บทที่ 249 อย่าเข้ามานะ!

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 249 : อย่าเข้ามานะ!

โครม!

เจโรมสะดุ้งกับเสียงที่เกิดอย่างกะทันหัน

เขายังจ่อมจมกับความคิดเพ้อฝันถึงอนาคตที่พึงปรารถนาของเขาในขณะที่กำลังทำงานจัดเรียงข้อมูลการทดลองเกี่ยวกับ S-277 อยู่เลย

แม้ตัวเจโรมเองจะฝังความทะเยอทะยานของตัวเองไว้ลึกแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นแค่ผู้ช่วยคนหนึ่งที่มีสติปัญญาสูงกว่าหุ่นยนต์ทำความสะอาดนิดเดียวเท่านั้นในจุดนี้

หลังจากท่านเรซิเอลจัดการกับร้านหนังสือแล้ว เจโรมก็รู้สึกว่าตัวเองคงได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว แทนที่มาร์กาเร็ตในฐานะผู้นำฝ่ายเภสัชกรรมในสมาคมแห่งสัจธรรม

เมื่อคิดถึงมาร์กาเร็ต เจโรมก็อดฉีกยิ้มเยาะเย้ยไม่ได้

ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรุ่นเด็กกว่า แต่ความหยิ่งผยองของเธอไม่จบไม่สิ้น เธอพึ่งความสามารถด้านโอสถอาถรรพ์ที่ร้ายกาจของเธอแล้วปฏิบัติกับลุงของเจโรมอย่างเดียดฉันท์

พูดง่าย ๆ ก็คือ เจโรมจงเกลียดจงแค้นมาร์กาเร็ตเข้ากระดูกดำ

ในตอนแรกที่ทั้งคู่แย่งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมกัน เขาเคยแอบส่งส่วยไปกล่อมมาร์กาเร็ต หวังว่าเธอจะยอมให้เขาได้ตำแหน่งไป

ทว่ามาร์กาเร็ตกลับเชิดคางด้วยสีหน้าดูแคลนแล้วบอกเจโรมว่าเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ ในขณะที่เจโรมฉีกยิ้ม ในใจของเขากลับเดือดดาลและยังเจ็บแค้นกับเธอจนตอนนี้

แล้วหลังจากกลายเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาได้ เธอก็ตัดสินใจปฏิรูปโครงสร้าง ตัดรายได้เสริมของเจโรมจากการขายยาผิดกฏหมายออก ความไร้ปราณีของมาร์กาเร็ตยิ่งทำให้เขาโมโห

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เจโรมคิดในใจพลางยิ้มอย่างสุขสันต์ขณะกำลังจัดเรียงข้อมูล

ครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบมาร์กาเร็ตก็คือในห้องแล็ปลับใต้ดินแห่งนี้

ตอนนั้น แม่สาวโอหังที่มีสีหน้าดูแคลนก็ได้กลายมาเป็นวัตถุดิบสำหรับการค้นคว้าการสร้างอัตตาในมนุษย์ประดิษฐ์ไปแล้ว หลอดแก้วถูกฝังไว้ทั่วตัวเธอในขณะที่หัวของเธอถูกเฉาะ เผยให้เห็นสมองของเธอเป็นวงกว้าง

แน่นอนว่าเธอยังมีสติ และที่จริงก็ตื่นตัวมากด้วย ซึ่งนั่นเป็นข้อกำหนดเริ่มต้นของการทดลอง

ทว่าเธอขยับไม่ได้ และไม่สามารถสัมผัสสิ่งรอบตัวเธอได้เลย

วิญญาณของเธอถูกตรึงกับที่ในร่างของเธอราวกับถูกขังในคุกมืดไปชั่วนิรันดร์ เป็นการทรมานที่เกินจินตนาการ

เจโรมคิดเรื่องนี้ทีไร เขาก็อดหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ทุกที

การวิจัยของท่านเรซิเอลต้องใช้นักวิชาการที่มีจิตใจเข้มแข็งทนทานและสมองที่พัฒนาในระดับสูงมาเป็นวัตถุดิบวิจัยมนุษย์ประดิษฐ์ และวัตถุดิบเหล่านี้ก็ย่อมมาจากสมาคมแห่งสัจธรรม

ทรัพยากรที่ดีที่สุดจากสมาคมแห่งสัจธรรมก็คือนักวิชาการพวกนี้แหละ…

และคนที่ใส่ชื่อมาร์กาเร็ตในรายชื่อ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าคือเจโรม

ในตอนนี้ ชะตากรรมของมาร์กาเร็ตก็สิ้นสุดลงแล้ว และเจโรมซึ่งเป็นรองหัวหน้าก็จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมไม่ช้าก็เร็ว

หลังจากนั้น…เรื่องราวก็จะง่ายขึ้นเยอะ

แอนดรูว์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ‘สัมผัสแห่งจิตวิญญาณ’ ถูกส่งไปที่ร้านหนังสือให้เป็นแพะรับบาปของเจโรมแล้ว และคงไม่แคล้วพบจุดจบด้วยมือของเจ้าของร้านหนังสือ

แล้วตำแหน่งรองประธานก็จะมีเก้าอี้ว่าง

ประธานผู้ประกาศเก็บตัวเพื่อเลื่อนเป็นขั้นเหนือนภานั้น ที่จริงเธอไปยังเขตล่างเพื่อตรวจสอบวัตถุโบราณลึกลับชิ้นหนึ่ง เธอหายไปครึ่งปีแล้ว และจากการคาดเดาจากรายงานช่วงนี้ ก็เป็นไปได้สูงว่าเธอจะไม่กลับมาอีก

แล้วสุดท้ายเจโรมก็จะได้เป็นประธานสมาคมแห่งสัจธรรม และเป็นระดับเหนือนภาคนต่อไป…

ทว่าฝันหวานของตัวเองถึงสิ่งที่กำลังจะมาถึงพลันหยุดลงกะทันหัน

เสียงจากเบื้องหลังเขาเกือบทำให้วิญญาณของเจโรมปลิวออกนอกตัว หัวใจของเขาหล่นวูบ มือสั่น เกือบทำให้ตัวเองลบไฟล์ทิ้งโดยไม่ได้ตั้งใจ

นี่คือห้องทดลองของท่านเรซิเอล ที่ที่ได้รับเกียรติให้พำนักของระดับเหนือนภา ทำไมถึงเกิดเสียงดังและการกระเพื่อมไหวของอีเธอร์ที่นี่ได้ล่ะ…

หรือท่านเรซิเอลกำลังทดลองอะไรอยู่?

เจโรมถูกย้ำเตือนด้วยภาพร้านหนังสือในกระจกของเรซิเอล แล้วความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็แวบขึ้นในใจ

หรือท่านเรซิเอลกำลังดวลกับเจ้าของร้านหนังสือผ่านมิติและเวลา และเสียงนี้คือผลพวงจากการดวลของพวกเขา?

เจโรมถูกความสงสัยและความงุนงงครอบงำ เขาลุกขึ้นอย่างหวาดกลัวแล้วหันไปตรวจสอบ

สิ่งที่เขาเห็นคือเรซิเอลที่ไม่ไหวติง

ทว่าความต่างเดียวเทียบกับเมื่อก่อนคือเรซิเอลกำลังอยู่ในสภาพถอยหนี และเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อก่อนหน้านี้กลายเป็นกองธุลีบนพื้นไปแล้ว

สิ่งที่ยิ่งแปลกกว่าคือเรซิเอลยังค้างอยู่ท่าถอยหนีในขณะที่ตายังจ้องภาพร้านหนังสือที่ไม่เปลี่ยนไปเลยในกระจก

“ท่านเร…ซิเอล?”

เจโรมผู้กังวลใจเอ่ยเรียกอย่างระวัง “ท่านเรซิเอลครับ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

ไม่มีการตอบสนอง

เรซิเอลยังคงจับจ้องกระจกราวกับไม่ได้ยินที่เจโรมพูด ตอนนี้เองที่เจโรมสังเกตเห็นว่านักวิชาการเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่และปราดเปรื่องกำลังตัวสั่น…

เจโรมคิดว่าเขาคิดไปเอง

จะเป็นไปได้ยังไง?!

ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เขามองใหม่อีกครั้ง เรซิเอลสั่นเทาอยู่จริง ๆ

เหมือนคนธรรมดาที่ได้พบกับสิ่งที่น่ากลัวสุด ๆ นักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับว่าเขาพร้อมจะวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ ลมหายใจของเขายังคงถี่รัวและหนักหน่วง

ความกลัวเกาะกุมเจโรม ด้วยความที่ห้องแล็ปที่เงียบงันนี้มีเพียงพวกเขาสองคน เรื่องราวเลยดูน่าขนลุกขึ้นแล้ว และความคิดอยากหนีก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!

เกิดอะไรขึ้นกับท่านเรซิเอล?

อะไรกันที่สามารถทำให้คนระดับเหนือนภากลัวได้?

ในขณะที่สามคำถามนี้ก้องสะท้อนในใจเจโรม เรซิเอลก็พลันขยับตัว

เขาแทบไม่มีเวลาให้ยินดีเลยเมื่อเขาตระหนักว่าเรซิเอลกำลัง ‘เต้นแร้งเต้นกา’ กับความว่างเปล่า เขากำลังทำท่าแปลก ๆ ที่บรรยายไม่ถูกราวกับกำลังคิดบางอย่างอยู่

และในขณะเดียวกัน เรซิเอลก็มีท่าทีบ้าคลั่งที่ทั้งแปลกพิลึกและไม่ฉลาดเลย

เขาทำท่าทางแปลก ๆ พลางพูดด้วยภาษาที่ฟังไม่ออกราวกับเสียการควบคุมตัวเองไป แล้วไม่นานเขาก็เริ่มหัวเราะขำขันดังขึ้นเรื่อย ๆ

เจโรมที่มึนตึงกับภาพตรงหน้าเขากลืนน้ำลายแล้วถอยไปข้างหลังช้า ๆ พลางพูดอย่างละล่ำละลัก “ท…ท่านเรซิเอล ตื่นเถอะนะครับ อย่าแกล้งให้ผมกลัวเลย…ท่านเรซิเอลครับ?”

“เรซิเอล!

“ได้สติทีสิ!”

“ได้โปรดคืนสติเถอะครับ!”

เจโรมจะสติแตกแล้ว

เมื่อกี้เขายังดี ๆ อยู่เลย ทำไมจู่ ๆ เขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?!

ไม่มีอะไร…เดี๋ยวก่อนนะ เรซิเอลทำอยู่อย่างเดียวนี่ เขามองร้านหนังสือผ่านกระจก!

อย่าบอกฉันนะว่า…ไม่ ๆๆ จะเป็นไปได้ยังไง…

เจโรมส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อและปฏิเสธความคิด ในขณะที่ตัวเองกำลังถอยหนีอย่างตระหนกนั้นเอง ก็ได้เห็นภาพที่เขาจะไม่มีวันลืม

หลังจากเงียบเสียงหัวเราะลงได้สักพัก เรซิเอลก็กดนิ้วของเขาเข้าที่ขมับอย่างแปลก ๆ ก่อนจะขุดมือของเขาเข้าไปที่สมอง

เจโรมยืนจังงังขณะมองนักวิชาการระดับเหนือนภาล้วงมือเข้าไปในหัวแล้วขยี้สมองของตัวเองดังโป๊ะลั่นห้อง

“โฮ่…เฮะ ๆๆ…”

รอยยิ้มลี้ลับแขวนบนใบหน้าของเรซิเอลในขณะที่เขาชักแขนของเขากลับ บนมือของเขาคือซากสมองสีแดงปนขาวที่เลอะอยู่ และที่หัวของเขาก็มีรูขนาดใหญ่เป้ง

สีหน้าของเจโรมนั้นไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำใด ฟันของเขากระทบกันเสียงดังกึก ๆ และหัวใจก็แทบหยุดเต้นเมื่อความกลัวกลืนเขาเข้าไป

เรซิเอลที่ไร้สมองไปแล้วถอนหายใจยาว ๆ ราวกับเพิ่งทำสิ่งที่น่าพึงพอใจอย่างมากลงไป เขาหันกลับมามองเจโรมราวกับไม่มีอะไรผิดปกติแล้วตบบ่าเขา “อะไรเล่า? ข้าทำให้เจ้ากลัวหรือ?”

“ไม่เป็นไรหรอกนะ ทุกอย่างถูกจัดการแล้ว ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว อย่าห่วงเลย จัดเรียงข้อมูลต่อเถอะ” เรซิเอลพูดต่อด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ

เจโรมเหลือบมองฝ่ามือเลอะเลือดที่วางบนบ่าของเขาอย่างแข็งทื่อก่อนจะหันสายตาไปที่หัวของเรซิเอล ภายในที่ว่างกลวงนั้นมองเห็นได้ผ่านรู และในนั้นดวงตาดวงหนึ่งพลันเปิดออกจากในซากที่เหลือ จ้องตรงมาที่เขา

ทันใดนั้น เจโรมก็เริ่มทึ้งผมตัวเองอย่างแรงแล้วกรีดร้องเสียงแหลม

“อ๊ากกกก!!”

“เจโรม?”

“อ๊าก อ๊าาาาาาาา อย่าเข้ามานะ!”

“เจโรมเอ๋ย อย่ากลัวไป เจ้าจัดเรียงข้อมูลต่อไปได้ไหม? ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้นะ”

“อ๊ากกกกกกก!!!”

กร๊อบบ!

คอของเจโรมถูกเรซิเอลหัก แล้วร่างของเขาก็ถูกโยนทิ้ง

“ปากมาก” เรซิเอลขมวดคิ้วแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมของเจโรมแล้วตบหัวตัวเองเบา ๆ “บ้าดีแท้เจ้านี่…”

เขาโก่งคอของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วยรอยยิ้มกริ่ม “เจ้าของร้านหนังสือนั่นเล่นตุกติกกับสติของเราจริง ๆ ด้วย ยามนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

“อาา ข้าจะทำอะไรแล้วนะ… อ้อใช่ ทำให้ผลงานของข้าสมบูรณ์แบบไง ปรากฏว่าวัตถุดิบที่สร้าง S-277 นั้นมิได้สมบูรณ์แบบที่สุด นางจะมีจุดบกพร่องได้อย่างไรกัน บางทีข้าอาจต้องหาศิลานักปราชญ์ที่มีคุณภาพสูงกว่านี้มาเป็นตัวกระตุ้นพลังงาน…”