บทที่ 245 การสนับสนุนของปาจรีย์

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วงการบันเทิงร่วมมือกับวงการแฟชั่น ไม่แปลกเลย ดาราระดับต้นสามารถใช้แฟชั่นชั้นสูงของยุโรป ดาราเล็กๆก็สามารถเป็นตัวแทนแบรนด์ไฮโซพอตัวได้ ซึ่งเห็นได้เป็นปกติ

ก็แค่สตูดิโอเล็กๆของพวกเธอ ถูกบริษัทสื่อบันเทิงอยากจะร่วมงานด้วย จึงทำให้เธอตกใจ

ปาจรีย์นั่งลงข้างวารุณี“ตอนที่พวกเขามาหาฉัน ฉันก็คิดว่าแปลกๆ ต่อมาพอฉันถามอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาบอกว่ามาหาคุณ”

“อ้อ?”วารุณีชี้ไปที่ตัวเอง

“ใช่ Bath fire rebirthกับการแข่งขันชิงโควตา ทำให้เธอกลายเป็นดีไซเนอร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ทุกคนต่างรู้ว่าอนาคตของเธอไม่มีขีดจำกัด สร้างแบรนด์เสื้อผ้ายุโรปของตัวเองได้แน่นอน ดังนั้นสตาร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์จึงมาติดต่อพวกเราไว้ก่อนไง?”

ปาจรีย์ดื่มน้ำไปคำหนึ่ง หลังจากใจเย็นลงแล้ว จึงพูดต่อไปว่า“แบบนี้ ต่อไปพวกเขาจะใช้แฟชั่นชั้นสูงของพวกเรา ก็จะง่ายขึ้นหน่อย”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง!”วารุณีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม

ปาจรีย์วางแก้วน้ำลง“เอาไง คำเชิญนี้พวกเราจะรับไว้ไหม?”

“รับสิ ทำไมไม่รับล่ะ ธุรกิจที่มาหาถึงที่ ก็ให้ไอดอลพวกนั้นโฆษณาสินค้าใหม่ของพวกเราได้พอดี ทำให้ชื่อเสียงสตูดิโอของพวกเรานั้นแพร่ออกไป พยายามให้สตูดิโอกลายเป็นบริษัทได้อย่างรวดเร็ว แบบนี้ ยี่ห้อพวกเราก็สามารถเดินไปถึงจุดไฮโซได้”วารุณีเปิดข้อมูลรายการในมือแล้วพูด

ปาจรีย์คิดว่ามีเหตุผล ลูบคางแล้วพยักหน้าไป“เธอพูดถูก งั้นฉันจะไปตอบพวกเขา”

พูดไป เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ระเบียง แล้วจึงโทรศัพท์ไป

วารุณีก้มหน้าลง ดูข้อมูลต่อ ตอนที่ดูใกล้จะเสร็จ ก็มีคนมาอีก

ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงออดประตู แต่เป็นคนเปิดประตูเข้ามาโดยตรง

วารุณีตะลึง วางข้อมูลลงแล้วยืนขึ้นมา มองชายหนุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ประธานนัทธี คุณเข้ามาได้ไง?”

มือข้างหนึ่งของนัทธีถือถุงใบเล็ก อีกข้างส่ายบัตรที่มีแถบแม่เหล็กใบเล็กๆ“อารัณเอาคีย์การ์ดให้ผม”

ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดไปหรือเปล่า วารุณีฟังความภูมิใจบางอย่างจากน้ำเสียงของเขาออก ขมวดคิ้วถามไปว่า“ทำไมเขาต้องเอาคีย์การ์ดให้คุณด้วย?เขาให้คุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ให้มาตอนเช้า”นัทธีเอาคีย์การ์ดใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดินมาที่เธอ“ผมไม่ได้บอกแล้วเหรอว่า อารัณกับไอริณคาดหวังมากว่าผมจะเป็นพ่อของพวกเขา ดังนั้นหลังจากรู้ว่าเมื่อคืนพวกเราอยู่ด้วยกัน ก็ให้อันนี้ผมมา”

พูดจบ จู่ๆหางตาเขาก็เหลือบมองไปที่ระเบียง ปาจรีย์ที่กำลังคุยโทรศัพท์หันหลังให้พวกเขา สายตาที่เย็นชามีความแปลกใจแวบเข้ามา

แต่แป๊บเดียว สายตาเขาก็ลึกซึ้งกลับไปเหมือนปกติ เอาถุงเล็กๆในมือยื่นให้วารุณี

วารุณียื่นมือไปรับถุงอย่างไม่รู้ตัว“นี่อะไรคะ?”

“ยา!”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับเบาๆ พ่นคำหนึ่งออกมา

สายตาวารุณีตะลึงไป มือที่ถือถุง อดไม่ได้ที่จะจับแน่นขึ้นมา

ยา?

หรือว่าจะเป็นยาที่ป้องกันเธอท้อง?

วารุณีละสายตาลงไป รู้สึกว่าถุงในมือหนักเหมือนห้าร้อยกรัมได้

ถึงแม้ในสติ เธอจะคิดว่าเขาให้ยานี้มาไม่ผิด แต่ในใจกลับรับไม่ค่อยได้ เขากังวลมากเลยเหรอว่าเธอจะตั้งท้องลูกของเขา?

วารุณีหัวเราะอย่างขมขื่น แล้วสูดลมหายใจอีกครั้ง เหมือนตัดสินใจอะไรลงไป แล้วเปิดถุงออก

จากนั้นตอนที่เธอก้มหน้าดูยาข้างในชัดๆ กลับตะลึงอีกครั้ง“นี่ไม่ใช่ยาคุมเหรอ?”

นัทธีได้ยินคำนี้ คิ้วก็ขมวดย่นเป็นสามเส้น“ทำไมผมต้องให้ยาพวกนั้นคุณด้วยล่ะ?”

วารุณีอ้าปาก“หรือว่าคุณไม่กลัวว่าฉันจะตั้งท้องลูกของคุณเหรอ……”

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มขึ้นมา เหมือนว่าไม่พอใจกับคำพูดของเธออย่างมาก“ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างนั้น ถ้าท้องก็แค่คลอดออกมา และมากไปกว่านั้นผมก็ขอคุณแต่งงานแล้วด้วย ผมต้องกลัวเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”

ได้ยินคำนี้ ในใจวารุณีก็รู้สึกซาบซึ้ง อบอุ่นหน่อยๆ และก็ดีใจเล็กน้อย

จากนั้น เธอหยิบยาด้านในออกมา ล้วนแต่เป็นยาทาแผลภายนอก ใช้ทาตรงนั้น

เขาใส่ใจมากจริงๆ รู้ว่าตรงนั้นเธอมีแผล ก็ตั้งใจเอายามาให้เธอ

“ฉัน……ฉันกลับห้องก่อนนะคะ”วารุณีอายจนหน้าแดง ไม่ค่อยกล้ามองนัทธี พูดพึมพำเบาๆ

นัทธีรู้ว่าเธอกลับห้องไปทำอะไร สายตาหม่นลง ไอออกมาเบาๆ ที่ใบหน้ากลับพูดนิ่งๆ“ไปเถอะ”

วารุณีถือยากลับไปที่ห้อง

นัทธีนั่งลงตรงตำแหน่งที่เธอเพิ่งนั่ง จากนั้นมองเห็นข้อมูลที่เธอวางไว้ที่โต๊ะน้ำชา ก็หยิบขึ้นมาอย่างแปลกใจ แล้วเปิดอ่าน

ตอนนี้เอง ปาจรีย์ก็โทรศัพท์เสร็จ หันกลับไปด้วยรอยยิ้ม เตรียมจะไปแชร์รายละเอียดที่คุยกับวารุณี สุดท้ายกลับเห็นนัทธี จึงตะลึงไปหมด

“ประธานนัทธี?”ปาจรีย์เดินเข้าไปในห้องรับแขก ตะโกนไปที่นัทธี

นัทธีเงยหน้ามา มองเธอ ถือว่าเป็นการตอบรับเธอไป

ปาจรีย์นั่งลงตรงข้ามเขา มองสำรวจเขาด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็น

นัทธีทนไม่ไหวกับการที่เธอมอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย“มีอะไรเหรอ?”

“ไม่มีค่ะ”ปาจรีย์ส่ายมือไปมา แต่จากนั้นถามอีกว่า“วารุณีล่ะ?”

“ในห้อง”นัทธีวางข้อมูลลง ตอบกลับเหมือนกลัวดอกพิกุลร่วง

ปาจรีย์มองที่ห้อง“ประธานนัทธี ฉันขอถามคุณหนึ่งคำถามได้ไหม?”

นัทธีเงยคางขึ้น สื่อเป็นนัยว่าให้เธอถาม

ปาจรีย์ถอนหายใจยาวๆ“ก็คุณทำเรื่องอย่างนั้นกับวารุณีไปแล้ว งั้นความสัมพันธ์ของพวกคุณก็ควรเปลี่ยนแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“หือ?”เหมือนจะไม่เข้าใจ นัทธีหรี่ตาลง

ปาจรีย์ตบขา“ก็คุณนอนกับวารุณีแล้ว จะไม่รับผิดชอบก็ไม่ได้มั้ง?ฉันจะบอกคุณให้นะ อย่าเห็นวารุณีเป็นแค่คู่One Night Stand ฉันคนแรกที่ไม่ยอมแน่!”

ถึงแม้นัทธีไม่ค่อยเข้าใจนักกับOne Night Standจากปากของเธอ แต่พอปะติดปะต่อคำพูดทั้งประโยคของเธอ ก็พอจะเข้าใจได้

“ผมไม่ได้ไม่มีความรับผิดชอบ ผมขอเธอแต่งงานแล้วครับ”นัทธีนั่งไขว่ห้าง พูดนิ่งๆ

ปาจรีย์สำลักน้ำลายของตัวเอง“ขอ……ขอแต่งงาน?”

นัทธีพยักหน้า“ประมาณนั้น”

“วารุณีรับปากแล้วเหรอ?”ปาจรีย์ยืนขึ้นมา พูดเสียงสูง

สายตานัทธีหม่นลงเล็กน้อย“เปล่า แต่ผมไม่ยอมแพ้แน่”

สำหรับคำตอบนี้ ปาจรีย์เงียบลง แล้วนั่งลงไปใหม่“ฉันว่านะ วารุณีไม่ใจร้อนแน่ เธอยังต้องคิดเพื่อลูกอีกสองคน ว่าถ้าเธอแต่งงานกับคุณแล้ว เด็กสองคนจะทำอย่างไร?”

“ก็เข้าประตูคฤหาสน์ไชยรัตน์ไปด้วยกัน”นัทธีตอบเธอ

ปาจรีย์กลืนน้ำลาย มองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย“ประธานนัทธี คุณไม่รังเกียจลูกทั้งสองคนของวารุณีจริงๆเหรอ?”

เธอรู้ว่า ถึงผู้ชายหลายคนจะชอบฝ่ายหญิง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะชอบลูกชอบหญิงสาวด้วย

ยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชายทุกคน ที่จะรักสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนรักด้วย

นัทธีส่ายหน้าเล็กน้อย“ผมชอบอารัณกับไอริณมาก”

ปาจรีย์ฟังออกว่า เขาพูดอย่างจริงใจ

ดูเหมือนว่าครั้งนี้วารุณีจะได้เจอผู้ชายดีๆเสียจริงแล้ว!

คิดไป ในใจปาจรีย์ก็รู้สึกดีใจแทนวารุณี“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นประธานนัทธี ฉันสนับสนุนให้คุณจีบวารุณี”

“ขอบคุณครับ”ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย

ปาจรีย์ยังอยากจะแบ่งปันกลวิธีในการจีบกับเขาอีก ทำให้เขาสามารถจีบวารุณีได้อย่างสบายใจ

สรุปยังไม่ทันพูด วารุณีก็เปิดประตูออกมาจากข้างใน“คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว?”

เธอมองนัทธีก่อน เดินไปที่โซฟาไป ก็ถามปาจรีย์ไปด้วย

ปาจรีย์ได้แต่กลืนคำที่จะพูดกับนัทธี ถอนหายใจอย่างเสียดาย“โทรคุยเสร็จแล้ว พรุ่งนี้คนที่กองรายการจะมาคุยเรื่องสัญญาความร่วมมือที่สตูดิโอ”

“โอเค”วารุณีพยักหน้า สื่อว่าเข้าใจแล้ว

ปาจรีย์พึมพำแล้วหรี่ตาไปมา แต่จู่ๆก็ยืนขึ้น“โอเควารุณี งั้นฉันไปก่อนนะ ไม่รบกวนความรักของเธอกับประธานนัทธีแล้ว”

“เธอพูดอะไรน่ะ?”หน้าเล็กๆของวารุณีแดงขึ้นมา มองนัทธีที่เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็จ้องปาจรีย์อย่างเซ็งๆ