ตอนที่ 134.1 ข้า...มีสหายเต๋า (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หากไม่มีโอสถปรารถนา รายได้ของเขาก็จะลดลงครึ่งหนึ่งทันที

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ภาพการออกแบบค่ายกลที่เขาเพิ่งทำเสร็จเบื้องหน้าเขา เขาประมาณการปริมาณ คุณภาพ และมูลค่าของวัสดุที่ใช้ในการปรับแต่งรากฐานค่ายกล จากนั้นก็พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง

แผนระยะยาวขั้นสูงสุดคือการเปลี่ยนยอดเขาหยกน้อยให้เป็นอาวุธเวท และเป็นที่พำนักเคลื่อนที่ได้ซึ่งผสมผสานการเป็นอาวุธเวทสายโจมตี อาวุธเวทสายป้องกัน ที่พักอาศัย และสถานบันเทิงเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด

เวลานี้วิธีการเปลี่ยนยอดเขาหยกน้อยให้เป็นอาวุธเวท ถูกแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน

เพื่อความรอบคอบ ขั้นตอนแรกคือการสร้างยอดเขาหยกน้อยให้กลายเป็นค่ายกลซับซ้อนที่เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งรวมเอาการสังหารและการป้องกันเข้าด้วยกัน และบรรลุถึงความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุดของการแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธเวทซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

เนื่องจากพลังเซียนของเขาไม่เพียงพอในการปรับแต่งยอดเขาหยกน้อยทั้งหมด เขาจึงทำได้เพียงอาศัยค่ายกลจักรวาลเพื่อชดเชย ในขณะที่เต๋าจักรวาลมีความต้องการสูงสำหรับการสร้างความแข็งแกร่งพื้นฐานของค่ายกล…

หลี่ฉางโซ่วทำการคำนวณคาดการณ์อย่างรวดเร็ว

“หากใช้เฉพาะเงินสนับสนุนรายเดือนที่ข้า ท่านอาจารย์ และศิษย์น้องหญิงได้รับ และส่วนแบ่งคงที่ที่มอบให้กับยอดเขาหยกน้อย บางทีข้าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสาม…หมื่นปี หากข้าต้องอาศัยความเร็วในการหลอมโอสถเพื่อทำการซื้อขายในเมืองฟาง มันก็จะใช้เวลามากกว่าหนึ่งพันปี…”

หนึ่งพันปี แม้ว่าจะตัดสินจากอายุขัยปัจจุบันของเขา แต่ก็ไม่นานนัก และเป็นไปไม่ได้ที่สำนักตู้เซียน จะล้มลงในพันปี

เวลาหนึ่งพันปีนั้น อาจไม่ถือว่านานนักสำหรับอายุขัยในยามนี้ของเขา ในขณะที่สำนักตู้เซียนย่อมจะไม่ล่มสลายไปภายในหนึ่งพันปี

แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงอยากทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงใช้เวลาครึ่งวันในการพัฒนาวิธีสร้างโชคลาภเล็กๆ ด้วยวิธีการทำเงินสองสามวิธีที่จะทำให้เขามีรายได้โดยไม่ต้องออกจากสำนัก ไม่ต้องเผยไพ่ไม้ตายของเขา และไม่ส่งผลต่อความสามัคคีภายในสำนัก

แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ค่อยๆ ตัดความคิดของเขาบางส่วนออกไปทีละอย่าง

ตัวอย่างเช่น ‘ค่ายกลเขาวงกต และค่ายกลกับดักของยอดเขาหยกน้อย’ และ ‘หมู่บ้านภูเขารื่นเริงปิ้งย่างแห่งยอดเขาหยกน้อย’ ทั้งหมดเหล่านี้จะส่งผลต่อการฝึกฝนของศิษย์น้องหญิง และท่านอาจารย์ของเขา

ในท้ายที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงรักษาแผนไว้เหลือเพียงแผนเดียวซึ่งมีผลกระทบน้อยที่สุดและให้ประโยชน์น้อยที่สุด เขาตั้งใจเตรียมสิ่งของที่ใช้สำหรับแผนการนี้และวางเอาไว้ใกล้มือที่ริมทะเลสาบของยอดเขาหยกน้อย…

เขาคิดว่าเขาไม่ได้เสียเวลาครึ่งวันของเขาไปอย่างไร้ประโยชน์

มีกล่องไม้สูงครึ่งจั้ง เขาเปิดมันจากด้านข้างและเห็นด้านในเป็นงานไม้แกะสลักของ ‘แมวท้องโต’ อยู่ข้างใน ซึ่งเขาไม่สนใจที่จะทาสีมัน

มีแผ่นป้ายไม้อยู่ข้างกล่องไม้ ซึ่งมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า

‘วัตถุนี้เรียกว่ากล่องทำนายแมวเซียน แต่แท้จริงแล้วมันเป็นกล่องตอบโต้ ซึ่งจะให้คำแนะนำตามสิ่งที่เราพูด ก่อนใช้งาน กรุณาใส่สิ่งของมีค่า เช่น ศิลาวิญญาณ อาวุธเวท และโอสถ และสิ่งของต่างๆ เข้าไปในปากของแมวเซียนนี้ แล้วชุดไม้ไผ่ที่เขียนมาตรการรับมือจะปรากฏออกมาใต้กล่องไม้

หมายเหตุ: การใช้งานจะหมายถึง ผู้ใช้ยอมรับเงื่อนไขข้อกำหนดการใช้งานที่เกี่ยวข้องของ ‘กล่องมาตรการรับมือของยอดเขาหยกน้อย’ ในทันที และจะไม่มีการคืนค่าบริการ

ด้วยความเคารพ ปรมาจารย์ผู้นำแห่งยอดเขาหยกน้อยฉีหยวน’

จะมีผู้ใดตกหลุมลวงของเจ้าสิ่งนี้

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและแอบทิ้งใยแมงมุมชิ้นเล็กๆ เอาไว้ในกล่องไม้ จากนั้นเขาก็ลอยออกไปและกลับไปที่หอโอสถเพื่อหลอมโอสถและเข้าสู่เฉิงเต๋าต่อไป

มีการออกแบบที่ซับซ้อนบางอย่างภายในกล่องไม้ มีม้วนไม้ไผ่สี่สิบเก้าม้วนอยู่ข้างใน ม้วนไม้ไผ่แต่ละม้วนล้วนมีวลี ‘ไม่เลวเกินไป’ หรือ ‘ทะเยอทะยาน’ เขียนเอาไว้

“ข้าไม่มีพรสวรรค์ในการหลอกลวงผู้ใดจริงๆ”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและเปิดใช้งานเตาหลอมโอสถสีดำสนิท จากนั้นเขาก็วางสมุนไพรที่เขาจัดไว้ก่อนหน้านี้ลงไป

ครึ่งวันต่อมา…หลี่ฉางโซ่วก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที และภาพของกล่องไม้ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

จู่ๆ ก็มีศีรษะเล็กเอนลงมา รูปลักษณะละเอียดอ่อนงดงาม ใบหน้าของนางสวยงามน่าหลงใหล นางมีผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนและกำลังมองขึ้นลงขณะพิจารณาแมวไม้ที่อยู่ข้างใน

ทันใดนั้นเมื่อมองไปที่ใบหน้านี้จากระยะใกล้เช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ตะลึงงันจนไม่อาจตอบสนองอะไรได้ชั่วขณะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายได้เปลี่ยนตำแหน่งของนางจากการก้มตัวเป็นยืนตัวตรง ภายใต้เสื้อผ้าป่านแน่นๆ ของนาง…

อาจารย์อาจิ่ว!

ในเวลาเดียวกันนั้น เวทวายุวัจน์ของหลี่ฉางโซ่วก็ทำให้เขาได้ยินเสียงพึมพำของอาจารย์อาน้อย…

“กล่องมาตรการรับมือ? เจ้ากำลังคิดจะหลอกผู้ใดกัน เจ้าคิดว่าจะนำศิลาวิญญาณของผู้อื่นไปได้ด้วยสิ่งนี้หรือ”

อาจารย์อาน้อยหัวเราะคิกคักเบาๆ แล้วหยิบก้อนกรวดมั่วๆ ขึ้นมาก่อนจะโยนมันเข้าไปในปากของแมวไม้

หลังจากนั้นนางก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “กล่องมาตรการฟังนะ บัดนี้ ข้ามีคำถามเล็กน้อย ข้าจะได้สุรา อาหารเลิศรส และบุรุษรูปงามได้อย่างไร!!

อืม…ข้าถอนอย่างสุดท้ายออกไปก็ได้”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและหรี่ตา ทันใดนั้น พร้อมกับขยับความคิด เขาก็เปิดค่ายกลขนาดเล็กในกล่องไม้ และม้วนไม้ไผ่ชุดหนึ่งก็พุ่งออกมาจากรูใต้กล่องไม้และถูกจิ่วจิ่วจับเอาไว้ได้

จากนั้นจิ่วจิ่วก็มองดูถ้อยคำและอ่านเบาๆ “มีความสงสัยมากมายในหัวใจของท่าน แต่คำตอบอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจของท่านเอง ดื่มน้ำแล้ว อย่าลืมคนขุดบ่อน้ำ[1] อย่าลืมว่าผู้ใดให้ทุกสิ่งที่ท่านมี ไม่ควรค่ารักษาไว้หรือ”

จิ่วจิ่วกะพริบตาและพึมพำเบาๆ “น่าสนใจดี”

จากนั้นนางก็พลิกม้วนไม้ไผ่แล้วมองดูก็พบว่ามีข้อความเขียนเอาไว้ว่า ‘โปรดอย่านำสิ่งนี้ไป ให้ใส่กลับเข้าไปในรูที่ด้านข้างกล่อง’ แล้วนางจึงใส่มันกลับเข้าไป

นางจำไม่ได้ว่านี่เป็นลายมือของฉี หยวน

หลังจากนั้น จิ่วจิ่วก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบศิลาวิญญาณที่กำลังจะหมดพลังงานออกมา แล้วโยนมันเข้าไปในปากของแมวท้องโต

จากนั้น จิ่วจิ่วก็กล่าวว่า “ข้าอยากถามคำถามอื่นกับเจ้า เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินศิษย์พี่หญิงหกและศิษย์พี่หญิงสี่บ่นถึงคู่บำเพ็ญเต๋าของพวกนาง แล้วการมีคู่บำเพ็ญเต๋าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีเล่า” หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ในหอโอสถครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และด้วยการสะบัดนิ้วของเขา ทันใดนั้น ค่ายกลขนาดเล็กก็ส่งม้วนไม้ไผ่อีกม้วนออกมาอีกครั้ง

หลังจากที่จิ่วจิ่วถือมันเอาไว้ นางก็อ่านเบาๆ ว่า “วิถีเซียนนั้นไร้ตัวตนและเต๋าของมนุษย์นั้นชัดเจน แต่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์และเซียน สุดท้ายแล้วล้วนต้องจากลา เช่นนั้น ไยต้องกังวล…โอ้ ฟังดูมีเหตุผล! สิ่งนี้มีประสิทธิภาพทีเดียว”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จิ่วจิ่วก็หันศีรษะไปมองรอบๆ นางวางกำแพงกันเสียงเอาไว้รอบกายนาง และในครั้งนี้ นางก็หยิบหยกคุณภาพสูงออกมาแล้วใส่ลงในกล่องมาตรการอย่างระมัดระวัง

เพียะ! เพียะ!

นางตบฝ่ามือเข้าหากันแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหายใจออกมาช้าๆ อีกครั้ง

“นั่นสิ แมวเซียน ข้ามีสหายเต๋าผู้หนึ่ง…สำหรับนาง นางติดหนี้หลานชายที่อายุน้อยกว่านางมาก ในด้านอายุและความอาวุโสแล้ว นางได้รับความช่วยเหลือมากมายจนนางไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขาอย่างไรดี นางควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้”

หลี่ฉางโซ่วอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ และเมื่อมองไปที่หยกสวยงามชิ้นนั้น คราวนี้ เขาจึงให้ชุดม้วนไม้ไผ่ ‘ที่ดีเยี่ยม’ แก่นาง

“อยู่อย่างอิสระ ไร้อุปสรรค และไร้กังวลใดๆ ในเมื่อท่านได้ก้าวเข้าสู่วิถีเซียนแล้ว เช่นนั้น ไยต้องกังวลกับสิ่งที่ไม่รู้”

จิ่วจิ่วยืนอยู่ที่นั่นและสัมผัสได้ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้น สีหน้าท่าทางตระหนักรู้ก็ฉายชัดออกมาบนใบหน้าของนาง จากนั้นนางก็โค้งคำนับให้แมวเซียนอย่างจริงจัง ก่อนจะหันหลังกลับและจากไปพร้อมด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีของนาง

ข้าคิดว่าคงมีแต่เพียงท่านอาจารย์อาน้อยเท่านั้นที่จะตกหลุมลวงของเจ้าสิ่งนี้ เพราะนางเมามากเกินไป…แค่กๆ

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ ในใจ หยกสวยงามชิ้นนั้นไม่เลว เขาสามารถแลกเปลี่ยนมันเป็นวัสดุล้ำค่าในภายหลังได้

ทว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซวไม่คาดคิดคือ…

[1] ดื่มน้ำแล้ว อย่าลืมคนขุดบ่อน้ำ ให้กตัญญูรู้คุณคน อย่าลืมบุณคุณคน