถูกเขาเกินไปแล้ว”
โยฮันถึงกับตะลึง “เขาอายุแค่ยี่สิบเองนะครับ เขาจะไปทำอะไรได้ คิดว่าเขาจะเป็นมืออาชีพกว่าเราเหรอครับ พวกเราเป็นถึงทีมกู้ภัยระดับโลกเลยนะ…”
อาคามอสส่ายหัว “คุณคิดว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ฉุกเฉินจริงเหรอ น่าตลกดีนะครับ นั่นเป็นแค่ชื่อเรียกปลอมๆ เท่านั้นเอง คุณคิดว่าพวกคนทำวิจัยเขาจะมาสนใจเรื่องพรรค์นี้เหรอ พวกเราเป็นหมอที่ทำงานวิจัยต่างหาก สิ่งสำคัญที่สุดคือข้อมูล คุณรู้เรื่องผลงานการกู้ภัยครั้งนี้ของไป๋เยี่ยบ้างไหม”
โยฮันส่ายหัวไปมา เขาจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
อาคามอสเปิดเอกสารที่เต็มไปด้วยข้อมูลพลางเอ่ย “นี่เป็นผลงานของทีมกู้ภัยที่นำโดยไป๋เยี่ยในช่วงสิบวันที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรักษาทั้งหมดหกพันเก้าร้อยสิบสองราย รักษาสำเร็จห้าพันหกร้อยหนึ่งรายและเสียชีวิตเพียงเจ็ดร้อยหกสิบสองรายเท่านั้น…นอกจากนี้ ระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บของแต่ละเคสยังแตกต่างกันออกไป และตัวเลขนี้เป็นเพียงเคสที่อยู่ในพื้นที่ที่ไป๋เยี่ยรับผิดชอบ อัตราการรักษาสำเร็จในพื้นที่อื่นๆ ที่ไป๋เยี่ยไม่ได้ไปยังต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของที่นี่เลย ถ้าคุณลองคิดดูดีๆ คุณจะรู้ว่านี่มันหมายความว่าอะไร”
“แถมตอนนี้ประธานาธิบดีของเมียนมาก็แต่งตั้งให้ไป๋เยี่ยเป็นผู้รับผิดชอบทีมแพทย์กู้ภัยด้วย เพื่อที่เขาจะได้วางแผนการพัฒนางานปฐมพยาบาลโดยรวมได้ คุณเข้าใจหรือยังว่ามันคืออะไร”
เหตุใดโยฮันจะไม่เข้าใจ
เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ย่อมรู้สถิติการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บระหว่างเกิดภัยพิบัติเป็นอย่างดี
ปกติแล้วอัตราการรักษาสำเร็จที่สูงเช่นนี้มักเป็นไปได้ยาก ถึงแม้ว่าผู้บาดเจ็บเหล่านี้จะถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่สถิติที่ออกมาก็ไม่ต่างกันมากนัก
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลย่อมมีแผนการรักษาและมาตรการปฐมพยาบาลที่ครอบคลุมและเป็นระบบกว่า ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันอีกด้วย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้สำหรับการปฐมพยาบาลและงานกู้ภัยในฐานปฐมพยาบาลเลย
ศักยภาพในการจัดตั้งทีมแพทย์ชั่วคราวเพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บในสภาพแวดล้อมดังกล่าวจนบรรลุผลสำเร็จนี้ คงพอจะอธิบายอะไรได้บ้างใช่หรือไม่
อาคามอสพูดต่อ “คุณไม่เห็นขั้นตอนการปฐมพยาบาลของที่นี่เลยเหรอครับ ตั้งแต่การแบ่งระดับความรุนแรง การวินิจฉัย ไปจนถึงการรักษาล้วนเป็นไปอย่างมีระบบ โดยที่ทั้งหมดนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาชั่วคราวและก็ไม่ได้มาแบบสำเร็จรูปแต่แรก กลับกัน คนที่คิดค้นสิ่งเหล่านี้ก็คือไป๋เยี่ย”
“การแพทย์ฉุกเฉินไม่ใช่แค่การรักษา แต่กระบวนการทั้งหมดเป็นการเชื่อมโยงระหว่างการป้องกันเบื้องต้นไปจนถึงการรักษาขั้นสุดท้าย นี่แหละคือการแพทย์ฉุกเฉินที่แท้จริง”
“ไป๋เยี่ยคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สิ่งที่เขากำลังทำน่ะยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกว่าของเราอีก ในขณะที่พวกเราแค่ปฐมพยาบาลเคสกระดูกหักฉุกเฉินเท่านั้น แค่เราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ก็เพียงพอแล้ว พวกเราก็ทำแค่ส่วนของเราพอ ถ้าพวกเราทำตามระบบที่ไป๋เยี่ยวางไว้ เราก็จะทำงานได้อย่างมีแบบแผนยิ่งขึ้น เข้าใจไหมครับ”
หลังจากที่โยฮันได้ฟังคำพูดของอาคามอสแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินอาคามอสประเมินคนอื่นแบบนี้ อีกอย่าง…ไป๋เยี่ยยังอายุน้อยมาก เขาจะน่ากลัวอย่างที่พูดจริงหรือ
โยฮันคิดแล้วก็ขนลุก
อาคามอสเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “มาเถอะครับ ทำตามแผนกัน อีกเดี๋ยวเราค่อยรายงานแผนของเราให้คุณไป๋เยี่ยฟัง ถ้าผมอธิบายละเอียดพอเขาต้องเห็นด้วยแน่นอน”
อันที่จริงอาคามอสวางแผนเสร็จตั้งแต่ก่อนมาถึงเมียนมาแล้ว แต่เขาก็ต้องปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน
อาคามอสคาดหวังกับงานมาก ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นที่เขามีต่อไป๋เยี่ยมากเกินกว่าจะบรรยายได้
สามชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาได้เดินไปดูงานในหลายๆ ส่วนและค้นพบเรื่องสุดสะพรึง นั่นคือไป๋เยี่ยกำลังทำเรื่องใหญ่โตอยู่ สิ่งที่ไป๋เยี่ยทำนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ในขอบเขตเล็กๆ แต่กลับเป็นแผนการใหญ่
ซึ่งแผนการที่ว่านั้นล้วนเกี่ยวข้องกับการแพทย์ฉุกเฉินทั้งสิ้น
ปัจจุบันเวชศาสตร์ฉุกเฉินเป็นสาขาวิชาที่กำลังพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบันทั่วโลกเองก็กำลังศึกษาสาขานี้อยู่ อย่างไรก็ตาม การศึกษาสาขาวิชานี้ไม่ได้อาศัยเพียงการวิจัยเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการปฏิบัติจริงด้วย
อาคามอสยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทึ่ง ยิ่งนึกไปถึงสิ่งที่ไป๋เยี่ยกำลังทำ เขาก็คิดว่ามันน่าสะพรึงด้วยซ้ำ
เขาได้รับสถิติเหล่านี้จากนายกเทศมนตรี ซึ่งนี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมทางการเมียนมาถึงสนใจในตัวไป๋เยี่ยมาก
นอกจากนี้ สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินยังครอบคลุมองค์ความรู้จากหลากหลายสาขาวิชาและไม่ใช่สาขาเล็กๆ แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม อาคามอสก็ได้ค้นพบว่าเทคนิคและวิธีการปฐมพยาบาลที่ทีมแพทย์ของที่นี้ใช้ล้วนเป็นวิธีการใหม่ทั้งหมด
เทคนิคเหล่านั้นช่วยเปิดหูเปิดตาให้อาคามอสได้มาก ต่อมาเขาก็เริ่มรู้สึกทึ่งกับเทคนิคใหม่ๆ มากมายเหล่านั้น
หลังจากที่เขาลองไปแอบฟังมา เขาก็ได้รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังทำตามสิ่งที่ไป๋เยี่ยสอน นั่นคือการเปรียบเทียบวิธีการปฐมพยาบาลใหม่ๆ กับวิธีการดั้งเดิม