แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นห้องของหยานชิงเจ๋อ เธอวิ่งมาที่ห้องของเขาดึกๆดื่นๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีเหตุผล
อีกทั้งซูสือจิ่นยังไม่รู้ว่า จะเผชิญหน้าเขาอย่างไรในวันพรุ่งนี้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงยกแขนของเขาขึ้นเล็กน้อย อยากที่จะออกไปจากอ้อมแขนของเขา แล้วกลับห้องของตนเองไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แต่เธอเพิ่งจะขยับเพียงเล็กน้อย ก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกได้ จึงใช้แขนกอดรัดไว้แน่นทันที
ด้วยเหตุนี้ซูสือจิ่นจึงถูกหยานชิงเจ๋อนำกลับมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง
เพราะการกระทำเช่นนี้ของเขา เธอจึงตึงเครียดเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกดีใจ
เธอสูดกลิ่นกายของเขาอย่างกระหาย กลิ่นกายที่คุ้นเคย นำพาไปด้วยกลิ่นเหล้าที่ชวนให้หลงใหล เธอสูดเข้าไปหลายๆทีติดต่อกัน จากนั้นก็รู้สึกว่าสมองมึนงงไปหมด
ถึงแม้จะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน เธอก็ไม่ควรอยู่ที่ห้องนี้ต่อ
ดังนั้นซูสือจิ่นจึงค่อยๆหดตัวกลับอีกครั้ง ต้องการที่จะออกจากอ้อมแขนของหยานชิงเจ๋อ
เห็นได้ชัดว่าเขาหลับลึกขนาดนั้น แต่เมื่อเธอขยับเล็กน้อย เขาก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที ดึงเธอกลับมาอีกครั้ง
จนกระทั่งครั้งสุดท้าย เธอเกือบจะลงจากเตียงได้แล้ว เขาที่หลับตาอยู่ ก็จับเธอกลับมาด้วยความสะลึมสะลือ ออกแรงกอดรัดเธอไว้ แล้วยังนำขามาพันไว้รอบตัวเธออีกด้วย
เธอถูกเขากดไว้ในอ้อมกอดอย่างสมบูรณ์แบบจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และได้ยินเขาพูดออกมาอย่างไม่ชัดเจนว่า : “ซีหยู่ ทำไมวันนี้รู้สึกต่างไปจากปกติล่ะ?”
ซูสือจิ่นพยายามเงยหน้าขึ้นมองไปยังหยานชิงเจ๋อ
คิ้วที่สวยงามของเขาขมวดขึ้น ดูเหมือนไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่มีความรักใคร่เอ็นดูอยู่ด้วย : “รู้สึกว่าน่ารักยิ่งกว่าปกติ ทำให้ฉันต้องการรักคุณมากขึ้นไปอีก”
หัวใจของซูสือจิ่นเต้นรัวจนผิดจังหวะ
และหยานชิงเจ๋อยังพูดต่ออีกว่า : “น่ารักแบบนี้ตลอดไปเลยได้ไหม?”
เธออยากจะร้องไห้
เขาพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา ถึงแม้จะเป็นการบอกกับเจียงซีหยู่ แต่เขาก็กำลังชมเชยเธอในวันนี้
เขาบอกว่าเธอน่ารัก ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรักเธอ
เพราะเหตุนี้ซูสือจิ่นจึงไม่ขยับไปไหน ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของหยานชิงเจ๋ออย่างเงียบๆ
เวลาค่อยๆผ่านไป เธอก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา และไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน
วันรุ่งขึ้นเพราะว่าเจียงซีหยู่มาที่นี่ในฐานะแขก ฉะนั้นจึงตื่นแต่เช้า
หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา ก็ตรงมาที่ห้องครัว แล้วมารับช่วงต่องานของแม่บ้าน บอกว่าหยานชิงเจ๋อชอบทานแป้งทอดของเธอ ดังนั้นจึงเริ่มจากการนวดแป้งก่อนเลย
เพียงแต่เธอทอดแป้งเสร็จแล้ว หยานชิงเจ๋อก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
เจียงซีหยู่จึงเดินออกมาจากครัว ลังเลใจเล็กน้อย แล้วค่อยเดินมาที่หน้าประตูห้องของหยานชิงเจ๋อ
และพอดีกับว่า แม่หยานเห็นว่าปกติแล้วลูกชายตนเองน้อยมากที่จะนอนตื่นสาย และวันนี้ซูเผิงฮวาก็เป็นแขกที่บ้านของตน และก็ตื่นแต่เช้าแล้ว ดังนั้นเธอจึงมาที่หน้าประตูห้องของหยานชิงเจ๋อ แล้วเรียกเขาให้ลุกขึ้น
เธอเห็นเจียงซีหยู่เดินเข้ามา ได้ยินเธอกล่าวทักทายตนเอง จึงพยักหน้าอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็ยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง เรียกหยานชิงเจ๋อ : “ชิงเจ๋อ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ? ควรตื่นได้แล้วนะลูก!”
เธอเคาะประตูสองทีไม่มีเสียงตอบกลับ และเจียงซีหยู่ที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า : “ใช่สิ คุณป้า สือจิ่นก็ยังไม่ตื่นใช่ไหม ตอนเช้าฉันไม่เห็นเธอเลย?”
“เสี่ยวจิ่นเป็นเด็กผู้หญิง นอนพักผ่อนเยอะๆก็ไม่แปลกอะไร” แม่หยานยกยิ้มขึ้นอย่างรักใคร่เอ็นดู : “จะว่าไปก่อนหน้านี้เธอก็ป่วย ควรจะฟื้นฟูสุขภาพร่างกายมากๆ”
เจียงซีหยู่จึงเงียบไป การปฏิบัติต่อเธอกับซูสือจิ่นมันช่างแตกต่างกัน
แม่หยานเห็นว่าหยานชิงเจ๋อยังไม่มีการตอบสนองกลับ ด้วยเหตุนี้จึงเพิ่มแรงในการเคาะประตูให้มากขึ้น : “ชิงเจ๋อ?”
และการเคลื่อนไหวในเวลานี้ ได้ปลุกให้ซูสือจิ่นตื่นขึ้น
เมื่อเธอลืมตาขึ้น สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในรูม่านตาก็คือไหล่ของหยานชิงเจ๋อ
เขาไม่ได้ใส่อะไรเลย เธอสามารถเห็นลายเส้นกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ของเขาและขนตามร่างกายได้อย่างชัดเจน
หัวใจของซูสือจิ่นก็เต้นรัวขึ้นมาในชั่วพริบตา
เมื่อคืนเธอกับเขา……
มารู้ตัวอีกที เธอก็รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเล็กน้อย
และเวลานี้ขนตาของหยานชิงเจ๋อสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะตำแหน่งของเขาหันหน้าเข้าหาผ้าม่านที่ไม่ได้ปิดไว้ ดังนั้นแสงแดดจึงแยงตาเล็กน้อย เขาต้องใช้เวลาสักพักจึงจะชินกับแสง
จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
คาดไม่ถึงว่าจะมีร่างกายที่อ่อนนุ่มอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเพราะว่าเป็นเวลาเช้า ส่วนล่างของเขาจึงแข็งแกร่งขึ้นมา และต้องการเผชิญหน้ากับร่างกายที่นุ่มนวลนั้นตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้นเขาก็ได้สติกลับมา
หยานชิงเจ๋อก้มลงมามอง ก็สบเข้ากับสายตาของซูสือจิ่น
เขาตกตะลึงในทันที มันราวกับว่าตนเองนั้นฝันไป ฉะนั้นจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เพียงแค่พยายามลืมตาให้กว้างขึ้น ต้องการมองซูสือจิ่นให้ชัดๆ
หลังจากนั้นสองสามวินาที ความรู้สึกในอ้อมกอดไม่เพียงยังไม่จางหายไป มันกลับเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น
หยานชิงเจ๋อสับสนอย่างมาก เขาดูงุนงงต่อสถานการณ์ การแสดงออกบนใบหน้าจึงดูทึ่มทื่อเล็กน้อย
และในเวลานี้ซูสือจิ่นจึงรู้สึกว่า ตนเองกำลังประสบกับการลงโทษที่โหดร้ายทารุณ
เธอเหมือนนักโทษในสมัยโบราณที่ถูกแท่นประหารกดทับไว้ รู้ดีว่าตนเองจะต้องถูกตัดสินลงโทษในที่สุด เพียงแต่ป้ายไม้ที่เขียนคำว่า “สังหาร” ในมือของคนตัดสินคดียังไม่ถูกโยนลงมา
เธอหายใจติดขัด คนก็มีท่าทีตึงเครียดไปหมด จนเลือดแทบจะจับตัวกันเป็นของแข็ง
เวลานี้หยานชิงเจ๋อจึงได้สติกลับมา
ความทรงจำเมื่อคืนก็ค่อยๆคืนกลับมา
เขานึกขึ้นได้ว่า เพราะคำพูดของแม่ จึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เขาโกรธแม่ที่ไม่ยอมรับเจียงซีหยู่ และยิ่งโกรธแม่ที่มักจะบอกให้ตนเองดึงน้องสาวที่เอ็นดูมาโดยตลอดมาสู่ความสัมพันธ์ทางโลกกับเขา
ดังนั้น เขาจึงโมโหอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เสียสติไปเพราะดื่มเหล้าเพื่อระบายอารมณ์ จากนั้น เขาก็จำได้ว่าเขาคล้ายกับวางแผนที่จะไปหาเจียงซีหยู่
เขายังไม่เคยแตะต้องเธอ เพียงแต่ อยากใช้โอกาสในครั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนเธอให้เป็นผู้หญิงของตนเอง ทางที่ดีก็อยากจะให้ตั้งท้อง แล้วดูซิว่าแม่จะยังสามารถคัดค้านได้อีกไหม
เพียงแต่——
หยานชิงเจ๋อหรี่ตามอง มีภาพเล็กๆน้อยๆที่แวบเข้ามาในสมองของตนเอง
ในภาพเหตุการณ์ มีคนมาเคาะประตู เขาเปิดประตู จากนั้น…..
เหมือนกับว่าเขาจะจูบเธอ โอบกอดเธอ และสุดท้าย ยังเกิดความสัมพันธ์ขึ้นกับเธอด้วย……
ทันทีหยานชิงเจ๋อก็มองไปยังผู้หญิงในอ้อมกอดอีกครั้ง
เวลานี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีน้ำเย็นราดรดลงมาจากบนหัว หนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก แล้วยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัวที่ความถูกผิดบนโลกใบนี้จะกลับตาลปัตรไป
จู่ๆแววตาของหยานชิงเจ๋อก็แสดงอาการช็อกอย่างชัดเจน ซูสือจิ่นก็รู้ว่า วันเวลาที่สุขสงบและอบอุ่นระหว่างพวกเขา ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ชั่วพริบตา เธอก็รู้สึกปล่อยวางเล็กน้อย
เธอมองดวงตาของหยานชิงเจ๋อ แล้วกล่าวกับเขาว่า: “พี่ชิงเจ๋อ”
เสียงร้องเรียกที่นุ่มนวลนี้ จุดอารมณ์ทั้งหมดของหยานชิงเจ๋อได้ถึงที่สุด
สายตาองของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจัง: “เสี่ยวจิ่น คุณบอกฉันมาซิว่า เมื่อคืน ตั้งแต่ต้นจนจบคือคุณเหรอ?”
ซูสือจิ่นพยักหน้า ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย
หยานชิงเจ๋อคล้ายกับถูกโจมตีอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปเล็กน้อย: “คือคุณจริงๆเหรอ?”
ซูสือจิ่นพยักหน้าอีกครั้ง
“ทำไมดึกดื่นค่อนคืนแล้ว คุณยังมาหาฉันที่ห้องอีก?!” ตอนที่พูดประโยคนี้ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเคร่งขรึมเฉียบขาดราวกับคมมีด ซักถามด้วยแววตาที่น่ากลัว
“ฉัน….” ซูสือจิ่นเห็นท่าทีของหยานชิงเจ๋อในเวลานี้แล้ว ก็รู้สึกว่าเดิมทีความรู้สึกชื่นชอบที่อยากจะบอกเขานั้น ชั่วพริบตากลับจนปัญญาที่จะเอ่ยปากโดยสิ้นเชิง
และเวลานี้ คาดไม่ถึงว่าแม่หยานและเจียงซีหยู่ที่อยู่ด้านนอกจะได้ยินเสียงการสนทนาที่ดังมาจากด้านใน คนทั้งสองต่างก็นิ่งอึ้งไป
แม่หยานได้สติกลับมาก่อน เธอจึงเคาะประตูอีกเล็กน้อย จากนั้น ก็หมุนลูกบิดประตู
เพราะเมื่อวานหยานชิงเจ๋อเป็นคนเปิดประตู และเขาไม่ได้มีสติที่จะล็อกประตู ดังนั้น พอแม่หยานหมุนลูกบิด ประตูก็เปิดออก!
ตามประตูที่เปิดอย่างช้าๆ เธอก็เห็นภาพด้านในชัดเจน คนยืนช็อกอยู่กับที่ ไม่เปล่งเสียงใดๆออกมา
เจียงซีหยู่ที่อยู่ด้านหลังของเธอ เห็นภาพเหตุการณ์ด้านในช้ากว่าสองวินาที ในชั่วพริบตาใบหน้าก็ซีดเผือดไป!
เห็นว่าหยานชิงเจ๋อและซูสือจิ่นไม่ได้สวมอะไรเลย เขาโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด สบตาซึ่งกันและกัน และชุดนอนกับกางเกงในของพวกเขา ก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ผ้าห่มก็เลื่อนลงมาครึ่งหนึ่ง
เกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็คงไม่ต้องคาดเดาและพิสูจน์โดยสิ้นเชิง
หยานชิงเจ๋อที่อยู่บนเตียงรู้สึกได้ถึงลมเย็น เขาหันหน้ากลับมา ก็ได้เห็นแม่ของตนเองและแฟนสาวของตนเองยืนอยู่ที่หน้าประตู แต่เพราะเมื่อกี้เขารู้สึกตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะลืมปล่อยซูสือจิ่น
เป็นครั้งแรกที่ในดวงตาของเขาปรากฏความหวาดกลัว เขาอ้าปาก กำลังจะเรียกชื่อเจียงซีหยู่ แต่เธอกรีดร้องขึ้นมาก่อน จากนั้นก็หันตัวกลับแล้ววิ่งออกไป
หยานชิงเจ๋อรีบปล่อยซูสือจิ่น ต้องการจะไล่ตามเจียงซีหยู่ไป
แต่เขาไม่ได้สวมใส่อะไรเลย ขืนทำแบบนั้น ร่างกายก็จะถูกเปิดเผย
เขาทำได้เพียงนำผ้าห่มมาพันตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวกับแม่หยานว่า: “แม่ คุณออกไปก่อนเถอะ!”
และด้วยเสียงกรีดร้องของเจียงซีหยู่ จึงทำให้พ่อหยานและซูเผิงฮวาต้องตกใจ คนทั้งสองเห็นเธอวิ่งออกไปราวกับเป็นบ้า คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบมาที่ห้องนอนของหยานชิงเจ๋อ
ด้วยเหตุนี้ คนทั้งหมดจึงได้เห็นฉากนี้
เวลานี้ โลกใบนี้เงียบสงัด บรรยากาศแทบจะถูกหยุดเอาไว้ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่นลงพื้น
เพราะซูสือจิ่นไม่ได้สวมเสื้อผ้า เวลานี้เธอจึงรู้สึกอับอายและหวาดกลัว อดไม่ได้ที่จะดึงปลายผ้าห่มอีกด้านหนึ่ง แล้วซ่อนตัวเองอยู่ด้านใน ไม่กล้าลืมตาโดยสิ้นเชิง
และหยานชิงเจ๋อ หลังจากได้สติแล้วเมื่อกี้ ก็ไม่ได้มองเธออีก
ทันใดเธอก็รู้สึกว่าร่างกายเย็นยะเยือก เธอแทบจะหนาวจนตัวสั่น กระทั่งปรารถนาที่จะให้ตนเองกลายเป็นน้ำแข็งไปเลยจริงๆ
จนกระทั่งพ่อหยานเอ่ยปากว่า: “ชิงเจ๋อ ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วตามฉันมาเดี๋ยวนี้!”
พอเขาพูดจบ ทุกคนก็ได้สติแล้วออกจากห้องไป แม่หยานดึงประตูปิดให้
ชั่วพริบตาที่ปิดประตู หยานชิงเจ๋อก็ออกมาจากในผ้าห่ม
เขากระโดดลงมาจากเตียงแบบเปลือยเปล่าแบบนั้น หยิบกางเกงในและเสื้อผ้าขึ้นมาสวม จากนั้น ก็หันกลับไปมองซูสือจิ่นทันที
สายตาที่เยือกเย็นของเขา เป็นความเยือกเย็นที่น่าสะพรึงกลัวแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอใจสั่นรัว หดตัวกลับโดยสัญชาตญาณ
หยานชิงเจ๋อโน้มตัวลง เข้าใกล้ซูสือจิ่นทีละน้อยๆ เขาเห็นถึงความหวาดกลัวของเธอได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าความโกรธภายในใจกลับรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง แล้วกล่าวถามเธอว่า: “เสี่ยวจิ่น เมื่อวาน เป็นคุณที่มาหาฉันใช่ไหม?
ซูสือจิ่นสีหน้าซีดเผือดกัดริมฝีปากเล็กน้อย น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตา
เธอรู้ดีว่า ถ้าหากเธอยอมรับ ระหว่างพวกเขาก็จะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าตนเองจะโกหกได้อย่างไร
หยานชิงเจ๋อกับเธอรู้จักกันมาหลายปี จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าปฏิกิริยาในตอนนี้ของเธอหมายความว่าอะไร?
เขาไม่แน่ใจเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะโมโหจนอกแทบระเบิด จึงทำให้ยิ้มออกมาด้วยความโกรธ
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาอย่างมากว่า: “งั้นคุณบอกฉันมาซิว่า คุณได้ขัดขืนบ้างไหม?”
ชั่วพริบตา ซูสือจิ่นก็รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกคนถอดเสื้อผ้าออก แล้วนำมาผึ่งแดดภายใต้ท้องฟ้าสีคราม จนปัญญาที่จะหลีกหนีไปได้
ทั้งหวาดกลัว ทั้งอับอาย