บทที่ 252 ป้ายมือโลหิต

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 252 ป้ายมือโลหิต

โครมมม—-

เสียงของพื้นกระเบื้องที่ถูกเหยียบย่ำจนแตกร้าว ได้ดังขึ้นภายในสนามกีฬา และกระจายกึกก้องไปทั่ว

พวกผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลเหล่านั้นไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างพวกนักเสวียน ซึ่งในทุกครั้งก็จะสั่นสะเทือนเลือนลั่น โจมตีใส่กันอย่างไม่หยุดยั้ง แต่อย่างกับสถานการณ์ที่ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวตรงเบื้องหน้า โดยมู่เซิ่งเหยียบย่ำอยู่บนหลินยิงโส่วจนต้องคุกเข่าลงไปที่พื้นนั้น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พวกเขาเพิ่งจะพบเห็น

“อ่า อ่า ไม่นึกว่านายจะกล้าให้ฉันคุกเข่าลงไป ฉันจะฆ่านายทิ้งซะ! ”

หลินยิงโส่วคุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องโอดครวญอย่างทรมานที่สุด

เขานั้นเป็นถึงนักเสวียน!

แต่กลับต้องมาคุกเข่าต่อหน้าฝูงชนแบบนี้ โดยความอับอายขายหน้านี้ เขาแทบทนไม่ไหวอยากที่จะบดขยี้มู่เซิ่งให้กลายเป็นผุยผง จึงจะสามารถระบายความโกรธแค้นในใจออกมาได้

เขาส่งเสียงคำราม ขณะเดียวกันพลังเสวียนก็พวยพุ่งขึ้นรอบกาย พร้อมกับใช้สองมือกดไปบนพื้น เพื่อให้พลังเสวียนและแรงกำลังในร่างกายทั้งหมดระเบิดพลังขึ้นพร้อมกัน

ภายใต้พละกำลังขนาดนี้ ต่อให้เป็นภูเขาขนาดเล็ก ก็ถึงกับต้องพลิกคว่ำลงไป

“ฉันอนุญาตให้นายลุกยืนขึ้นแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”

เมื่อรู้สึกถึงพลังแข็งแกร่งที่พวยพุ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้า มู่เซิ่งก็เบะปาก แล้วยิ้ม จากนั้น เขาจึงเพิ่มพลังที่ใต้ฝ่าเท้าทันที ทำให้หลินยิงโส่วที่กำลังจะลุกยืนขึ้นนั้นถูกกดทับจนต้องคุกเข่าลงไปที่พื้นอีกครั้ง

ขณะนี้ ผู้คนโดยรอบถึงกับตกตะลึงอย่างมากจนแทบจะเป็นลมสลบไปเลย

พลังของมู่เซิ่งนี้ ตกลงว่ามีความน่าสะพรึงกลัวถึงระดับขั้นไหนกันแน่?

ทว่า ถึงแม้ผู้คนในสถานที่แห่งนี้จะตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า แต่ก็เพียงแค่มองดูเท่านั้น ไม่มีใครกล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ข้อแรก เป็นเพราะหากถ่ายรูปแล้วก็จะเป็นการล่วงเกินหลินยิงโส่วไปจนถึงสำนักมือโลหิตที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนอีกข้อหนึ่งนั้น นี่คือการต่อสู้กันของนักเสวียน พวกเขาไม่มีสิทธิที่จะถ่ายรูป

“นายจะยอมแล้วหรือยัง? ” มู่เซิ่งมองไปยังหลินยิงโส่วที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าพร้อมกับสอบถามขึ้น

“ไอ้คนเจ้าเล่ห์ นายก็แค่ลอบโจมตีเท่านั้น ฉันไม่ยอมเด็ดขาด! หากแน่จริงก็ปล่อยตัวฉันสิ ให้ฉันได้ต่อสู้กับนายอย่างซึ่งหน้าอีกครั้ง! ” หลินยิงโส่วมีเลือดกลบปาก หน้าตาดุดันโหดเหี้ยม

“ก็ได้ ฉันจะให้นายพ่ายแพ้อย่างศิโรราบ” มู่เซิ่งกระโดดขึ้นในอากาศ ลอยตัวลงมาจากศีรษะของหลินยิงโส่ว แล้วไปยืนอยู่บนสังเวียน เขาเองก็อยากจะดูว่า หลินยิงโส่วคนนี้จะมีแผนการอะไรอีก

แรงกดดันเหนือศีรษะค่อย ๆ ลดน้อยลง หลินยิงโส่วก็กระโดดขึ้นจากพื้นในทันที ดวงตาสองข้างของเขาแดงก่ำแทบที่จะมีเลือดไหลออกมา ขณะเดียวกันก็กระโจนเข้าตะปบมู่เซิ่งอย่างรุนแรง ด้วยพละกำลังทั้งหมด!

“ไอ้หนุ่ม ฉันจะฆ่านายทิ้งซะ! ”

หลินยิงโส่วตะปบไปในอากาศ แต่กลับถูกมู่เซิ่งหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย

แต่ทว่า ในขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าหลินยิงโส่วจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนนั้น เขาก็หันหลังกลับมาอย่างกะทันหัน โดยที่กลางฝ่ามือของเขา ก็ปรากฏป้ายชิ้นหนึ่งที่มีรอยประทับฝ่ามือสีเลือด

ด้านบนของป้ายนี้ เต็มไปด้วยลวดลายโบราณที่แปลกประหลาดมากมาย บริเวณด้านข้าง ไม่นึกว่าจะสามารถมองเห็นเส้นเลือดขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวด้วย โดยเส้นเลือดนี้ราวกับว่ามีชีวิต อยู่ด้านบนของป้าย ขยับเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และยังส่งกลิ่นอายความชั่วร้ายออกมาเป็นระยะ

มู่เซิ่งหันไปมอง พร้อมกับแสดงท่าทางเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

เพราะว่าบนป้ายนี้ เขาเองก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว รวมถึง พลังที่ทำให้คนหวาดกลัว

พลังประเภทนี้ สามารถที่จะคุกคามข่มขู่ต่อชีวิตของเขาได้!

“นี่ นี่คือป้ายมือโลหิตของสำนักมือโลหิต? โอ้วพระเจ้า ไม่นึกว่าหลินยิงโส่วจะนำสิ่งนี้ติดตัวมาด้วย! ” บนแท่นที่นั่งของผู้ชม พลันมีปรมาจารย์คนหนึ่งจดจำป้ายชิ้นนี้ได้ ถึงกับตกใจลุกยืนขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปยังป้ายที่อยู่ในมือของหลินยิงโส่วและพูดตะโกนขึ้น

“ถือว่านายยังมีสายตาที่เฉียบแหลมอยู่บ้าง” หลินยิงโส่วยิ้มและพูดขึ้น

เมื่อพูดจบลง

ผู้คนที่อยู่บนแท่นที่นั่งของผู้ชม ต่างก็เฮฮาโห่ร้องกันขึ้น

คือป้ายมือโลหิตจริง ๆ ด้วย!

ป้ายมือโลหิตนี้ เป็นถึงอาวุธลับพิเศษในการลอบสังหารของสำนักมือโลหิต ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็เคยได้ยินมาบ้าง และยังมีการสืบทอดที่พิสดารลี้ลับอย่างมากด้วย แต่ในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นกับตา

มีตำนานเล่าว่านักเสวียนสามคนที่ถูกสำนักมือโลหิตสังหารนั้น ล้วนจบชีวิตลงภายใต้ป้ายมือโลหิตนี้ทั้งสิ้น ซึ่งความน่าสะพรึงกลัวนี้ เพียงแค่จินตนาการก็น่าจะทราบได้แล้ว

คิดไม่ถึงว่า หลินยิงโส่วจะนำพาป้ายมือโลหิตนี้ติดตัวมาด้วย!

“คุณมู่ นั่นคือป้ายมือโลหิต รีบหลบหนี หลบหนีเร็ว! ”

เหยาเผิงตะโกนเสียงดังจากด้านล่าง เขาประกอบธุรกิจในเมืองเยียนจิงมาหลายปี มีครั้งหนึ่งที่เคยพบเห็นการลงมือของสำนักมือโลหิต โดยใช้ป้ายมือโลหิตนี้ ซึ่งเขาได้รับรู้และสัมผัสถึงสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างแท้จริง

เวลานี้ ในใจของเขานั้นเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของมู่เซิ่งอย่างที่สุด

“ต้วนหนานหมิง หากว่าคุณมู่เกิดอันตรายอะไรขึ้นเล็กน้อยแล้วล่ะก็ ฉันจะทำให้ทั้งครอบครัวของนายต้องตายลงไปด้วยเช่นกัน! ” เหยาเผิงหันหน้ากลับมา ดุด่าว่ากล่าวต้วนหนานหมิงอย่างรุนแรง

ต้วนหนานหมิงมีสีหน้าที่ย่ำแย่ โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร

เรื่องนี้ มันเกินกว่าขอบเขตที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว

เขาคิดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งจะมีพลังความสามารถของนักเสวียน และยิ่งคิดไม่ถึงว่า หลินยิงโส่วยังจะนำพาป้ายมือโลหิตติดตัวมาด้วย

เพราะการประลองยุทธ์ในครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์ทั่วไปว่า ห้ามใช้อาวุธลับ ห้ามกินยา สำหรับป้ายมือโลหิตของหลินยิงโส่วนี้ชัดเจนว่าจัดอยู๋ในประเภทของอาวุธลับแล้ว ซึ่งถือว่าฝ่าฝืนผิดกฎเกณฑ์ของการประลองยุทธ์

ดังนั้น ไม่ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ใครจะรอดใครจะตาย ต้วนหนานหมิงก็คงจะไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

“คุณมู่ คุณจะต้องยืนหยัดเอาไว้ให้ได้นะ” ใบหน้าที่งดงามของคุณเดวี่เองก็ขาวซีด สายตาจับจ้องมองไปที่บนสังเวียน โดยที่จิตใจก็เคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ

ส่วนคนอื่นที่อยู่บนแท่นที่นั่งผู้ชมนั้น เมื่อได้ยินว่าป้ายมือโลหิตแล้ว ต่างก็ขยับถอยหลังไปไกลโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกลัวว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะส่งผลพวงมาถึงตัวด้วย

“ไอ้หนุ่ม กดดันให้ฉันต้องใช้ป้ายมือโลหิต เท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้นายตายลงไปอย่างไม่ต้องเสียใจแล้ว! ”

สายตาของหลินยิงโส่วแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม กว่าที่จะได้ป้ายมือโลหิตนี้มาครอบครองเขาต้องเพียรพยายามอย่างมากเลยทีเดียว แต่เพื่อนำมาใช้สังหารมู่เซิ่ง ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น ฝ่ามือข้างหนึ่งก็ออกแรง บีบป้ายมือโลหิตที่อยู่ในฝ่ามือจนแตกระเบิด พลังเลือดที่แข็งแกร่งรุนแรงได้พวยพุ่งออกมาจากป้ายมือโลหิตนั้น ราวกับคลื่นลมที่โหมกระหน่ำ พัดโหมไปทั่วทุกทิศทาง

ตูมมมมมม!

พลังคลื่นสีเลือดขนาดใหญ่ ได้พัดโหมกระหน่ำขึ้น

ในขณะที่พลังเลือดปะทุขึ้นนั้น ป้ายมือโลหิตนี้ยังได้กระจายตัวออกเป็นกระแสอากาศส่วนหนึ่ง แล้วกลายร่างเป็นโล่เกราะลำแสง ปกป้องคุ้มกันรอบตัวหลิงอิงโส่วไว้ มิเช่นนั้นการโจมตีของพลังเลือดขนาดใหญ่และรุนแรงนี้ ก็จะสังหารเขาร่วมไปด้วย

โครมมมมมม!

การโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรง ทำให้หลังคาของสนามกีฬาถึงกับถล่มทลาย แตกหักเป็นชิ้นเศษตกลงมากระแทกบนพื้น กองรวมกันเป็นซากปรักหักพัง

การปะทะต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ถึงกับทำให้พวกปรมาจารย์บู๊ที่นั่งกันอยู่ด้านล่าง ถูกพลังการโจมตีดังกล่าวกระแทกกระเด็นเข้าใส่กันไปหมด

ยังดีที่พวกเขามีพลังความสามารถระดับปรมาจารย์บู๊ จึงได้รับบาดเจ็บกันเพียงเล็กน้อย แต่เพียงแค่ผลพวงของพลังก็มีอานุภาพระดับนี้แล้ว ทำให้พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นสะพรึงกลัวเลยทีเดียว

หลังจากการโจมตี

สังเวียนการประลองนั้น ก็ได้แตกหักผุผังไปทั้งหมด เหล็กเส้นคอนกรีตแต่ละอย่างได้ตกลงมาบนพื้น กระจัดกระจายไปทั่ว เหลือเพียงแค่หลินยิงโส่วที่ยืนอยู่ด้านบน เอามือสองข้างไขว้หลัง พร้อมกับแสดงสีหน้าท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ไอ้หนุ่ม ไม่มีมีใคร ที่จะสามารถรอดชีวิตจากป้ายมือโลหิตได้ แม้ว่านายจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด! ”

หลินยิงโส่วหัวเราะเสียงดัง ภายใต้การโจมตีที่หนักหน่วงนี้ ต่อให้เป็นนักเสวียนก็จะต้องแหลกสลายและตายลงไปอย่างแน่นอนเช่นกัน!

“นี่ก็คือ ผลลัพธ์ของการมาหาเรื่องก่อความวุ่นวายต่อสำนักมือโลหิตของพวกเรา! ”

ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงกันไปหมด

นักเสวียนคนหนึ่ง……ต้องจบชีวิตลงแบบนี้แล้วเหรอ? นี่คือนักเสวียนคนที่สี่ที่สำนักมือโลหิตได้สังหารไปแล้ว!

ในขณะที่สภาพจิตใจของทุกคนกำลังถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำอยู่นั้น ก็พลันมีเสียงดังขึ้น มาจากกองซากปรักหักพังนั้น:

“โอ้ว อย่างนั้นเหรอ? ”