ตอนที่ 283 วางแผน เข้าคุกหลวง (1)
คนที่อยู่ในรถม้า ไม่ได้มีเพียงสตรีชั้นสูงของเมืองหลวง แต่ยังมีบัณฑิตที่ออกเดินทางช้าของสำนักวิชาการซึ่งมาเป็นกรรมการ ท่ามกลางคนเหล่านี้มีคนใดบ้างที่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตา
อาอู่โมโหอย่างมาก แต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน เขาเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่รู้ว่าควรจะโต้เถียงอย่างไร ทำได้เพียงฟาดแส้ลงไปอีกครั้ง “ไส…”
คำพูดนี้เขากัดฟันแน่น เปล่งออกมายากยิ่ง ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่ซ่านด้วยไอสังหาร
บัณฑิตคนนั้นทำตัวน่าสงสาร “สามีภรรยาหนึ่งวันความสัมพันธ์แน่นแฟ้น…ทุกคนมาดูเร็ว! มีหลักเหตุผลเช่นนี้หรือไม่ ภรรยาไม่ยอมรับสามี ทั้งยังจะตีสามีให้ตายทั้งเป็น…บุตรีท่านกั๋วกงกำลังจะท้าทายสวรรค์แล้ว…”
“รนหาที่ตาย!” อาอู่ไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ยกมือขึ้นกำลังจะฟาดแส้ลงไป ทว่ากลับมีคนมาคว้าแส้ของเขาเอาไว้ คนผู้นั้นคือผู้บัญชาจางทหารรักษาการณ์ของป่าดอกท้อผืนนี้
“สามีมาหาภรรยา ยังพูดไม่ทันจบ เหตุใดเจ้าต้องสังหารคนด้วย ผู้ใดมอบความกล้านี้ให้เจ้า กล้าทำเรื่องเหี้ยมโหดในอุทยานของราชวงศ์? หากไม่ใช่เพราะข้าออกลาดตระเวน คนผู้นี้คงตายด้วยแส้ของเจ้าแล้วกระมัง บ้านเมืองยังมีกฎหมายหรือไม่ คุณหนูจวนกั๋วกงช่างเหิมเกริมยิ่งนัก แม้แต่บ่าวรับใช้ที่เป็นเพียงสารถีของตระกูล ยังสามารถฆ่าแกงคนได้พร่ำเพรื่อ…”
ไม่อาจสังหารคนในบริเวณรอบๆ อุทยานของราชวงศ์ แต่นางเพิ่งออกมา ก็มีคนมาขวางรถม้าพอดี อีกทั้งหัวหน้าทหารก็ยังมาช่วยคนคนนี้ได้ทันเวลา เมื่อบังเอิญมากเกินไป ก็จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น…แผนการ!
เวลานี้มั่วเชียนเสวี่ยกระจ่างชัด ฮองเฮารอจัดการนางที่นี่
เริ่มจากการให้คนทำลายความบริสุทธิ์ของนางก่อน จากนั้นค่อยให้คนปลอมตัวเป็นสามีของนาง ครึ่งปีที่นางหายตัวไป คาดว่าคงมีคนมากมายสงสัย หากมีสามีโผล่มา อีกทั้งนางก็ไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์ เช่นนั้นนางก็จะต้องโทษฐานหลอกลวงจักรพรรดิ ไม่อาจละเว้นโทษได้
ช่างอำมหิตยิ่งนัก!
หนิงเซ่าชิงเคยวิเคราะห์ให้นางฟัง คนที่ตระกูลมั่วส่งไปทันได้รายงานคร่าวๆ เท่านั้น จากนั้นก็ตายด้วยน้ำมือของอิ่งซา คนที่รู้ความสัมพันธ์ของพวกนางน่าจะมีเพียงคนสำคัญของตระกูลเซี่ยและฮ่องเต้เท่านั้น
นางออกมาจากวังหลวงได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นก็หมายความว่าฮ่องเต้ยอมรับตำแหน่งบุตรีสายตรงนี้ของนางแล้ว
เวลานั้น ฮ่องเต้ไม่อาจหาเรื่องเพราะความสัมพันธ์ของพวกนางได้ และไม่กล้าด้วย หากตอนนั้นเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา บีบเค้นนางมากเกินไป นางเข้าไปในตระกูลหนิงอย่างห้าวหาญ นั่นเป็นเรื่องที่ฮ่องเต้ไม่อยากจะเห็นที่สุด
เขาเอาชีวิตของนางได้ แต่สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าคืออำนาจทางการทหารที่อาจจะอยู่ในมือนาง
มีคนที่ฮ่องเต้ไว้ใจได้อยู่ในจวนอยู่แล้ว สาวใช้สองคนที่เคยตรวจค้นเรือน วันแรกที่มาถึงเรือนตอนอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง ก็คอยสังเกตดูว่านางยังเป็นหญิงพรหมจรรย์หรือไม่ อยากจะรู้ว่านางกับหนิงเซ่าชิงเกี่ยวข้องกันถึงระดับใด ฮ่องเต้ทราบดี นี่ก็เป็นเหตุผลที่ฮ่องเต้ปล่อยนางไป
“สามหาว! คุณหนูใหญ่แห่งจวนกั๋วกงของข้ายังไม่เคยออกเรือน แล้วจะมีสามีได้อย่างไร เจ้าเป็นคนชั่วจากที่ใด จึงกล้ามาก่อความวุ่นวาย ข้าว่าเจ้าคงคร้านจะหายใจแล้วกระมัง”
มั่วเหนียงเปิดม่าน เดินออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น แล้วเตะบัณฑิตคนนั้น
แน่นอนว่าเตะไม่โดน หัวหน้าทหารป้องบัณฑิตคนนั้นไว้ด้านหลัง “คนจวนกั๋วกงของพวกเจ้าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ฆ่าคนตามอำเภอใจเช่นนี้หรือ”
มั่วเหนียงหัวเราะในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม “ใต้เท้าเชื่อคำพูดของคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แล้วเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของคุณหนูจวนกั๋วกงพวกข้า สิ่งนี้ต่างหากที่เรียกว่าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา”
ผู้บัญชาจางเป็นเดือดเป็นร้อน “บัณฑิตคนนี้เรียกชื่อแซ่ได้ถูกต้อง พูดชัดเจน อีกทั้งใครในเมืองหลวงบ้างที่จะไม่รู้ว่าบุตรีสายตรงแห่งจวนกั๋วกงหายตัวไปนานกว่าครึ่งปี หากพวกเจ้าไม่พูดให้ชัดเจน เช่นนั้นข้าจะช่วยพูดแทนบัณฑิตคนนี้เอง… สิ่งที่จอมยุทธ์อย่างเราให้ความสำคัญคือความน่าเชื่อถือและคุณธรรม ในเมื่อบุตรีสายตรงของท่านกั๋วกงแต่งงานแก้เคล็ดกับเขาแล้ว เช่นนั้นก็ย่อมเป็นภรรยาของเขา…สตรีที่ดีไม่มีสองสามี แม้จะมีฐานันดรศักดิ์สูงส่งเพียงใด หรือว่าจะเอาเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้ เมื่อสตรีออกเรือนแล้ว อยากจะทอดทิ้งบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ไม่ถูกต้อง”
“ใต้เท้าช่างน่าขันเสียจริง คนชั่วช้าเช่นนี้ ล่วงเกินสตรีชั้นสูงในที่สาธารณะ ใต้เท้าไม่เพียงไม่ทำโทษ แต่กลับปกป้อง ช่างแปลกพิลึกเสียจริง”
“แปลกอย่างไร ข้าว่าเจ้าร้อนตัว หากคุณหนูของพวกเจ้าเป็นหญิงบริสุทธิ์ หากยังไม่เคยแต่งงาน เช่นนั้นเจ้าจะเกรงกลัวสิ่งใด ที่แห่งนี้มีสตรีชั้นสูงมากมาย ให้สตรีคนใดก็ได้มาดูว่าแต้มพรหมจรรย์ของคุณหนูพวกเจ้ายังอยู่หรือไม่ ความจริงทุกอย่างก็ประจักษ์แล้ว”
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะในลำคอ คิดไม่ถึงว่าบุรุษที่เป็นทหารจะพูดหลักการได้มากมายเช่นนี้ หากไม่ได้เตรียมพร้อมตั้งแต่แรก นางคงไม่เชื่อจริงๆ
ฮองเฮาใส่ใจเกินไปแล้ว!
ทว่า ฮองเฮากลับไม่รู้ ฮองเฮาคิดว่ากำนัลปลอมสองคนนั้นเข้าไปในเรือนเพื่อทำลายความบริสุทธิ์ของมั่วเชียนเสวี่ย สุดท้ายกลับทำลายพรหมจรรย์นางกำนัลคนสนิทของบุตรีตนเอง
เกรงว่าครั้งนี้ แผนการของฮองเฮาล้มเหลวอีกแล้ว
แต่ว่า นางอยากดูการแสดงต่อ อยากดูว่า ฮ่องเต้จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้
นางไม่รีบร้อน!
มั่วเหนียงได้รับการชี้แนะจากนางตั้งแต่แรกแล้ว “คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นบุตรีสายตรงแห่งจวนกั๋วกง ตามหลักแล้วเป็นสตรีชั้นสูงขั้นเจ็ด แต้มพรหมจรรย์ของคุณหนู ความบริสุทธิ์ของคุณหนู เจ้าที่เป็นเพียงหัวหน้าทหารตัวเล็กๆ คิดอยากจะดูก็ดูได้เช่นนั้นหรือ ตลกยิ่งนัก! หากเจ้าไม่ยอมหลีกทาง เช่นนั้นคุณหนูของพวกเราจะร้องเรียนต่อราชสำนัก เมื่อถึงเวลา เกรงว่าเจ้าจำต้องแบกรับผลที่ตามมา”
ขณะมั่วเหนียงพูด ใบหน้าของผู้บัญชาจางฉายรอยยิ้มเยือกเย็นที่เปี่ยมไปด้วยความทระนง เขาเป็นหัวหน้าทหารรักษาการณ์ในป่าท้อแห่งนี้ แน่นอนว่านางกำนัลปลอมสองคนนั้นย่อมเข้าไปโดยผ่านเขา
เรื่องนี้ดำเนินการด้วยความแยบยล สองคนนั้นไม่ลืมสิ่งที่เขากำชับ หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วให้ใช้สีขาดแต้มลงบนแขนของสตรีคนนั้น แค่ว่า สีแดงนี้ล้างด้วยน้ำก็หายแล้ว…
แน่นอน ตอนที่ทั้งสองกลับมารายงานว่าทำสำเร็จแล้ว ก็ได้รับรางวัล…ถูกปลิดชีพ! เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เบื้องบนมีรับสั่ง มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะรักษาความลับไว้ได้ เขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
สงสารก็แต่สตรีโง่เขลาแห่งจวนกั๋วกง ยังคิดว่าตนเป็นหญิงพรหมจรรย์!
ใบหน้าของผู้บัญชาจางฉายความเย้ยหยัน ขณะที่เขากำลังจะพูด เสียงขององค์หญิงอวี้เหอก็ดังขึ้น
“คุณหนูมั่ว ไม่รู้ว่าข้ามีสิทธิ์ดูหรือไม่” เสียงขององค์หญิงอวี้เหอดังก้อง คนในรถม้าไม่อาจปฏิเสธอำนาจขององค์หญิงได้
ทางด้านนี้มีเสียงโวยวายดังก้อง ทั้งยังกีดขวางถนนหนทาง องค์หญิงอวี้เหอออกจากสวนดอกท้อหลังพวกนาง แน่นอนว่ารถม้าของนางย่อมถึงนานแล้ว แล้วนางจะยังมาไม่ถึงได้อย่างไร นางจะพลาดละครฉากใหญ่ที่เสด็จแม่จัดแสดงได้อย่างไร
เสด็จแม่เคยบอกว่า ทำเช่นไรก็ได้ให้มั่วเชียนเสวี่ยอับอาย ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็วางแผนมาเป็นอย่างดี เรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งดี ทางที่ดีที่สุดให้เรื่องนี้ไปจนถึงเสด็จพ่อ ให้หญิงสารเลวคนนั้นไม่อาจโต้เถียง สุดท้ายไม่เพียงทำลายชื่อเสียงของตนเอง ทำให้บิดามารดาขายหน้า แม้ตายก็นอนตายตาไม่หลับ
“หม่อมฉันน้อมทำความเคารพองค์หญิงอวี้เหอ” มั่วเชียนเสวี่ยเดินออกมาจากรถม้า เดินมาตรงหน้าราชรถขององค์หญิงแล้วโน้มตัวลงทำความเคารพ ไม่ตอบแต่กลับพูดประชดประชัน “หม่อมฉันได้ยินมาโดยตลอดว่าองค์หญิงอวี้เหอจิตใจเมตตา มีความยุติธรรม หรือว่าองค์หญิงจะฟังความข้างเดียว ไม่สืบสวนแต่อย่างใด องค์หญิงอวี้เหอก็เชื่อคำพูดเหลวไหลเหล่านี้แล้วหรือเพคะ”
ด้านในราชรถมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น เปี่ยมไปด้วยความเสียดายและจนปัญญา “ข้าย่อมเชื่อว่าคุณหนูมั่วบริสุทธิ์ แต่คำพูดเหลวไหลเหล่านี้กลับพูดเป็นเรื่องเป็นราว มีเหตุผลและมีหลักฐาน แม้ว่าข้าจะไม่เชื่อ แต่คนอื่นๆ ย่อมสงสัย เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะคำนึงถึงความบริสุทธิ์ของคุณหนูมั่วเอง”