ตอนที่ 299 นักรบหุ่นรบชั้นสูง

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าพวกเขาจะไล่เราออกไปจริงๆ?” จ้าวจวิ้นที่เพิ่งจะวางใจก็เกิดความวิตกขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล

“ไม่ใช่ ในเมื่อจนถึงตอนนี้พวกเขาไม่ได้ไล่พวกเราออกไป หลังจากนี้ก็จะไม่เช่นกัน เพียงแต่ฉันรู้สึกมาตลอดว่า ถ้าพวกเราอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลบางอย่าง…” เสียงของหลี่หลานเฟิงแผ่วเบาสุดขีดราวกับกำลังพึมพำกับตัวเอง เขาก็พูดเหตุผลออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะ

“แต่ว่าต่อให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนจริงๆ นายยอมทิ้งไปไหมล่ะ?” จ้าวจวิ้นไม่เชื่อว่าหลี่หลานเฟิงจะตัดใจออกไปเองได้จริงๆ

“ไม่ยอมอยู่แล้ว ต่อให้ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายมากมายอีกแค่ไหน ฉันก็จะอยู่ชมดูให้ได้” หลี่หลานเฟิงตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว หลังจากนั้นก็ยิ้มฝืดเฝื่อนขึ้นมา

ในฐานะที่ตระกูลหลี่เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง พวกเขาก็มีผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันรับใช้อยู่หลายคน แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานะของเขาในตอนนี้ หรือว่าสถานะที่ไม่อาจแพร่งพรายอีกอันต่างไม่มีคุณสมบัติได้รับคำชี้แนะจากคนเหล่านี้…ดังนั้นเขาปฏิเสธการล่อลวงตรงนี้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาอยากกลายเป็นราชาที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเองก็ยิ่งไม่อาจทำได้เลย

“ดังนั้น ทำไมพวกเราต้องคิดเรื่องอนาคตด้วยล่ะ คว้าโอกาสศึกษาให้ดีถึงจะถูก” จ้าวจวิ้นเอ่ยคัดค้านด้วยรอยยิ้ม

“ก็ถูก!” หลี่หลานเฟิงหัวเราะขึ้นมาอย่างไร้เสียง เริ่มสำรวจจิตใจของตัวเองที่ชอบคิดมากเช่นนี้ นิสัยเคยชินแย่ๆ แบบนี้ปลูกฝังในตัวเขามานานแล้ว อยากจะแก้ไขก็ทำไม่ได้แล้ว หลี่หลานเฟิงคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง จิตใจเริ่มใจล่องลอยขึ้นมา

“ดูเร็วเข้า หุ่นรบระดับกลางเคลื่อนไหวแล้ว!” ทันใดนั้นเสียงตะโกนของจ้าวจวิ้นก็ดังลั่นขึ้นข้างหู โชคดีที่พวกเขาใช้แชทส่วนตัว ไม่อย่างนั้นจ้าวจวิ้นตะโกนเสียงดังเช่นนี้จะต้องถูกเจ้าของห้องไล่ออกไปแน่นอน

หลี่หลานเฟิงรีบเก็บงำอารมณ์ เพ่งความสนใจไปที่เวทีประลอง เขาเห็นหุ่นรบระดับกลางเคลื่อนไหวแล้วจริงๆ แต่มันไม่ได้เลือกเข้าโจมตีโดยตรง หากแต่วิ่งกระโดดที่ขอบเวทีประลองอ้อมผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอย่างว่องไว ความเร็วของมันไวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายร่างของหุ่นรบก็ปรากฏเป็นเงาพร่ามัวสายหนึ่ง

“เป็นไปได้ยังไง ? นี่เป็นเทคนิคก้าวไถลเงาที่นักรบหุ่นรบชั้นสูงถึงจะเรียนรู้ได้นี่นา…” จ้าวจวิ้นเห็นฉากนี้ก็อุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

แววตาของหลี่หลานเฟิงหดลงฉับพลัน หรือว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางตัวนี้คือนักรบหุ่นรบชั้นสูง? ควรรู้เอาไว้ว่ามีเทคนิคมากมายที่สามารถใช้ออกมาได้แค่บนตัวหุ่นรบที่เข้ากันได้ เหมือนกับก้าวไถลเงาซึ่งก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งที่มีเฉพาะหุ่นรบระดับสูง หุ่นรบระดับกลางมีเงื่อนไขนี้เลยทำให้เขาใช้ออกมาได้เหรอ?

ไม่รู้ว่าทำไมหุ่นรบกระต่ายเมื่อตอนนั้นถึงได้ผุดขึ้นมาในสมองของหลี่หลานเฟิงตอนนี้ เห็นชัดๆ ว่าเป็นหุ่นรบฝึกหัด แต่การเคลื่อนไหวเทคนิคมากมายของอีกฝ่ายกลับทะลวงขีดจำกัดของหุ่นรบฝึกหัด ปล่อยพลังถึงขีดจำกัดของหุ่นรบออกมา ถึงขนาดนี้ทะลวงขีดจำกัดนี้ไปแล้ว…หรือว่าผู้ควบคุมหุ่นรบที่อยู่ในหุ่นรบระดับกลางตัวนี้จะเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมอีกคน?

“ไม่ ไม่มีทาง…หุ่นรบกระต่ายเขาคือหนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร” หลี่หลานเฟิงส่ายหน้า ไล่ความคิดในสมองออกไป เขาไม่มีทางยอมรับว่ามีคนสามารถเทียบเคียงกระต่ายที่อยู่ในใจเขาตัวนั้นได้เป็นอันขาด!

ในตอนที่ผู้ชมทั้งสองคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง หุ่นรบระดับกลางที่วนอ้อมเวทีประลองหลายรอบแล้วก็ทำการโจมตีอีกครั้งในที่สุด

ก้าวไถลเงาคือทักษะหลบหลีกอย่างหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็เป็นทักษะที่ทำให้ศัตรูสับสนด้วย ทำให้คู่ต่อสู้เกิดภาพลวงตา ภาพติดตาของหุ่นรบจะปรากฏขึ้นในภาพคลิปเพราะเหตุนี้ และนี่เป็นเพียงภาพติดตาไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่บางทีมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการคว้าชัยชนะในการประลองหุ่นรบด้านความเร็วก็ได้

ดังนั้น ในตอนที่จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงเห็นการเคลื่อนไหวโจมตีของหุ่นรบระดับกลางอย่างชัดเจน หุ่นรบตัวนั้นก็โผล่ขึ้นที่ด้านหลังหุ่นรบระดับราชันแล้ว ดาบสมัยราชวงศ์ถังสีดำวาวคมกริบในมือขวาเล่มนั้นฟันลงไปจากศีรษะ

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ยืนยันได้ว่า การมาของดาบเล่มนี้รุนแรงและโหดเหี้ยม ทว่าหุ่นรบระดับราชันเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ก็ยังไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว

เมื่อเห็นดาบสมัยราชวงศ์ถังของหุ่นรบระดับกลางกำลังจะฟันไปที่ตรงบ่าของหุ่นรบ ต่อให้จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงรู้ดีว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันไม่มีทางโดนฟันได้อยู่แล้ว แต่สถานการณ์ที่ใกล้กับอันตรายเช่นนี้ทำให้พวกเขาอดร้องอุทานขึ้นมาไม่ได้ “อ้า!”

เสียง ‘ปัง!’ ดังอย่างคลุมเครือ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเบี่ยงตัวไปเล็กน้อยเท่านั้น และชูแขนขวาขึ้นมาก็หยุดดาบสมัยราชวงศ์ถึงที่กำลังจะฟันบ่าของตัวเองไว้ได้ ที่แท้บนแขนของหุ่นรบระดับราชันเปิดใช้งานโล่แสงเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดาบสมัยราชวงศ์ถังฟันไปบนโล่แสง เกิดแรงสะท้อนมหาศาลสายหนึ่งจนดีดหุ่นรบระดับกลางกลับไป

ในตอนที่ทั้งสองคนคิดว่าการโจมตีของนักรบหุ่นรบชั้นกลางในครั้งนี้ไม่มีประสิทธิภาพ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตอนที่หุ่นรบระดับกลางถูกดีดกลับไป เครื่องยนต์ที่เดิมทีเงียบสนิทก็พลันระเบิดขึ้นมา สิ่งที่หุ่นรบระดับกลางใช้คือแรงผลักสะท้อนกลับ ล้างแรงสะท้อนมหาศาลสายนี้ไปทันที

หลังจากที่เครื่องยนต์ของหุ่นรบลบล้างแรงดีดกลับสายนี้แล้ว มันก็หยุดลงอีกครั้ง หุ่นรบระดับกลางที่ไม่ได้ถูกดีดออกไปพลันหมุนขาทั้งสองข้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะเตะไปทางหุ่นรบระดับราชันที่อยู่ด้านล่างอย่างเหี้ยมโหด

“ลมกรดสังหาร!” จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงเห็นฉากนี้ก็อุทานขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นทักษะระดับสูงเฉพาะนักรบหุ่นรบชั้นสูงอีกอัน

แต่กระบวนท่าที่เหนือความคาดหมายนี้ถูกผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันจัดการอย่างง่ายดายอีกครั้ง ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันคนนั้นชูมือสองข้างขึ้นมาอย่างเฉียบขาด แล้วคว้าข้อเท้าที่ทรงพลังของหุ่นรบระดับกลางสองข้างนั้นไว้แน่นอย่างง่ายดายท่ามกลางลมกรดสังหารที่มองไม่เห็นเงาขา หลังจากนั้นก็เหวี่ยงไปที่พื้นอย่างสบายๆ ร่างของหุ่นรบระดับกลางขนาดมหึมาก็ถูกเหวี่ยงออกไปเช่นนี้เอง

เสียง ‘ปัง!’ ดังสนั่น หุ่นรบระดับกลางกระแทกเข้ากับพื้นเวทีประลองอย่างหนักหน่วงก่อนจะไถลออกไปหลายเมตร

ชั่วพริบตาที่กระแทกโดนพื้นนั้น ต่อให้จ้าวจวิ้นกับหลี่หลายเฟิงที่ยืนชมการประลองตรงมุมก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตรงพื้นที่ตัวเองยืนอยู่ พลังอันน่ากลัวนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาสองคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เชื่อว่านักรบหุ่นรบระดับกลางที่โดนพลังสายนี้เข้าไปโดยตรงไม่มีทางรู้สึกดีกว่าพวกเขาแน่นอน

ทั้งคู่คิดว่าหุ่นรบระดับกลางจะหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ต่อให้ร่างกายแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ก็จะเลือกนอนอยู่บนพื้นเข้าสู่โหมดฟื้นฟูสักหลายวินาที แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า เมื่อหุ่นรบไถลออกไปได้หลายเมตร ในตอนที่ยังไม่ได้หยุดลง หุ่นรบระดับกลางตัวนั้นก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง ฝ่ามือข้างขวาของหุ่นรบฟาดลงกับพื้นโดยพลัน ร่างของหุ่นรบรับพลังสายนี้ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนอากาศ

ในเวลาเดียวกัน เครื่องยนต์ของหุ่นรบก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง คราวนี้ฉวยโอกาสใช้เร่งพลังความเร็ว หุ่นรบพุ่งไปหาผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอย่างอำมหิตราวกับสายฟ้าฟาด อาวุธเย็นในมือฟันไปที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำก็ไม่ปาน ก่อนจะเห็นหุ่นรบระดับกลางตัวนั้นกำลังพุ่งไปมารอบๆ หุ่นรบระดับราชัน ไม่มีใครสามารถคาดเดาทิศทางการเคลื่อนไหวของหุ่นรบระดับกลางได้ วิธีการเคลื่อนไหวที่ไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้ทำให้จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง

ตอนนี้พวกเขาแน่ใจแล้วว่าผู้ควบคุมหุ่นรบที่บังคับหุ่นรบระดับกลางไม่ใช้นักรบหุ่นรบชั้นกลางอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้แน่นอน เขาน่าจะเป็นนักรบหุ่นรบชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะว่ารูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้ต้องการความเร็วนิ้วอันน่ากลัวที่ออกคำสั่งหลายอันสำเร็จในชั่วพริบตา มันไม่ใช่สิ่งที่นักรบหุ่นรบชั้นกลางตัวเล็กๆ คนหนึ่งสามารถทำได้แน่นอน

หลี่หลานเฟิงอดลอบนึกในใจไม่ได้ว่า ถ้าหากเขามาบังคับหุ่นรบระดับกลางตัวนี้ เขาจะออกคำสั่งเคลื่อนไหวที่แทบจะไม่หยุดพักเหมือนที่อีกฝ่ายทำได้หรือเปล่านะ? เมื่อพิจารณาถึงขีดจำกัดของตัวหุ่นระดับกลาง หลี่หลานเฟิงตระหนักได้ว่านี่มันยากมากๆ บางทีเขาอาจจะทำได้ แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่สบายไม่มีติดขัดเหมือนกับอีกฝ่าย นี่หมายความว่าความสามารถในการควบคุมของอีกฝ่ายร้ายกาจกว่าเขาอยู่บ้างใช่หรือเปล่า?

หลี่หลานเฟิงคิดถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกผิดหวังอยู่ในใจรางๆ อัจฉริยะด้านการควบคุมหุ่นรบปรากฏขึ้นรอบตัวเขาทีละคนๆ จากพรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบที่ธรรมดาอย่างเช่นเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้จริงๆ เหรอ?

“เฮ้ พรสวรรค์สำคัญมากก็จริง แต่พื้นฐานกับความพยายามสำคัญกว่าพรสวรรค์นะ ถ้าเกิดนายฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานทุกระดับจนเชี่ยวชาญสุดขีดแล้วละก็ ฉันเชื่อว่านายไม่มีทางด้อยกว่าอัจฉริยะพวกนั้นเลย…” คำพูดที่หุ่นรบกระต่ายทิ้งไว้ให้เขาเมื่อตอนนั้นผุดขึ้นมาในใจหลี่หลานเฟิงอีกครั้ง เขาสั่นสะท้านโดยพลัน ‘ใช่แล้ว บางทีพรสวรรค์ของเขาอาจจะไม่พอ แต่เขาพยายามฝึกฝนมาตลอด เขาฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานทุกระดับเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณของตัวเอง ถึงแม้ว่ายิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งฝึกฝนยากขึ้น แต่เขาไม่เคยลืมคำพูดที่กระต่ายของเขาบอกเตือนเมื่อตอนนั้น นี่เป็นเสาหลักทางจิตใจของเขามาโดยตลอด!’

“วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางแพ้อัจฉริยะพวกนั้นแน่นอน ฉันจะพยายามมากกว่าพวกเขา เมื่อพวกเราเจอหน้ากันอีกครั้ง ฉันหวังว่าฉันจะไม่แหงนหน้ามองนายอีก” หลี่หลานเฟิงลอบกำหมัดของตัวเองแน่นๆ ความมั่นใจที่เดิมที่โดนนักรบหุ่นรบระดับกลางโจมตีจนท้อแท้อยู่บ้างได้ฟื้นกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เขาพ่ายแพ้ให้กับกระต่ายของเขาได้ แต่ไม่อาจแพ้ให้กับคนอื่น ต่อให้พรสวรรค์ด้านการควบคุมของนักรบหุ่นรบระดับกลางโจมตีตรงหน้านี้จะเป็นปีศาจอัจฉริยะอีกสักแค่ไหน ก็ทำลายความมั่นใจของเขาไม่ได้ เขาไม่มีทางแพ้อีกฝ่ายแน่นอน

เสียงต่อสู้กันบนเวทีประลองดังปังๆๆ ไม่หยุด ถึงขนาดที่เกิดความหวั่นวิตกคิดว่ามันดูเหมือนมีจังหวะแบบแผน ถึงแม้สิ่งที่จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงเห็นคือภาพเลือนราง แต่พวกเขาก็รู้ว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันย่อมสกัดการโจมตีอย่างไร้กฎเกณฑ์ของหุ่นระดับกลางได้ทั้งหมด

หุ่นรบระดับกลางจู่โจมอย่างดุเดือดติดต่อกันไปได้หนึ่งนาทีกว่าเช่นนี้เอง ถึงแม้ดูเหมือนเวลาไม่นาน แต่จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงกลับรู้ดีว่า ช่วงเวลาหนึ่งนาทีนี้ ความเร็วมือของผู้ควบคุมที่บังคับหุ่นรบระดับกลางในตอนนี้อยู่ในสภาพความเร็วสูงแน่นอน ต่อให้เป็นจ้าวจวิ้นที่เป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษแล้ว เวลานี้หัวใจเขาก็อดสั่นเทิ้มไม่ได้ มือของเขาเริ่มกระตุกขึ้นมารางๆ รู้สึกเหมือนกับว่าเกิดขึ้นกับตัวเอง

ควรรู้เอาไว้ว่า การเคลื่อนไหวเหล่านี้ต้องการความเร็วนิ้วมือของผู้ควบคุมหุ่นรบสูงมาก ก็เหมือนกับหุ่นรบธรรมดาอย่างหุ่นรบระดับกลางอยากใช้ทักษะระดับสูงเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการบังคับส่วนตัวของผู้ควบคุมมาชดเชย ดังนั้นจ้าวจวิ้นถึงสงสัยว่าตอนนี้ผู้ควบคุมหุ่นรบคนนั้นนิ้วจะเป็นตะคริว ไม่มีความรู้สึกไปแล้วหรือเปล่า

หลังจากที่นักรบหุ่นรบชั้นกลางคนนั้นร่อนลงสู่พื้น ในใจของจ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงก็อดพรูลมหายใจเฮือกหนึ่งไม่ได้ คิดว่าพวกเขาน่าจะผ่อนคลายลง พักผ่อนได้สักพัก ไม่นึกเลยว่าหุ่นรบระดับกลางเพิ่งจะลงสู่พื้นก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง ใช้ก้าวไถลเงาทักษะที่มีเฉพาะนักรบหุ่นรบชั้นสูงพุ่งไปทางหุ่นรบระดับราชัน…

“เชี่ย เขาไม่เหนื่อยเลยหรือไง?” จ้าวจวิ้นอดสบถขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าผู้ควบคุมที่บังคับหุ่นรบระดับกลางคนนั้นจะเป็นหุ่นยนต์?

“ถ้าเกิดระดับที่แท้จริงของอีกฝ่ายคือปรมาจารย์หุ่นรบล่ะ?” หลี่หลานเฟิงตอบกลับเรียบๆ

จากความสามารถในการควบคุมที่หุ่นรบระดับกลางแสดงออกมา หลี่หลานเฟิงไม่คิดว่าความสามารถที่แท้จริงของอีกฝ่ายอยู่แค่ระดับนักรบหุ่นรบชั้นสูง เขาถึงขนาดคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะไปถึงระดับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว ถึงขนาดที่มีความเป็นไปได้ว่าไปถึงระดับผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้วอีกด้วย