ตอนที่ 485 ขาดคุณธรรม ตอนที่ 486 หลงผิดเชื่อ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 485 ขาดคุณธรรม

ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ยินดังกล่าวต่างก็อดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาไม่ได้

“เอ้ ลุงคนนั้นน่ะ ลองพูดมาดีๆ สิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” คุณชายจากตระกูลผู้ร่ำรวยกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ผู้จัดการร้านตระหนกตกใจ “นายท่านผู้นี้ เขาก็แค่คนปากเสียไม่เอาไหน คำพูดที่เขาเอ่ยจะเชื่อถือได้หรือ คนลักษณะเช่นนี้รีบไล่ไปให้ไกลๆ ก็สิ้นเรื่อง จะปล่อยให้พูดจาสร้างความรำคาญหูแก่ทุกท่านไม่ได้เชียว”

“พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก พวกเรามาซื้อของร้านชุ่ยเยียนไจของพวกเจ้า ถึงอย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้ว่าร้านของเจ้าแห่งนี้มีคุณธรรมหรือไม่ และจะว่าไปก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องรีบไปทำ ขอมองดูหน่อยแล้วกัน หากที่เขาพูดมีเหตุผลก็จะได้ไม่มีคนทำร้ายชีวิตน้อยๆ ของคนเขา ทุกคนว่าใช่หรือไม่” คุณชายจากตระกูลผู้ร่ำรวยคนนั้นยิ้มแล้วเอ่ยพูด

แน่นอนว่าเขาก็ไม่ถือว่าเป็นผู้จิตใจดีงามยื่นมือเข้ามาช่วยทวงความเป็นธรรมให้แต่อย่างใด เพียงแค่เพราะ…รู้สึกน่าสนใจดีก็เท่านั้น

เป็นความจริงที่ว่าร้านชุ่ยเหยียนไจดูถูกคนยากจนธรรมดาทั่วไป แต่กับลูกหลานตระกูลผู้ร่ำรวยประเภทนี้กลับปฏิบัติอย่างหน้ามือเป็นหลังมือโดยสิ้นเชิง

อีกทั้งในหมู่ลูกหลานตระกูลคนร่ำรวยเหล่านี้ โดยปกติล้วนมีการไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง ต่อให้เป็นทัศนคติของคนเพียงคนเดียว ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงภาพรวมของร้านชุ่ยเหยียนไจได้เช่นกัน

เว่ยไฉพลันดีอกดีใจ

“คุณชายช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ!” เขาก้มคำนับศีรษะลง ณ ตรงนั้นทันทีสองครั้ง

“พูดมาสิ ข้ากล้ารับประกันได้ว่ามีข้าอยู่ทั้งคน ตอนนี้จะไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรเจ้าได้” คนผู้นั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ในเวลานี้หากไม่ร้องทุกข์แล้วจะมัวรออะไรอยู่อีกเล่า

“เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ในวันนั้นข้าไปเล่นพนันตามปกติเช่นที่ผ่านๆ มา แล้วทีนี้…ทีนี้ผู้ดูแลร้านหยวนคนนี้ จู่ๆ เขาก็มาขวางทางไปของข้า เขาหยิบเงินออกมายี่สิบตำลึงเงิน ให้ข้าหลอกล่อคนที่นามว่าซ่งฝูซานไปโรงพนัน ข้าเคยทำงานอยู่ที่โรงย้อมสี ซึ่งซ่งฝูซานก็ทำงานอยู่ที่เดียวกันและมีความสัมพันธ์ที่นับว่าไม่เลวกับข้า คนผู้นั้นเป็นคนหนึ่งที่ซื่อตรงด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นคนหนึ่งที่ซื่อสัตย์มากจริงๆ…

ตอนนั้นข้าไม่ค่อยยินยอมสักเท่าไร แต่ด้วยความที่ชีวิตของข้าลำบากยากเข็ญมากจริงๆ จึงไม่อาจต้านทานสิ่งหลอกล่อได้ ก็เลยตอบตกลงไป

เมื่อรับเงินมาแล้ว ต่อมาก็ไปหาซ่งฝูซาน ให้เขาช่วยข้าอย่างหนึ่ง โดยให้เขาไปลงเล่นพนันแทนข้า ซึ่งนั่นก็นับเป็นครั้งแรกที่ซ่งฝูซานไปโรงพนันด้วยเช่นกัน หลังเข้าไป เขาก็สมทบเงินเพิ่มลงไปอีกไม่กี่อีแปะ แต่โชคดีทีเดียว ผลสุดท้ายเขาก็เอาชนะได้จริงๆ…

ข้าแอบติดตามเขาอยู่สองสามวัน ค้นพบว่าสองวันก่อนเขาหักห้ามใจไม่ได้จริงๆ จึงไปที่โรงพนันแห่งนั้นอีกครั้ง… เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าทำหน้าที่ที่ผู้ดูแลร้านหยวนมอบให้เสร็จสิ้นแล้ว…ดังนั้นวันนี้จึงมาหาผู้ดูแลหยวนเพื่อรับเงิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ดูแลร้านหยวนไม่เพียงแต่ไม่ให้เงิน มิหนำซ้ำยังให้คนทำร้ายข้าจนบาดเจ็บอีกด้วย…

ครอบครัวซ่งฝูซานก็เป็นแค่ครอบครัวชาวไร่ชาวสวน ทว่าร้านชุ่ยเหยียนไจเปลืองแรงถึงเพียงนี้เพื่อให้ข้าทำร้ายเขา ข้าเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน ก่อนลงมือทำเรื่องดังกล่าวจึงไปสืบถามดูเสียหน่อย ก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วซ่งฝูซานมีหลานสาวคนหนึ่งที่ทำสบู่หอมได้ แต่คนเขายินดีทำกิจการร่วมกับโรงอี้จวิน และดูถูกการประพฤติตนของร้านชุ่ยเหยียนไจ… ก็เพราะเรื่องนี้ เขาจึงคิดจะให้คนผู้นั้นติดการพนัน และทางที่ดีที่สุดก็ไปถึงขั้นขายที่นา ขายภรรยา ขายลูก!

ข้าไม่ได้เงินและในใจก็รู้สึกละอายใจต่อสหายที่ดีของข้าผู้นั้น… ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่คนดี… แต่ร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้ต่างหากเป็นผู้นำในการกระทำชั่ว!”

“ใช่แล้ว ตอนที่ข้าสืบถามยังได้ยินมาอีกว่าสูตรส่วนใหญ่ของร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้ ล้วนแย่งของผู้อื่นมาทั้งสิ้น!” เว่ยไฉกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เป็นความจริงที่ว่ารูปแบบสินค้าของร้านชุ่ยเหยียนไจมีอยู่มากมาย ลูกค้าเก่าแก่ที่มาเยือนบ่อยครั้งต่างรู้อยู่แก่ใจทั้งนั้น

ส่วนที่ว่าเป็นของที่แย่งผู้อื่นมาหรือไม่…

คนเช่นพวกเขาสนใจเรื่องประเภทนี้ที่ไหนกันเล่า ขอเพียงตนเองได้ใช้ของที่ดีก็เป็นอันใช้ได้แล้ว อย่างไรเสียพวกเขาก็ใช้เงินซื้อเอามา ผู้ที่แย่งของคนอื่นมาไม่ใช่พวกเขาเสียหน่อย

เพียงแต่ในเวลานี้ การเอ่ยขึ้นมาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากถึงเพียงนี้ ก็จะมีนัยสำคัญที่แตกต่างออกไป

พวกเขาคนจากตระกูลร่ำรวยชนชั้นสูงเหล่านี้ เมื่อเทศกาลประจำปีวนมาบรรจบ หรือในตระกูลมีเรื่องมงคล ล้วนจำเป็นต้องทำเรื่องสั่งสมคุณงามความดีเอาไว้หน่อยกันทั้งนั้น

“ผู้จัดการร้าน ร้านของพวกเจ้าทำเรื่องนี้จริงใช่หรือไม่” คุณชายจากตระกูลผู้ร่ำรวยคนนั้นมุ่นคิ้ว “เช่นนี้ก็เป็นพวกเจ้าที่ทำไม่ถูก นี่ยังไม่ขอกล่าวถึงเรื่องที่หาคนอื่นไปกระทำเรื่องบางอย่างให้แล้วไม่ยอมจ่ายเงิน เอาแค่เรื่องที่พวกเจ้าทำ… นี่ก็นับว่าเป็นอะไรที่ขาดคุณธรรมเกินไปแล้ว โรงอี้จวินแห่งนั้นข้าก็รู้จัก เป็นร้านเก่าแก่อันดับต้นแห่งหนึ่งเช่นกันกระมัง ตอนที่ร้านพวกเจ้ายังไม่มาเปิด ข้าเองก็ชื่นชอบของในร้านของพวกเขาไม่น้อยทีเดียว…”

ตอนที่ 486 หลงผิดเชื่อ

ไม่ใช่ว่าต่อมาผู้คนไม่ชื่นชอบสินค้าของโรงอี้จวินแล้ว แต่เพราะทางด้านร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้เข้าใจทำกิจการยิ่งกว่า

สินค้าของร้านชุ่ยเหยียนไจมากกว่าและครบครันกว่า นอกจากนั้นคนผู้นี้ก็ใจกว้างมาก หลายต่อหลายครั้งพวกเขาไม่ต้องมาซื้อของด้วยตัวเอง ทางร้านก็ส่งสิ่งของไปให้ถึงเรือนหลังโตแล้ว มีความหน้าใหญ่ใจโต ต่อให้คิดบัญชีปีละครั้ง ทางด้านร้านชุ่ยเหยียนไจก็รอไหว

เมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าโรงอี้จวินเป็นร้านเก่าแก่ขึ้นชื่อ แต่ทางด้านการเงินไม่มากมายเลยจริงๆ นับวันจึงโอ่อ่าไม่สู้ร้านชุ่ยเหยียนไจ

แน่นอนละว่า สินค้าของโรงอี้จวินใช้ดีมากเช่นกัน บรรดาน้องสาวเขาต่างก็เคยชมเชย เพียงแต่ติดที่ในเมืองนี้คนที่มีฐานะหน่อยล้วนซื้อสินค้าของร้านชุ่ยเหยียนไจ บรรดาน้องสาวเขาก็เช่นเดียวกัน

ด้วยกลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้

“คุณชาย อย่างไรเสียโรงอี้จวินก็เป็นร้านค้าแห่งหนึ่ง ปัจจุบันกิจการเขาก็ดำเนินไปได้ไม่เลวเช่นกัน ท่านเองคงพอรู้ฐานะตัวตนของสตรีที่ทำสบู่หอมผู้นั้นว่าเป็นเช่นไรใช่หรือไม่ขอรับ” เว่ยไฉรีบกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้าลองพูดมาสิ” คนผู้นั้นกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ข้าเคยไปสืบถามทางด้านโรงอี้จวินมาด้วยละ แม่นางผู้นั้นเป็นหญิงม่าย มิหนำซ้ำยังต้องเลี้ยงดูบุตรชายอีกคนหนึ่ง เพียงแต่มีสติปัญญาอันชาญฉลาดมาแต่กำเนิด จึงอาศัยทักษะเหล่านี้หารายได้ มิเช่นนั้นก็คงดำเนินชีวิตต่อไปไม่ได้! อีกทั้งได้ยินว่าทางด้านร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้อยากจะซื้อวิธีการทำ จากนั้นค่อยเอามาทำขายในราคาสูง…ให้พวกท่านใช้…” เว่ยไฉรีบกล่าวทันควัน

เรื่องนี้เขาถามไถ่มาแล้วจริง

ก่อนหน้านี้ร้านชุ่ยเหยียนไจดูถูกซ่งอิงและชื่อเสียงของโรงอี้จวิน แน่นอนว่าโรงอี้จวินก็ไม่ได้โง่เขลาคอยให้คนเขาวางแผนเล่นงานใส่ฝ่ายเดียวเช่นกัน จึงใช้กลยุทธิ์ในลักษณะเดียวกันต่อกรออกไป

ลูกค้าประจำของโรงอี้จวินหรือแถบใกล้เคียง ส่วนใหญ่ล้วนรู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้า ดังนั้นเว่ยไฉอยากจะถามไถ่ให้ได้ความก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น

บรรดาลูกค้าเหล่านั้นครั้นได้ยินดังกล่าวก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า รู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมาเล็กน้อยในใจ

เว่ยไฉรู้เช่นกันว่าตอนนี้ตนมาถูกทางแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงรีบกล่าว “คำพูดเหล่านี้จากปากข้ามิใช่คำลวงหลอกอย่างแน่นอน! ร้านเครื่องประทินโฉมทั่วทั้งเมืองก็มีแค่ร้านนี้ขายราคาแพงที่สุด แต่สิ่งของก็ไม่ได้ต่างจากร้านอื่นมากนัก!”

ครั้นคำพูดนี้หลุดออกมา มีคนที่เดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี

คนผู้นั้นอดพูดใส่ผู้จัดการร้านไม่ได้เช่นกัน “คนผู้นี้แม้ค่อนข้างขาดคุณธรรม แต่ก็เป็นจริงอย่างที่ว่า ยาสระผมแบบเดียวกัน ทางด้านโรงอี้จวินเป็นราคาห้าสิบอีแปะและหนึ่งร้อยอีแปะ ร้านของพวกเจ้ากลับเป็นราคาสี่สิบอีแปะและห้าร้อยอีแปะ ซึ่งยาสระผมที่ราคาห้าร้อยอีแปะนั่นข้าเองก็ใช้แล้วเช่นกัน ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าของโรงอี้จวินสักเท่าไร”

เมื่อพูดถึงยาสระผม ลูกค้าจำนวนไม่น้อยล้วนได้ลองใช้กันแล้วทั้งนั้น

วันนี้ ณ ที่นี้ มีคุณหนูและสตรีชนชั้นสูงอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ต่างก็อดลูบคลำเรือนผมไม่ได้

หลังร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้คิดค้นยาสระผมออกมาได้ ก็นำสิ่งของส่งไปถึงจวนให้พวกนางได้ลองใช้ เมื่อถามราคา ก็ได้ความว่าเป็นราคาห้าร้อยอีแปะ ณ ตอนนั้นรู้สึกเช่นกันว่าแพง แต่ร้านชุ่ยเหยียนไจกลับเอ่ยว่า สิ่งของแตกต่างกับโรงอี้จวิน ใส่วัตถุดิบดีๆ ที่บำรุงดูแลเส้นผมเอาไว้ไม่น้อย…

แต่ข้ารับใช้ที่อยู่ในตระกูลมีหลายคนที่ใช้สินค้าของโรงอี้จวิน เมื่อสูดดมดู…

คล้ายว่าไม่ได้มีความต่างกันเท่าไร

เพียงแต่จะอย่างไรก็คงไม่ดีนักหากผู้เป็นนายกับข้ารับใช้จะใช้ของประเภทเดียวกัน จึงไม่ได้พูดอะไรมากมาย

แต่ตอนนี้ถูกพูดขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้ง ก็คล้ายว่าพวกนางที่เป็นผู้มาจากตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์เป็นคนโง่เขลาก็ไม่ปาน เป็นของเช่นเดียวกับที่บ่าวไพร่ใช้ หากแต่ต้องจ่ายเงินมากกว่า?

สีหน้าของผู้จัดการร้านเปลี่ยนไป

“ฟ้าดินรู้เห็นเป็นพยาน! สิ่งของของร้านพวกเราแตกต่างจริงๆ! เหล่าฮูหยินก็เคยใช้กระมัง สินค้าราคาถูกของโรงอี้จวินแห่งนั้นจะเทียบกันได้อย่างไรเล่า” ผู้จัดการร้านกล่าวด้วยความร้อนใจ

แต่ละคนล้วนสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

หนึ่งในหมู่คนเหล่านั้นติดที่ห่วงภาพลักษณ์หน้าตาจึงกล่าว “สิ่งของดีหรือไม่ดีไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคา ก่อนหน้านี้ก็เชื่อในคำชวนเชื่อของร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเจ้าจึงได้ใช้มัน…เพียงแต่ข้าว่าคนที่แคลงใจในสินค้าของร้านพวกเจ้าคงมิใช่แค่คนเดียว จะเห็นได้ว่า…เป็นข้าเองที่หลงผิดเชื่อในร้านเจ้า”