บทที่ 246 ความสงสัยฆ่าแมวได้

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 246 : ความสงสัยฆ่าแมวได้

“เทวรูปดิน S-277?”

เรซิเอลพึมพำหมายเลขซีเรียลโค้ดออกมาขณะที่สายตาของตัวเองยังคงจับจ้องสาวน้อยในคาเฟหนังสือ ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวมรกต เรืองแสงแปลก ๆ ผ่านกระจกหน้าต่าง

จากรูปลักษณ์ของเธอ สาวน้อยผู้นี้ดูราวกับดอกแดฟโฟดิล เงียบงันทว่าประณีตบรรจง เมื่อผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมองเธอ เธอดูราวกับดวงจันทร์ดวงยักษ์ที่แขวนอยู่บนฟ้า ดึงความสนใจของทุกคนได้แม้จะไม่ส่งเสียง

แต่ในสายตาของเรซิเอล ทุกอย่างต่างออกไป

เขาหยิกขอบแว่นของตัวเองแล้วหมุนปุ่มเล็ก ๆ บนนั้นเบา ๆ ลวดลายสีทองที่อัดกันแน่นก็ปรากฏขึ้นบนเลนส์แว่นของเขาครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะหายไป

ทัศนวิสัยของเขาถูกเปลี่ยน แล้วสาวน้อยที่ตัวเองเห็นก็ดูราวกับเวลาถูกย้อนกลับไปเมื่อสองสามเดือนก่อน

ชุดพนักงานสั่งทำของเธอเปลี่ยนไปเป็นเสื้อเชิ้ตง่าย ๆ เส้นผมของเธอเปียกปอน และร่างทั้งร่างของเธอก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผล ช่วงต้นคอของเธอเปื้อนเลือดอย่างเห็นได้ชัด

“น่าสนใจ…”

เรซิเอลหมุนปุ่มบนกรอบแว่นของเขาอีกครั้ง แล้วภาพตรงหน้าเขาก็ถูกย้อนเวลาต่อไป

ผ้าพันแผลรอบ ๆ คอของสาวน้อยค่อย ๆ คลายออก แล้วเลือดก็ค่อย ๆ หายไป เนื้อเยื่อของเธอค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นใหม่ ผิวของเธอฟื้นฟูขึ้นมา แล้วรหัสประจำตัว S-277 ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนต้นคอขาวเนียนของเธอ

เรซิเอลกวักมือพร้อม ๆ กับที่เขาเขียนโค้ดนั้นลงบนแผ่นกระดาษ

“สแกนรหัสนี้แล้วดึงข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์ ‘เทวรูปดิน’ มาที” เรซิเอลสั่งการพลางส่งกระดาษให้เจโรม

“ครับ ท่านเรซิเอล!”

เจโรมรับกระดาษมาแล้วทำงานทันที คว้าเครื่องสแกนขึ้นมาแล้วเริ่มสแกน พวกเขาอยู่ในห้องแลปที่มีอุปกรณ์ครบครันกันอยู่แล้ว

ปี๊บ! ปี๊บ!

คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องสแกนเริ่มฉายข้อมูลการทดลองและภาพจากกล้องวงจรปิดขึ้นมา

ข้อมูลการทดลองในโปรเจ็กต์ ‘เทวรูปดิน’ นั้นเป็นความลับ แต่ด้วยความที่เจโรมเป็นไส้ศึก เขาอำนวยให้เกิดการทำลายโรงงานต่าง ๆ แล้วขโมยตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดออกไปได้สองตัว ยิ่งกว่านั้น เขายังทำกระทั่งสูบข้อมูลทั้งฐานข้อมูลออกมาได้

“คัดมาเฉพาะภาพของ S-277 แล้วก็รวมข้อมูลการทดลองของเธอมาเป็นกราฟ เจ้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร” เรซิเอลสั่งต่อ

แน่นอนว่าเจโรมรู้ว่าเขาต้องทำอย่างไร

แม้ว่าจะไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านเครื่องกลหรือด้านเล่นแร่แปรธาตุและไม่ได้เข้าใจข้อมูลเหล่านี้เท่าไหร่ก็ตาม เจโรมก็ยังทดสอบข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ซ้ำ ๆ อยู่ดีในทุกครั้งที่เขาทดลองโอสถอาถรรพ์สูตรใหม่

นี่คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานสำหรับนักวิชาการทุกคน

ทว่า…ถ้าเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ นี่เป็นงานที่ผู้ช่วยหรือลูกศิษย์จะทำให้พวกเขา…

เจโรมไม่พูดอะไรทั้งนั้นแล้วทำงานของตัวเองไปเงียบ ๆ

ต่อหน้าเรซิเอล เขาก็ไม่ต่างกับเด็กเดินเอกสาร หรือบางทีอาจต่ำต้อยกว่านั้นอีก เขาคงแค่มีความฉลาดมากกว่าหุ่นยนต์ทำความสะอาดขึ้นมานิดนึงเท่านั้นเอง

เพราะถึงอย่างไร เรซิเอลนั้นคือไอดอลตลอดชีวิตสำหรับนักวิชาการทุกคน เป็นผู้บุกเบิกทุกความรู้ที่พวกเขาศึกษา

หนังสือพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใดต่างก็มีคำพูดที่มีชื่อเสียงของเขาบนหน้าแรกทั้งนั้น พร้อม ๆ กับภาพวาดเชิงแอบสแตร็กต์ที่บิดเบี้ยวราวกับเขากำลังจ้องลึกเข้าไปในวิญญาณของผู้อ่าน

สายตาสั่งตายนั้นกลายเป็นฝันร้ายสำหรับนักวิชาการหนุ่มสาวมากมายในตอนที่พวกเขาสะดุ้งตื่นกลางดึก

ทฤษฎีพื้นฐานในวิชาต่าง ๆ ทุกวันนี้ต่างถูกเสนอขึ้นมาโดยเรซิเอลทั้งนั้น เขาดูจะเป็นคนที่ยกระดับของนักวิชาการให้เด่นขึ้นมาในเหล่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยตัวคนเดียว

หากทั้งหมดนี้ดูเว่อร์วังเกินไปที่จะทำให้ผู้ฟังประเมินได้ถึงสถานะและอำนาจของชายผู้นี้ล่ะก็

ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องยิบย่อยเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึง…

ผู้ที่ออกแบบและสร้างโครงสร้างเหล็กที่แบกเมืองใหญ่ยักษ์อย่างนอร์ซินไว้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเรซิเอล

หรือก็คือ…

“ภูมิปัญญาแห่งสวรรค์…ผู้นำแห่งนักวิชาการ…ปรมาจารย์เหล็กกล้า แกรนแธม ยูมีร์!!”

เจโรมใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจัดระเบียบข้อมูลอย่างช้า ๆ พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

เขารีบมาที่นี่อย่างตื่นตระหนกเพื่อรายงานสถานการณ์ให้กับเรซิเอลหลังจากบอกให้แอนดรูว์ไปซื้อเวลาให้เขา ไม่มีหนทางใดที่จะกลบเกลื่อนความผิดของเขาได้ในครั้งนี้เลย อย่างมากที่ทำได้ก็คือแก้ตัวในขณะที่เตรียมใจรับบทลงโทษเท่านั้น

ทว่าในตอนนี้ ท่านเรซิเอลดูเหมือนจะถูกผู้ช่วยร้านหนังสือดึงดูดสายตาไปหมดแล้ว

“แต่พูดตามจริงแล้ว คาดไม่ถึงเลยแฮะว่าผู้ช่วยร้านหนังสือคนนี้จะกลายเป็น S-277 ที่หายไปซะได้…” เจโรมพึมพำอย่างอึ้ง ๆ เล็กน้อย

เจโรมตกใจนิดหน่อย

ในไม่กี่เดือนก่อน เจโรมฉวยโอกาสระหว่างช่วงชุลมุนจากเหตุการณ์กระจกมนตราแล้วใช้ ‘สัมผัสแห่งจิตวิญญาณ’ กระจายอิทธิพลใส่คนงานในโรงงานคนหนึ่งให้ระเบิดศิลานักปราชญ์ที่ไม่เสถียรไปหนึ่งกองเต็ม ๆ

แล้วเขาก็ช่วยให้สมาชิกของวิถีแห่งดาบอัคคีขโมยร่างทดลองที่สมบูรณ์ที่สุดออกมาสองร่าง ทว่าหลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว ก็ปรากฏว่ามีมนุษย์ประดิษฐ์อีกหนึ่งตัวที่หายไป

ทีแรก พวกเขาคาดไว้ว่ามีกลุ่มคนอื่นเข้ามาพัวพัน หรือมนุษย์ประดิษฐ์นั้นอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดระเบิดมากเกินไปจนถูกทำลาย

ทว่าไม่มีใครคาดคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นผู้ช่วยเจ้าของร้านหนังสือผู้ลึกลับไปได้

จากที่เห็นแล้ว S-277 คงไม่แคล้วเป็นตัวทดลองที่สมบูรณ์แบบ เธอจงใจซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่แรก นำไปสู่ผลการทดลองที่ไม่ตรงตามจริง

เจโรมแอบชำเลืองมองแผ่นหลังของเรซิเอลและภาพในกระจกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วคิดในใจว่า ท่านเรซิเอลไม่พอใจกับตัวอย่างทดลองทั้งสอง แล้วในตอนนี้เมื่อเขาหา S-277 เจอ เขาคงอยากกู้คืนเธอทุกวิถีทาง

เราหยุดไม่ให้พรีม่าไปขอลี้ภัยที่ร้านหนังสือไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้น แล้วร้านหนังสือก็จะเป็นศัตรูกับเราแน่ ๆ แต่ในเมื่อ S-277 ถูกเจอ เราก็นับได้ว่าได้ชดใช้ความผิดแล้ว…

“ในเมื่อท่านเรซิเอลสนใจ ขอแค่เขาลงมือพวกนายก็จบเห่แน่ ต่อให้เป็นร้านหนังสือก็เถอะ!” เจโรมหัวเราะคิกอย่างชื่นมื่นในใจ

เขาอดไม่ได้ที่จะวาดฝัน ถ้าเรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาก็จะนับได้ว่าสร้างผลงานโดดเด่น และคงได้เติมเต็มความทะเยอทะยานอันยาวนานที่จะได้ควบคุมทั้งสมาคมแห่งสัจธรรมได้

เจโรมไม่ได้กำลังละเมอเพ้อพก สมาคมแห่งสัจธรรมถูกแทรกแซงโดยลูกน้องของท่านเรซิเอลมาก่อนเขานานแล้ว พวกเขาควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของมันมาหลายต่อหลายปี ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทำโครงการสร้างมนุษย์ประดิษฐ์ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยอิงแค่ความสามารถของนักวิชาการอย่างเดียวได้อย่างไร?

ท่านเรซิเอลก็แค่ใช้ทรัพยากรของสมาคมแห่งสัจธรรมเพื่อบรรลุแผนของเขาเอง

ที่จริงแล้ว มนุษย์ประดิษฐ์พวกนี้ก็คือผลจากการวิจัยของท่านเรซิเอล

และบางทียุคสมัยนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาสู่อำนาจของเจโรมแล้วก็ได้?

ในระหว่างนั้น ความสนใจของเรซิเอลกลับไปที่ร้านหนังสือแล้ว เขาตั้งใจจะใช้กระจกเพื่อแอบดูด้านในร้านหนังสือ

แต่ในตอนนั้นเอง ความรู้สึกอันตรายร้ายกาจก็ได้หยุดเขาไว้ แล้วทำให้เรซิเอลชะงักนิ่งกับที่

ดวงตาของเรซิเอลหรี่ลงในขณะที่เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย

มันหลายปีแล้ว…นับแต่ที่เขาได้ประสบความรู้สึกอันตรายที่ชัดเจนนี้ มันราวกับว่าถ้าหากเขาเหลือบมองเข้าไปแม้แต่แวบเดียว เขาจะต้องจมดิ่งลงสู่นรก

ความสงสัยของเรซิเอลถูกกระตุ้นขึ้นมาในทันที

ร้านหนังสือซ่อนอะไรอยู่กันแน่?

เรซิเอลก้าวข้ามความลังเลชั่วประเดี๋ยวของเขา แล้วยกมือขึ้นไปที่กรอบแว่นตา แล้วเริ่มหมุนปุ่มบนนั้นช้า ๆ