หลังจากที่ หลิวจี๋ ลงมือ ลู่เฟิง ก็เรียกต้วนชุยออกมา
“แจ้ง เสี่ยวจือ ให้ดูสถานการณ์ในสนามรบและพร้อมที่จะส่งทหารทุกเมื่อ!’
ลู่เฟิง ได้กล่าวสั่ง
ต้วนชุย ได้พยักหน้าร่างของเขาได้วูบไหวหายไปจากที่นี่เพื่อแจ้งต่อ เสี่ยวจือ
สงครามยังคงดำเนินต่อไป
กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง ได้อาบน้ำ ภายใต้ฝนลูกศรของ เตียวอุ๋น พวกเขาได้สูญเสียทหารหลายหมื่นชีวิต กระทั่งบางคนก็ยังสามารถรอดออกมาได้จากพื้นที่ตรงนั้น
“ฆ่า!”
แต่เมื่อทหารเหล่านี้ออกมาและยังไม่มีการจัดตั้งรูปแบบกองทัพ หลิวจี๋ ก็ได้สั่งให้โจมตีจุดที่เตรียมไว้นานแล้วเพื่อเอาชนะกองกำลังของอาณาจักรอู๋เซียง
ความแตกต่างของกำลังรบระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น ห่างกันมากเกินไป อีกทั้งทหารเหล่านี้ยังเพิ่งหนีตายจากฝนลูกศรมา จึงรู้สึกหวาดกลัวและยังไม่มีใจที่จะต่อสู้มากนัก
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผู้คนนับหมื่นได้ถูกตัดศีรษะและมีทหารอีกจำนวนมากเสียชีวิต
สนามรบแห่งนี้ราวกับสุสานเก็บเกี่ยวชีวิต
ทุกชีวิตที่สูญเสีย ณ ที่แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่คุ้มค่าทั้งสิ้น
ทหารของอาณาจักรอู๋เซียง ที่รอด ฝนลูกศรออกมา พวกเขาไม่มีทางให้ถอยกลับ ด้านหน้าก็คือกองทัพที่ถูกวางเอาไว้ ด้านหลังก็คือฝนลูกศร ทั้งยังมีพรรคพวกของพวกเขาติดตามมาด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ ทหารของอาณาจักรอู๋เซียง จะมีประสิทธิภาพต่ำ แต่ด้วยจำนวนที่เหนือกว่ากองทัพของอาณาจักรหนานหยาน ทำให้พวกเขาต้องจ่ายราคาอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ราคานี้ก็ยังไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเมื่อเทียบกับทหารของอาณาจักรอู๋เซียง ที่ถูกสังหาร
กองกำลังบุกเบิกนี้ยังคงเดินทัพอย่างต่อเนื่อง และ กองทัพ ภายใต้ไป่เหลียนโป ก็ยังคงต้องเข้าร่วมสนามรบ
ทหารชั้นยอดภายใต้คำสั่งของ ลู่เฟิง ไม่สามารถสังหารศัตรูได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน
ทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งกองทัพขึ้นและทั้งสองก็เข้าปะทะกัน
ศีรษะและโลหิตจำนวนมากสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นที่แห่งนี้
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดว่า ไม่เจ้าก็ข้า ใครจะอยู่ใครจะตาย!
ในทางตรงกันข้ามทหารของอาณาจักรหนานหยานกลับมีความรู้ด้านการรบสูงกว่าประสิทธิภาพของพวกเขาย่อมแสดงออกมาได้มากเพียงชีวิตเดียวก็ฆ่าศัตรูไปหลายชีวิต ดังนั้น กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง ย่อมถูกปราบปรามโดยสมบูรณ์
หากไม่ใช่เพราะมีกองกำลังที่มากกว่าแล้วล่ะก็พวกเขาคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
“ท่านแม่ทัพ รูปแบบกองทัพของอาณาจักรหนานหยาน มีช่องโหว่ ทำไมเราไม่ใช้โอกาสที่ดีเช่นนี้ทำลายช่องโหว่และฆ่าลู่เฟิงโดยตรง”
คนที่ เข้าใจรูปแบบทางการทหารสามารถมองเห็นข้อบกพร่องที่ หลิวจี๋ ทิ้งเอาไว้
แม่ทัพของอาณาจักรอู๋เซียง รู้สึกงุนงงมาก เขาเห็นความล่าช้าของ จิ้งซือหรง ที่จะสั่งทัพบนภูเขาติงจิ้งลงไป
จิ้งซือหรง ไม่ได้ตอบ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาย่อมสั่งทหารลงจากเขาติงจิ้งอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ หลังจากจ่ายราคาหนักไป ทำให้ จิ้งซือหรง ไม่กล้าที่จะดูถูกคนของ ลู่เฟิง
มีช่องโหว่ของรูปแบบกองทัพ ทั้งยังเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ไม่มีทาง พวก ลู่เฟิง คงไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
“ไม่มีทางที่พวกมันจะทิ้งช่องโหว่ใหญ่ขนาดนี้เอาไว้”
จิ้งซือหรง ได้ครุ่นคิดและสั่นศีรษะอย่างรุนแรง ตอนนี้ อาณาจักรหนานหยาน กำลังเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของ อาณาจักร ไป่หลัน,หงเปา และ อู๋เซียง พวกเขาต้องแบ่งกำลังต่อสู้ศึกสามแห่ง ตอนนี้ เขากำลังเผชิญหน้ากับหนึ่งในทัพของอาณาจักรหนานหยาน โดยไม่มีกองทัพของอาณาจักรอื่นช่วยเหลือ
“ท่านแม่ทัพ พวกเราไม่ควรพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้!”
“ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพ รีบออกคำสั่งเร็วเข้า นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับอาณาจักรอู๋เซียงของเรา เราจะพลาดไม่ได้”
แม่ทัพที่อยู่ด้านหลังของ จิ้งซือหรง ร้องขอคำสั่ง
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะต่อสู้กับอาณาจักรหนานหยานเท่าไหร่ คนของอาณาจักรอู๋เซียง ก็สูญเสียอย่างหนัก ตอนนี้ พวกเขาพบข้อบกพร่องในการจัดวางทัพของลู่เฟิง มีหรือ ที่พวกเขาจะปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปได้
จิ้งซือหรง ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและตอบกลับ”เอาล่ะ ส่งคำสั่งให้ทัพบนภูเขาติงจิ้ง ลงมือ ดึงทหาร 150,000 นายออกมา จัดการข้อบกพร่องเหล่านี้ และ ทำลายทัพของอาณาจักรหนานหยานซะ!”
“ขอรับ!”
แม่ทัพเหล่านี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความหวาดกลัวจากการเผชิญหน้ากับ กองพันทหารค่ายของเกาชุน ค่อย ๆ จางหายไป
พวกเขากลับไปจับอาวุธและไปสั่งการทหารเพื่อนำกองกำลังเข้าโจมตี
ทันทีที่ ทหารบนภูเขาติงจิ้ง เคลื่อนไหว ลู่เฟิง และ หลิวจี๋ ก็ได้รับข่าว
“ฝ่าบาท ทหารบนภูเขาติงจิ้ง ได้ลงมาแล้ว กองกำลังลับของพระองค์สามารถเคลื่อนไหวได้แล้วตอนนี้!”หลิวจี๋ ได้กล่าวพูดขึ้น
ลู่เฟิง พยักหน้าและเรียกเฉินกังออกมา”ส่งสัญญาณให้ เสี่ยวจือ ฆ่าทุกชีวิตของศัตรูที่ลงมาจากภูเขาติงจิ้ง”
“ขอรับ!”
ทันใดนั้น พลุก็ถูกจุดขึ้น
ต้วนชุย ที่เห็นสัญญาณ ก็ได้มองไปที่ เสี่ยวจือ”แม่ทัพเสี่ยว เป็นคำสั่งจากฝ่าบาท ให้ท่านเริ่มทำการโจมตี”
“ฮ่าฮ่า,ในที่สุดก็ได้มีส่วนร่วมสักที!”
เสี่ยวจือ ได้หัวเราะเสียงดัง เขาได้หันหน้าไปมองกลุ่มกองทัพพยัคฆ์ในชุดเกราะเหล็กสีดำที่อยู่ด้านหลังของเขา”ทหารทุกคนฟังสังหารศัตรู…”
“รายงานท่านแม่ทัพ อีกห้าไมล์ข้างหน้าพบกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียงคาดว่าน่าจะมีประมาณ 100,000 นาย!”ก่อนที่ เสี่ยวจือ จะสั่งการ หน่วยสอดแนมที่เขาวางเอาไว้ก็รีบไปรายงาน
“อะไร มีกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง แสนนายอยู่ข้างหน้าหรือไม่?”
เสี่ยวจือ รู้สึกตกใจอย่างมาก”เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเป็นกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง?”
“ข้าน้อยไม่ได้ดูผิดไปอย่างแน่นอน!”
“พาข้าไปดู”
เสี่ยวจือ ได้ติดตามหน่วยสอดแนมไปยังสถานที่ที่เขาพบกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียง
ต้วนชุย ก็ติดตามไปด้วย
ด้วยความเร็วของพวกเขาไม่นานก็ไปถึงสถานที่ที่กองทัพของอาณาจักรอู๋เซียงอยู่
“กองทัพมังกร!”
ต้วนชุย ได้ทำสิ่งต่าง ๆ ให้กับอาณาจักรหนานหยาน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทัพมังกรของอาณาจักรอู๋เซียงเล็กน้อย
ประสิทธิภาพของทัพมังกรของอาณาจักรอู๋เซียงนั้นมีชื่อเสียงทางตะวันตกเฉียงใต้ของหยูโจว เพราะพวกเขานั้นทรงพลังมาก
การมีอยู่ของทัพมังกรของอาณาจักรอู๋เซียง ทำให้หลายประเทศไม่สามารถเอาชนะอาณาจักรอู๋เซียงได้
อีกทั้งทัพมังกรยังคงมีอำนาจยับยั้งประเทศรอบข้างได้!
อย่างไรก็ตาม ทัพมังกรมีเพียง 250,000 นาย และ ด้วยจำนวนเท่านี้ แน่นอนว่าย่อมมีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่สั่งระดมพลได้
ต้วนชุยได้ขมวดคิ้ว”กองทัพมังกร ของอาณาจักรอู๋เซียง มาที่นี่ได้อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าจักรพรรดิอาณาจักรอู๋เซียง จะบัญชาทัพด้วยตนเอง?”
“เป็นไปไม่ได้!”
เสี่ยวจือ ได้สั่นศีรษะ”ถ้าจักรพรรดิอู๋เซียง อยู่ที่นี่ จริงไม่มีทางที่พวกเราจะไม่รู้ ในความคิดของข้า นี่น่าจะเป็นอาวุธไพ่ตายของอาณาจักรอู๋เซียง ที่มอบให้กับ จิ้งซือหรง เพื่อที่จะกำราบอาณาจักรหนานหยานของเรา”
“แม่ทัพเสี่ยว ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ?”ต้วนชุย ได้กล่าวถาม
เสี่ยวจือ ได้จ้องมองไปที่ ทัพมังกร ของอาณาจักรอู๋เซียง และ กล่าวพูดกับ ต้วนชุย”ข้าต้องรับมือพวกเขา! เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือเมืองเร้ดเมเปิ้ล!”