ตอนที่ 435 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (3) / ตอนที่ 436 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (4)
ตอนที่ 435 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (3)
ฟ่านฉีส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องเชื่อใจคนที่กู้หลีเซิงเลือกอยู่แล้ว”
ฟ่านจิ่นหยุดชะงักไปเล็กน้อย
“ท่านพ่อ ท่านรู้!”
ฟ่านฉีเหลือบมองบุตรชายแล้วกล่าวว่า “ถึงข้าจะแก่แล้ว แต่ข้าก็ไม่ได้โง่ เจ้าคิดว่าถ้าไม่ได้รับคำอนุญาตจากข้า กู้หลีเซิงจะสามารถแสดงเรื่องตบตาในสำนักศึกษาเฟิงหัวได้อย่างนั้นหรือ ข้าไม่เพียงแต่รู้ว่าจวินเสียเป็นศิษย์ที่แท้จริงของกู้หลีเซิง ข้ายังรู้ข่าวลือในสำนักศึกษาอีกด้วย ป้ายหยกของสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่จวินเสียย้ายเข้าไปก็เป็นข้าที่อนุมัติเอง”
ฟ่านจิ่นหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ในเมื่อท่านพ่อเชื่อใจน้องเสีย ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น สายตาของลุงกู้นั้นแหลมคมมาก ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของน้องเสียนั้นสูงกว่าเขามากและนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าไม่สามารถนำมาตรฐานของคนทั่วไปมาเปรียบเทียบกับน้องเสียได้ ท่านพ่อลองเถิด”
ภายใต้การโน้มน้าวอย่างไม่ลดละของฟ่านจิ่น ในที่สุดฟ่านฉีก็พยักหน้าตกลงให้จวินอู๋เสียรักษาร่างกายของฟ่านจัวชั่วคราว แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกินกำลังของนางเกิดขึ้น นางจะต้องบอกฟ่านจิ่นและฟ่านฉีทันทีห้ามปิดปังเป็นอันขาด
หลังจากได้รับคำตอบดังกล่าว ฟ่านจิ่นก็เดินออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ด้วยรอยยิ้ม
แต่อาจิ้งที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากห้องหนังสือ กำลังกุมใบหน้าที่บวมช้ำของตัวเองแล้วมองฟ่านจิ่นที่ค่อยๆ จากไป
เมื่อเห็นรอยยิ้มของฟ่านจิ่น หัวใจของอาจิ้งก็ดิ่งลงในทันที ท่าทางแบบนี้ เกรงว่าในที่สุดอาจารย์ใหญ่ก็เชื่อคำพูดของคุณชายใหญ่อย่างแน่นอน นั้นหมายความว่าจวินอู๋เสียก็ยังคงอาศัยอยู่ในลานป่าไผ่ต่อไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของอาจิ้งก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แม้แต่อาจารย์ใหญ่ยังเชื่อใจจวินอู๋เสีย แล้วจะมีผู้ใดที่สามารถช่วยคุณชายของเขาได้อีก
“อาจิ้ง เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
ทันใดนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็ดังขึ้นจากข้างหลังของอาจิ้ง
อาจิ้งตกใจแล้วรีบหันกลับไปทันทีและเห็นชายชราที่อายุเท่ากันกับฟ่านฉีมองอาจิ้งด้วยรอยยิ้ม
“รองอาจารย์ใหญ่หนิง” ทันทีที่อาจิ้งเห็นก็รีบทำความเคารพทันที
รองอาจารย์ใหญ่หนิงโบกมือและเหลือบมองไปที่แก้มที่บวมช้ำของอาจิ้งแล้วกล่าวถามด้วยความสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ดวงตาของอาจิ้งแดงก่ำขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองรองอาจารย์ใหญ่หนิงที่มองเขาด้วยท่าทางใจดี
รองอาจารย์ใหญ่หนิง มีชื่อจริงว่าหนิงรุ่ย เป็นรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัว เป็นศิษย์รุ่นเดียวกันกับท่านอาจารย์ใหญ่ฟ่านฉี เป็นคนใจดีและยุติธรรม
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของฟ่านจัว อาจิ้งก็กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ท่านรองอาจารย์ใหญ่หนิง ได้โปรดช่วยคุณชายของข้าด้วย”
“เสี่ยวจัวอาการกำเริบอีกแล้วหรือ” หนิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความกังวล
อาจิ้งเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้หนิงรุ่ยฟังทั้งน้ำตา แม้ว่ารองอาจารย์ใหญ่หนิงจะเป็นรองอาจารย์ใหญ่ แต่เขาก็ได้รับความไว้วางใจจากฟ่านฉีเป็นอย่างมาก ตอนนี้อาจิ้งก็ได้แต่หวังว่าหนิงรุ่ยจะช่วยพูดโน้มน้าวฟ่านฉีให้ไล่จวินอู๋เสียออกจากลานป่าไผ่ได้
หลังจากที่หนิงรุ่ยได้ยินคำพูดของอาจิ้ง บนใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
“มันเกินไปหรือไม่ที่มอบเสี่ยวจัวให้กับชายหนุ่มอายุสิบสี่ปี” หนิงรุ่ยขมวดคิ้ว
“ไม่เพียงเท่านี้ ชื่อเสียงของจวินเสียในสำนักศึกษานั้นแย่มากแล้วจะมอบคุณชายไว้กับคนแบบนั้นได้อย่างไร อาจารย์ใหญ่เลอะเลือนไปแล้ว” อาจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
หนิงรุ่ยปลอบใจอาจิ้งแล้วสัญญาว่าจะพูดเรื่องนี้กับฟ่านฉี โดยหวังว่าฟ่านฉีจะเปลี่ยนใจ
หลังจากได้ยินคำพูดของหนิงรุ่ย อาจิ้งจึงโล่งอกแล้วกล่าวขอบคุณหนิงรุ่ยอยู่ครู่หนึ่งจึงจะเช็ดน้ำตาแล้วเดินจากไปตามคำเกลี้ยกล่อมของหนิงรุ่ย
เมื่อเห็นอาจิ้งเดินจากไป ความเห็นอกเห็นใจในดวงตาของหนิงรุ่ยก็หายไปในทันที
ตอนที่ 436 มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ (4)
“จวินเสีย” หนิงรุ่ยพึมพำชื่อที่อาจิ้งพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหรี่ตาลงแล้วหันไปพูดกับลูกศิษย์ที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “ไปเชิญคุณหนูมาที่ห้องหนังสือของข้า”
หลังจากพูดจบ หนิงรุ่ยก็เดินตรงไปที่ทิศตรงข้ามกับห้องของอาจารย์ใหญ่
หนิงรุ่ยนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ใบหน้าที่ใจดีของเขาตอนนี้กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หนิงรุ่ยเรียกคนให้เข้ามา
ประตูถูกผลักออก หญิงสาวผู้สง่างามก็เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ หลังจากเห็นหนิงรุ่ย นางก็โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อเร่งให้ลูกมาพบเช่นนี้ มีเรื่องอะไรหรือ”
หญิงสาวที่เดินเข้ามา สง่างามและงดงามราวกับหงส์ นางชื่อหนิงซินเป็นศิษย์พี่หนิงที่ศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาเคารพและเรียกอยู่เป็นประจำ
หนิงรุ่ยมองดูบุตรีที่งดงามของเขาด้วยความพึงพอใจ ยกมือขึ้นเพื่อให้นางนั่งลง แล้วกล่าวว่า “วันนี้ข้าเจออาจิ้ง”
“อาจิ้ง ใช่เจ้าเด็กโง่ที่รับใช้อยู่ในลานป่าไผ่ของฟ่านจัวคนนั้นหรือไม่เจ้าคะ” หนิงซินกล่าว
หนิงรุ่ยพยักหน้า “ใช่ เจ้าเด็กคนนั้นยังคงไร้สมองเหมือนเดิม ข้าทำให้เขาพูดทุกอย่างออกมาด้วยคำพูดไม่กี่คำ เดือนที่ผ่านมาลานป่าไผ่ของฟ่านจัวมีแขกเข้าไปหนึ่งคน คนคนนั้นเป็นคนที่ฟ่านจิ่นพาเข้าไปด้วยตัวเอง”
“โอ้ เป็นเรื่องแปลกมากที่ฟ่านจัวปล่อยให้คนอื่นอาศัยอยู่กับเขา” หนิงซินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คนที่พักอาศัยอยู่ที่นั่นก็เป็นคนที่เจ้ารู้จัก”
“ใครหรือเจ้าคะ”
“จวินเสีย”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนิงซิน แต่ไม่นานสีหน้าของนางก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ฟ่านจิ่นพาเขาไปที่ที่ฟ่านจัวอยู่ เขาต้องการทำอะไร” เพราะเหตุใดฟ่านจิ่นจึงต้องใส่ใจลูกศิษย์ที่ถูกสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณทอดทิ้งด้วย
หนิงรุ่ยกล่าวว่า “ตอนแรกเจ้าขอให้ข้าช่วยตามหาจวินเสียคนนั้นเพื่อจัดการฟ่านจิ่น ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเขาอยู่ในลานป่าไผ่ของฟ่านจัวตลอดเวลา ข้าเกรงว่าเจ้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้”
หนิงซินขมวดคิ้ว นางไม่สนใจว่าจวินอู๋เสียจะเป็นหรือจะตาย สิ่งเดียวที่นางต้องการคือใช้จวินอู๋เสียจัดการฟ่านจิ่น ฟ่านจิ่นมีชื่อเสียงโด่งดังมากในสำนักศึกษาเฟิงหัว เกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถล้มเขาได้ แต่ครั้งนี้ฟ่านจิ่นเดิมพันผิดคน เขาเลือกที่จะปกป้องจวินอู๋เสียผู้ซึ่งสร้างความผิดมากมายอย่างต่อเนื่อง และนั่นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่หนิงซินจะจัดการเขา
ในช่วงนี้ เพราะเรื่องของจวินอู๋เสีย หนิงซินให้ผู้คนแพร่กระจายข่าวลือที่ไม่ดีต่อฟ่านจิ่นมากมายในสำนักศึกษาเฟิงหัว จนทำให้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของฟ่านจิ่นในใจของลูกศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“อย่ากังวล ตราบใดที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ลูกก็ย่อมมีวิธีบังคับให้เขายอมจำนน” ใบหน้าเล็กๆ ที่สวยงามของหนิงรุ่ยแสดงแววตาชั่วร้ายออกมา
หนิงรุ่ยมองไปที่หนิงซินแล้วกล่าวว่า “ในด้านความสามารถ ฟ่านจิ่นแข็งแกร่งกว่าฟ่านจัวมาก ในสำนักศึกษาเฟิงหัว ชื่อเสียงของฟ่านจิ่นอยู่สูงกว่าเจ้าเสมอ”
หนิงซินหรี่ตาลง ด้วยใบหน้าที่งดงามและเล่ห์เหลี่ยมของนาง ตอนนี้นางกลายเป็นศิษย์พี่หนิงที่ได้รับความนับถือมากที่สุดของสำนักศึกษาเฟิงหัว แต่ไม่ว่านางจะพยายามเพียงใดก็ไม่สามารถเอาชนะตำแหน่งของฟ่านจิ่นที่อยู่ในใจของลูกศิษย์ทุกคนได้
หนิงรุ่ยกล่าวต่อว่า “อาจิ้งบอกว่าอาการป่วยของฟ่านจัวดูเหมือนจะแย่ลงมาก ดูจากสภาพร่างกายของฟ่านจัวแล้วคิดว่าคงไม่เกินปีนี้ ไม่มีฟ่านจัว ฟ่านฉีก็ไม่มีทายาทร่วมสายเลือดเดียวกันอีก ฟ่านจิ่นเป็นเพียงบุตรบุญธรรมและตอนนี้ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่พอ หนิงซิน เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง ข้าหวังว่าครั้งนี้เจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ดี”
หนิงซินพยักหน้าเข้าใจความหมายของคำว่า ‘จัดการ’ ในคำพูดของหนิงรุ่ยว่าหมายความว่าอย่างไร