ตอนที่ 279 การสังหารของสือจื่อจิ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 279 การสังหารของสือจื่อจิ้น

ตอนที่ 279 การสังหารของสือจื่อจิ้น

ก่อนที่ซูเถาจะทันได้ตอบโต้หญิงที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายฝน ภายในเสี้ยววินาทีเธอคนนั้นก็ต้องจากไปภายใต้การลั่นไกของสือจื่อจิ้น

ซูเถาเบิกตากว้างและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หลังจากที่ร่างกายเธอกระตุกอยู่สองสามครั้ง ในที่สุดเธอก็สูญเสียสัญญาณชีพไป ซูเถาผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยความตกใจ

ในขณะเดียวกัน อีกาที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ก็ได้บินหนีไปอย่างรวดเร็ว

“พวกเขาฆ่าเยว่เหนียง!”

เซวียเยวี่ยนเจี๋ยทั้งตกใจทั้งโกรธ!

คนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครอยากเชื่อเมื่อได้ยินข่าวนี้

เขาฆ่าเยว่เหนียงโดยที่ไม่ถามอะไรสักคำ!

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับเหยื่อที่ระแวดระวังและโหดเหี้ยมเช่นนี้

“เราจะเอายังไงกันดีเหล่าต้า? ออกไปจัดการพวกมันเลยไหม! เขาฆ่าผู้หญิงทั้งคนได้ลงคอ!” มีคนพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

ขั้นตอนแรกของเยว่เหนียงเป็นอันล้มเหลว และแผนทั้งหมดไม่สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น

“เหล่าต้า! คุณต้องล้างแค้นให้เยว่เหนียง!”

พวกเขาได้รับประโยชน์มากมายจากเหยื่อที่เยว่เหนียงไปล่อมา แต่ครั้งนี้เธอตายทันที ไม่ว่าจะเพราะมิตรภาพหรือผลประโยชน์ ทุกคนรู้ก็สึกเสียใจและโกรธมาก

ใบหน้าของเซวียเยวี่ยนเจี๋ยเต็มไปด้วยโทสะ “เหล่าเจี้ยง ไปทำลายรถของพวกเขาซะ!”

เหล่าเจี้ยงมีอายุมากที่สุดในกลุ่ม เขาหลังค่อมและแก้มแดงปลั่ง นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะมีอายุมากกว่าหกสิบปี

ก่อนวันสิ้นโลก เขาเป็นช่างซ่อมรถธรรมดา แต่ในปีที่ 2 ของวันสิ้นโลก จู่ ๆ เขาก็ได้ปลุกพลังวิเศษที่เรียกว่า ‘ช่างฝีมือ’ ซึ่งทำให้เขามีหน้าที่พิเศษในการจัดการกับวัตถุที่ไม่มีชีวิต

หลังจากเข้าร่วมทีมของเซวียเยวี่ยนเจี๋ย เขาก็แกล้งทำให้รถชนกันหลายครั้ง และกลายเป็น ‘นักฆ่าบนท้องถนน’ ตัวจริง

เหล่าเจี้ยงยิ้มอย่างขมขื่น “เซวียเหล่าต้าน่าจะให้ผมทำตั้งนานแล้ว”

คนกลุ่มนี้ดูระมัดระวังตัวมากกว่าที่เคยพบมาก่อน

วิธีอ้อมค้อมหลอกลวงแบบนั้นใช้ไม่ได้!

……

ซูเถายังคงตกตะลึงกับการสังหารของสือจื่อจิ้นโดยไม่กะพริบตา

ไม่ใช่เพราะเธอกลัวหรือคัดค้านการกระทำของสือจื่อจิ้น เพราะเหลยสิงเคยฆ่าคนต่อหน้าเธอมาก่อน

แต่เป็นเพราะเธอไม่ทันได้ตั้งตัว

ต่อหน้าเธอสือจื่อจิ้นเป็นคนอ่อนโยนเสมอ และไม่เคยฆ่าคนอย่างที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน

หรือแท้จริงแล้วนี่คือตัวจริงของเขา

สือจื่อจิ้นไม่สนใจว่าเธอคิดอย่างไร เขากอดเธอพาเธอลงจากรถอย่างรวดเร็ว และตะโกนใส่คนอื่น ๆ ในรถ

“ทุกคนลงมาจากรถ เร็ว!”

ในเวลากลางดึกแบบนี้ ทุกคนต่างมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

แต่คำพูดของพลตรีสือนั้นเหมือนฟ้าผ่าในหูของพวกเขา ทำให้พวกเขาเชื่อฟังโดยสัญชาตญาณ!

พลตรีสือไม่เคยล้อเล่น!

เสียงโทนนี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามีอันตรายอยู่ในรถ!

เฉียนหรงหรงที่กำลังงัวเงีย เธอถูกแม่ลากขึ้นจากที่นั่งและวิ่งออกจากรถราวกับทะยานออกมา

หม่าต้าเพ่าและคนอื่น ๆ ก็ตะเกียกตะกายจนตกจากรถเช่นกัน

หลินฟางจือลงจากรถและจะวิ่งไปหาซูเถา แต่ถูกเจียงอวี่จับไว้

“นายจะทำอะไร มีพลตรีสืออยู่ เถ้าแก่ซูไม่เป็นอันตรายหรอก”

หลินฟางจือสะบัดเขาออกอย่างแรง และรีบวิ่งไปหาซูเถาโดยไม่คำนึงสิ่งใด พร้อมกับคว้ามือของเธอและจับไว้แน่น

สือจื่อจิ้นไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ในขณะที่ทุกคนลงจากรถ รถทั้งสี่คันก็พุ่งเข้าชนกัน ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น!

ทุกคนอยู่ในความสยดสยองและหวาดกลัว

มีเพียงซูเถาเท่านั้นที่เกือบจะกระโจนเข้าไปในบริเวณนั้นและตะโกนว่า “รถบ้านของฉัน!!”

ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้น ใครทำ!!

รถเธอพัง!

เธอยังได้ยินเสียงของบางอย่างตกและแตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่ข้างใน!

หลินฟางจือก็รู้สึกแบบเดียวกับเธอ เขาโกรธจัด และพุ่งตัวไปด้านหน้าขบวนรถ เขานำรถทั้งหมดไปไว้ในมิติเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

เพราะถ้ารถมันชนกันอีกครั้งและเกิดความเสียหายมากขึ้น มันคงทำให้ซูเถาเจ็บปวดไม่น้อย!

การจ้องมองของสือจื่อจิ้นเหมือนคบเพลิง เขากอดซูเถาไว้ในอ้อมแขนแน่น และมองไปยังทิศทางหนึ่งในเวลากลางคืน

แน่นอนว่ามีกลุ่มคนปรากฏขึ้นที่นั่น และทั้งสองก็เผชิญหน้ากันครู่หนึ่ง

ซูเถารู้สึกเพียงว่าเท้าของเธอว่างเปล่า และทั้งตัวของเธอก็ลอยขึ้นเบา ๆ และไม่สามารถควบคุมได้

เธอกอดสือจื่อจิ้นแน่น “เกิดอะไรขึ้น?! มันเป็นพลังวิเศษเหรอ?”

โลกภายนอกช่างซับซ้อนจริง ๆ!

ความสามารถแปลก ๆ พวกนี้คืออะไรกัน

สือจื่อจิ้นกดหัวของเธอกับหน้าอกของตนเองและพูดอย่างใจเย็น

“คุณล่อพวกมันออกมา โดยเฉพาะคนที่ตัวซีดและบางนั่น เขาเป็นตัวอันตรายที่สุด”

‘สายตาสำรวจ’ ของเขาเห็นว่าพลังของบุคคลนี้อาจทำให้ทุกคนใช้พลังและควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วคราว

เขาต้องถูกฆ่าเสียก่อน

เซวียเยวี่ยนเจี๋ย ออกมาจากที่มืดและมองไปที่สือจื่อจิ้นที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยดวงตาที่เสมือนงูพิษ

สัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาบอกเขาว่าคน ๆ นี้เป็นคนฆ่าเยว่เหนียง

เขาหันไปหาหมาลิ่วและพูดว่า “ให้เขาเป็นคนแรกที่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของการเป็นคนธรรมดา ให้เขาได้ทุกข์ทรมาน”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคน ๆ นี้มีความสามารถอะไร แต่การที่เห็นว่าคนเหล่านี้เชื่อฟังเขามากขนาดนี้ พวกเขาจะต้องเป็นคนที่ทรงพลัง และมีความสามารถที่แข็งแกร่งแน่นอน

หมาลิ่วพยักหน้าด้วยใบหน้ามุ่งมั่น และกำลังจะเคลื่อนไหว แต่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงดนตรีอันไพเราะดังก้องอยู่ในหูของเขา

วิญญาณของเขาดูเหมือนจะได้รับการนำทางบางอย่าง และค่อย ๆ ล่องลอยไป เขาตรงไปที่คนร้องเพลง แต่ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ เขาก็หันกลับมาบอกให้เหอซ่างใช้พลังล้มเหลว

เหอซ่างรู้สึกเพียงว่าพลังของเขาหมดลงในทันที และคนไม่กี่คนที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ตกลงมากระแทกกับพื้นในทันที

สือจื่อจิ้นกอดซูเถาไว้แน่น แล้วหันกลับมาก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง

ทันทีที่เขาลงมา เขาก็คว้ามีดเล่มเล็ก ๆ ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ก่อนจะพุ่งออกไป ใช้มีดเล่มคมปาดเข้าที่คอของหมาลิ่วในชั่วพริบตา

เฉินเทียนเจียวนำคนอื่น ๆ ไปจัดการกับคนอื่นทีละคน

แม้แต่สวีฉีก็เอาชนะพวกเขาได้ถึงสองคน

เนี่ยซือป๋อเห็นว่ามีคนกำลังจะวิ่งหนี เพียงเขาใช้ความคิดเพียงชั่วครู่เดียว คนสามคนที่กำลังจะวิ่งหนีก็ปัสสาวะราดกางเกง

ดูสิว่าจะวิ่งได้อยู่ไหม? !

วิ่งไป ปัสสาวะไป?

มีคนวิ่งขณะปัสสาวะจริง ๆ อย่างเช่น เซวียเยวี่ยนเจี๋ย

เขาทั้งอับอาย ขายหน้า และโกรธเคือง

เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลังจากเป็นโจรมาหลายปี สะสมพลังวิเศษมามากมายขนาดนี้ จะต้องมาตกม้าตายแบบนี้!

ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้!

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางแผนมาอย่างดีตั้งแต่แรก!

ไม่ เขาต้องวิ่งต่อ! ถ้าวิ่งไม่ได้ก็สู้ตาย!

แต่นี่ไม่ใช่แค่เขาหนีไม่ได้ แต่เขายังสู้ไม่ได้ด้วย!

เขาตกใจเมื่อพบว่าความสามารถของเขาล้มเหลว!

เห็นได้ชัดว่าหมาลิ่วตายแล้ว!

เขาหันศีรษะไปและเห็นใบหน้าของหญิงสาวอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปี

ปากของเขาเผยอออก ทันใดนั้นเสียงครางต่ำ ๆ อย่างเจ็บปวดเปล่งออกมาจากลำคอของเขา

เมื่อเขามองลงไปและเห็นบางอย่างเจาะเข้าที่หน้าอกของตัวเอง

มันเป็นแส้สีดำที่ล้อมรอบไปด้วยหนาม

เพียงแต่เขาไม่เข้าใจจนกระทั่งสิ้นอายุขัยว่าทำไมแส้ถึงยังเคลื่อนไหวอยู่

เมื่อเห็นเขาล้มลง ซูเถาก็หายใจเข้าลึก ๆ และถอนแส้ออก

แส้บิดไปมาและขดตัวเหมือนงูบนข้อมือของเธอซึ่งเป็นสร้อยข้อมือสีดำล้วน