ตอนที่ 285 วางแผน เข้าคุกหลวง (3)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 285 วางแผน เข้าคุกหลวง (3)

มั่วเชียนเสวี่ยยืนกรานหนักแน่น “หม่อมฉันยังไม่ได้แต่งงาน ย่อมคงความบริสุทธิ์ แม้จะอยู่ในตำหนักจินหลวนเป่า หม่อมฉันก็ยังคงยืนยันคำเดิม หากองค์หญิงยืนกรานที่จะพิสูจน์เรือนร่างของหม่อมฉัน เช่นนั้นรอวันพรุ่งนี้ ในท้องพระโรง ภายใต้รับสั่งของฝ่าบาท เชิญฮูหยินซันกง[1]มาตรวจพิสูจน์ หากหม่อมฉันเป็นสาวพรหมจรรย์ ขอให้องค์หญิงอวี้เหอกล่าวขอโทษหม่อมฉันต่อหน้าไพร่ฟ้า”

องค์หญิงอวี้เหอชะงัก “คุณหนูมีสิทธิ์ใดร้องขอให้ข้าขอโทษ” ความอ่อนโยนที่เสแสร้งทำขึ้นมลายหายไป แววตาเปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมโหด สตรีโสมมที่สูญเสียพรหมจรรย์ ควรค่ากับการได้รับคำขอโทษจากข้าได้ด้วยหรือ

แววตาของมั่วเชียนเสวี่ยคมเฉียบ “สิทธิ์ที่องค์หญิงและบัณฑิตคนนั้นร่วมมือกันใส่ร้ายป้ายสีหม่อมฉัน”

องค์หญิงอวี้เหอไม่อาจวางตัวอีกต่อไปแล้ว “เจ้าพูดจาเหลวไหล!”

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้โมโหกับการกระทำขององค์หญิงอวี้เหอ มั่วเชียนเสวี่ยในเวลานี้ รอบตัวของนางเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม น่าเกรงขามยิ่งกว่าองค์หญิงอวี้เหอ นางดุดันยิ่งนัก “หม่อมฉันไม่เคยแต่งงาน อาศัยเพียงคำพูดของผู้อื่น องค์หญิงก็เคลือบแคลงสงสัยในตัวหม่อมฉัน ยืนกรานที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหม่อมฉัน นี่เป็นการดูถูกสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนอย่างมาก องค์หญิงปราดเปรื่อง ย่อมเข้าใจหลักการเป็นธรรมดา”

องค์หญิงอวี้เหอเห็นรถม้าหลายคันเริ่มสั่นคลอน ครุ่นคิดในใจ แม้จะต้องขอโทษ มั่วเชียนเสวี่ยก็ต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์!

มั่วเชียนเสวี่ยเป็นเพียงหญิงที่แปดเปื้อน คิดว่าตนอยากจะดูเรือนร่างของนางเช่นนั้นหรือ หึ! ตนจะทำให้นางอับอายต่อหน้าผู้คน ขายหน้าต่อหน้าไพร่ฟ้าประชาชน ตนจะมอบความอับอายให้นางเอง วันพรุ่งนี้ตนจะเชิญฮูหยินซันกงมาตรวจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ได้ ดูสิว่าเมื่อถึงเวลานั้นมั่วเชียนเสวี่ยจะพูดเช่นไร

เมื่อคิดได้ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนดวงหน้าอีกครั้ง “เมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ เป็นข้าเองที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนจริงๆ เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิได้! วันนี้คุณหนูมั่วแสดงความสามารถ ทำให้ข้าชื่นชม ไม่อยากให้ชื่อเสียงของคุณหนูเสียหาย จึงอยากจะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้โดยเร็ว อยากจะรีบจบเรื่องนี้ ทว่าคุณหนูมั่วเป็นคนให้ความสำคัญต่อมารยาท ความเป็นห่วงของข้ากลับกลายเป็นสร้างความวุ่นวาย”

เวลานี้องค์หญิงอวี้เหอก็ยังจะไม่ลืมเอาดีเข้าตัว ยิ้มเสแสร้ง มั่วเชียนเสวี่ยนับถือนางจากใจจริง “เมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ พรุ่งนี้เจอกันในท้องพระโรง หม่อมฉันจะรอฟังคำขอโทษจากองค์หญิง!”

มั่วเชียนเสวี่ยกำลังจะเดินไป องค์หญิงอวี้เหอพูดขึ้น “ช้าก่อน!”

ในเมื่อนางจะฉีกหน้ากัน เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท องค์หญิงอวี้เหอพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ในเมื่อคุณหนูมั่วยืนกรานเช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพราะเห็นแก่ความสามารถของคุณหนู เรื่องนี้จะว่าเล็กก็เล็กจะว่าใหญ่ก็ใหญ่ หากสิ่งที่คุณชายหนิงพูดเป็นความจริง คุณหนูมั่วมีความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิ ในเมื่อสงสัยว่าอาจจะหลอกลวงจักรพรรดิ เช่นนั้นต้องมอบหน้าที่ให้เสด็จพ่อเป็นผู้ตัดสิน”

มั่วเชียนเสวี่ยยืนตัวตรง องค์หญิงอวี้เหอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คล้ายมอบพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง “เวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว บวกกับฐานันดรศักดิ์ของคุณหนูมั่วมีความพิเศษ แม้จะเป็นตัวข้าก็ไม่อาจลงโทษคุณหนูได้ คุมตัวไปคุกหลวงก่อนเถอะ รอวันพรุ่งนี้หลังจากประชุมราชสำนักเสร็จให้เสด็จพ่อไต่สวนด้วยตนเอง คุณหนูมั่ววางใจเถอะ ข้าจะเชิญฮูหยินซันกงมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณหนู”

จับนางเข้าไปในคุกหลวง?! ผู้อื่นป้ายสีนาง แต่นางกลับถูกจับเข้าคุกหลวง? สมองขององค์หญิงอวี้เหอถูกลาเตะหรืออย่างไร หรือนางมั่นใจว่าต่อจากนี้ย่อมไม่มีสิ่งใดผิดพลาดแม้แต่น้อย

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน กลัวก็แต่วันนี้นางเข้าไป ก็จะมีคนไม่อาจอยู่เฉยได้ หากไม่คนน้ำให้ขุ่น แล้วนางจะจับปลาในน้ำขุ่นได้อย่างไร วันนี้องค์หญิงผู้โง่เขลาทำรุนแรงเพียงใด พรุ่งนี้นางจะถูกตอกกลับด้วยเสียงที่ดังก้องมากยิ่งกว่า…

มั่วเชียนเสวี่ยเงียบ องค์หญิงอวี้เหอคิดว่าสุดท้ายแล้วตนก็จัดการเรื่องนี้ได้ ซ่อนสีหน้าได้ใจเอาไว้ หันไปบอกหัวหน้าทหารรักษาการณ์ป่าสงวน “ผู้บัญชาจาง ข้าขอมอบหมายให้เจ้าพาคุณหนูมั่วไปยังคุกหลวง ก่อนที่เสด็จพ่อจะเรียกให้เข้าเฝ้าห้ามพบเจอผู้ใดเด็ดขาด”

เสียงไอแห้งๆ ดังขึ้นในรถม้า องค์หญิงอวี้เหอรู้ดีว่านั่นคือรถม้าของบัณฑิตจย่าแห่งสำนักศึกษาราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้จึงพูดด้วยความเมตตา “ให้คุณหนูมั่วอยู่ในห้องรับรองของคุกหลวง ดูแลคุณหนูอย่างดี หากคุณหนูเป็นอะไรแม้แต่น้อย ชดใช้ด้วยศีรษะของเจ้า”

ในคุกหลวง มีห้องรับรองตั้งแต่โบราณ ใช้กักขังนักโทษพิเศษ

ผู้บัญชาจางเดินมา อยากจะจับตัวมั่วเชียนเสวี่ย ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างไม่รีบร้อน คลี่ยิ้มด้วยความเย้ยหยัน “ไม่ลำบากผู้บัญชาจาง ข้าเดินเองได้”

เวลานี้ผู้บัญชาจางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ใช่นักโทษ ด้วยเหตุนี้เขาจึงฝืนแสดงสีหน้าสุภาพเล็กน้อย ผายมือเชิญนาง “คุณหนูมั่วเชิญ!”

“ช้าก่อน!” เห็นคุณหนูของตนเดินไปด้านหน้า มั่วเหนียงร้องเรียกผู้บัญชาจาง “คุกหลวงอากาศเหน็บหนาว คุณหนูเปราะบางและล้ำค่า ข้าจะเข้าไปในคุกหลวงพร้อมคุณหนู จะได้ปรนนิบัติรับใช้คุณหนู”

มั่วเชียนเสวี่ยพูดเสียงแผ่วเบา “ตามมาเถิด องค์หญิงมีจิตใจดี ฮองเฮามีเมตตา คาดว่าย่อมอนุญาตอย่างแน่นอน” หนามยอกเอาหนามบ่ง! องค์หญิงอวี้เหอจำต้องอนุญาต

ประจวบเหมาะ นางยังมีเรื่องอยากจะถามหมัวมัว!

จริงตามคาดองค์หญิงอวี้เหอโบกมือเบาๆ เป็นการอนุญาต หญิงสารเลวคนนี้เป็นสตรีชั้นสูง นางยังไม่มีความผิด ก็ถูกจับตัวเข้าไปอยู่ในคุกหลวง หากแม้แต่หมัวมัวคนหนึ่งยังไม่อนุญาตให้ติดตามรับใช้ เป็นการทำลายชื่อเสียงอันดีงามของตนแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยขึ้นไปบนรถม้าของผู้บัญชาจาง หันไปบอกกับอาอู่ที่แววตาเปี่ยมไปด้วยเปลวไฟแห่งความขุ่นเคืองและชูอีที่ขอบตาร้อนผ่าวแล้วพูดขึ้น “พวกเจ้ากลับไปเถอะ กลับไปจวนกั๋วกง บอกพ่อบ้านว่าพรุ่งนี้ข้าจะกลับจวน ให้พ่อบ้านคอยดูแลจวนให้เรียบร้อย”

ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกับ โน้มตัวลงทำความเคารพอย่างเต็มพิธี “ขอรับ/เจ้าค่ะ”

หมุนตัวหันหลัง ไม่รอช้าแม้แต่น้อย

……

ณ โถงบรรพบุรุษในตระกูลหนิง

อดีตหัวหน้าตระกูลหนิงพูดด้วยความจริงใจและแฝงความหมายลึกซึ้ง “พ่อรู้ว่าเจ้าไม่พอใจ และรู้ว่าเรื่องนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกนั่น สตรีชั่วช้านั่นพ่อย่อมมีคำอธิบายให้เจ้า หวังเพียงให้เจ้าเห็นแก่พ่อ ยกโทษให้ลูกทรพีคนนั้น”

หนิงเซ่าชิงเงียบ เขาเข้าใจความรู้สึกของบิดา เสือไม่กินลูกตัวเอง ไม่ว่าหนิงเซ่าอวี่จะทำสิ่งใด ผู้เป็นบิดาไม่อาจทำใจเหี้ยมสังหารบุตรชายของตนได้ ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ยังไม่เจอความผิดที่บ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของหนิงเซ่าอวี่อย่างชัดเจน

การเคลื่อนไหวเมื่อคืน เดิมทีคิดว่าจะจับตัวผู้อาวุโสแปด คนของตระกูลเซี่ยและคนที่อยู่เบื้องหลังได้ ทว่าคิดไม่ถึงกลับว่างเปล่า ด้านในมีเพียงผู้อาวุโสแปดและผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลเซี่ยเท่านั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่เพียงไม่เผยตัว ผู้อาวุโสแปดก็กินยาพิษฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ช่างแปลกยิ่งนัก

ไม่ว่าผู้ใดเป็นคนทำให้เรื่องรั่วไหล รอเขาตรวจสอบชัดเจนแล้วย่อมไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เป็นวันรับตำแห่งหัวหน้าตระกูลคนใหม่ เขาไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดใดขึ้น

หนิงเซ่าอวี่เป็นเพียงปลาตัวเล็กที่มีหรือไม่มีก็ได้ ในสายตาของเขาชีวิตของหนิงเซ่าอวี่ไม่มีค่าแม้แต่น้อย

อดีตหัวหน้าตระกูลหนิงเห็นหนิงเซ่าชิงเงียบ ย่อมอ่านใจเขาออกเป็นธรรมดา จึงพูดอธิบาย “พ่อไม่ได้คาดหวังให้พวกเจ้าสองคนพี่น้องเกื้อหนุนกัน แต่ก็ไม่อยากเห็นพวกเจ้าสองคนพี่น้องฆ่าฟันกัน เซ่าอวี่เองก็คงหน้ามืดตามัวเพราะสตรีชั่วช้าคนนั้น”

คำพูดของหนิงเซ่าชิงไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ขอเพียงเขาไม่ทำผิดต่อข้าอีก ข้าก็จะปล่อยเขาไป แต่หากเขารนหาที่ตาย อย่าโทษข้าว่าไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์พี่น้อง” ด้านนอก องครักษ์สองคนเดินเข้ามา รายงานกุ่ยซาที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตู “สิ่งนี้ข้าน้อยต้องเอาให้นายท่านด้วยตนเอง”

กุ่ยซากวาดตามองครู่หนึ่ง สีหน้าที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนของเขาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย “ทุกครั้งที่นายท่านได้รับกระบอกไม้ไผ่นี้ ล้วนสติแตกราวกับบ้าคลั่ง พรุ่งนี้เป็นวันรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของนายท่าน พวกเจ้าพิจารณาดูให้ดี”

องครักษ์มองกระบอกไม้ไผ่ในมือ ลังเลเล็กน้อย “แต่…แต่นายท่านเคยบอกว่า ขอเพียงทางนั้นส่งข่าวมา ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดให้รีบส่งถึงมือนายท่านโดยเร็วที่สุด…” แท้จริงแล้วเวลานี้สิ่งที่พวกองครักษ์กลัวคือการได้รับกระบอกไม้ไผ่นี้

[1] ซันกง หมายถึง เป็นคำเรียกขุนนางชั้นสูงสุดสามตำแหน่ง ได้แก่มหาราชาจารย์ มหาราชครูและมหาองครักษ์