บทที่ 285 เสื้อขนสัตว์ ณ เมืองชายแดน

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 285 เสื้อขนสัตว์ ณ เมืองชายแดน

บทที่ 285 เสื้อขนสัตว์ ณ เมืองชายแดน

หนานกงหลีถือตุ๊กตาดินเผาสีขาวตัวอวบอ้วนไว้ เขาอดไม่ได้ที่จะเอาหน้าไปถูไถคลอเคลีย จากนั้นก็ตัวสั่นหงึก ๆ เพราะสัมผัสเย็นเฉียบจากดินเผา

ให้ตายสิ หนาวชะมัด!

อ๋องหนุ่มอุ้มตุ๊กตาดินเผาในชุดขนปุกปุยอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มองดูตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ในเมื่อเขาเอาไปไม่ได้เช่นนั้นก็ขอลูบคลำเสียหน่อยแล้วกัน!

หนานกงฉีอวิ๋นและเสี่ยวเป่ามองเขาด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็จัดการธุระของตัวเองต่อ

หนานกงฉีอวิ๋นตั้งใจจะหาช่างฝีมือซ่อมบ้านเรือนเพื่อสอบถามและหารือหลักการในการก่อสร้างเตียงเตา

ด้านเสี่ยวเป่าก็กำลังนับนิ้วคำนวณดู ว่าจะแบ่งสรรของเหล่านี้ให้ท่านพ่อและพวกท่านพี่อย่างไร

หนานกงหลีมิกล้าบอกเสด็จพี่เรื่องที่ตนหยิบตุ๊กตาดินเผาไป หากเขารู้ว่าตนนั้นเลือกก่อน มิรู้ว่าจะถูกทรมานด้วยวิธีใด

วันส่งท้ายปีเก่า

เมื่อเสี่ยวเป่ารู้จากพี่หกว่าพี่ใหญ่จะส่งของขวัญปีใหม่ไปให้พี่รองที่เมืองชายแดน นางก็รีบขนข้าวของมากมายออกจากวังทันที

นอกจากของที่ตระเตรียมไว้ให้พี่รองแล้ว ของท่านอาสี่ก็มีด้วยเช่นกัน

นางเตรียมตุ๊กตาดินเผาไว้ให้ท่านอาสี่ ทั้งยังถามท่านพ่อจนรู้มาว่าท่านอาสี่เกิดปีมะเมีย ปีนักษัตรที่นางจะมอบให้ท่านอาสี่ก็คือม้าตัวน้อยที่แสนน่ารักทว่าสง่างาม

ข้าวของน้อยใหญ่ถูกบรรจุไว้ในหีบห่อและถูกขนส่งออกไป เสี่ยวเป่าพิงกายพี่ใหญ่อย่างแนบชิดพลางบ่นพึมพำ

“มิรู้ว่าตอนนี้พี่รองกับท่านอาสี่จะเป็นเช่นไรบ้าง”

โดยเฉพาะทางด้านท่านอาสี่ ซึ่งเสี่ยวเป่ารู้สึกเป็นห่วงเป็นพิเศษ

หนานกงฉีซิวลูบผมของนางอย่างอ่อนโยน “มิต้องเป็นห่วงหรอก พวกเขาจะต้องไม่เป็นไร”

ณ เมืองหน้าด่าน

ลมหนาวพัดโหมกระหน่ำ ในสายตามองไม่เห็นอะไรนอกจากความรกร้างว่างเปล่า

สภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศก่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรม นิสัยของผู้คนที่เติบโตที่นี่ล้วนหยาบกระด้างและเก่งกล้าอาจหาญ แต่ว่าสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ที่นี่ช่างแร้นแค้นและขาดแคลน

ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านหลังเตี้ยสร้างด้วยโคลนเหลือง การอาศัยอยู่ในบ้านมุงฟางเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเสี่ยงตาย

เนื่องจากที่เช่นนี้มักถูกศัตรูจากต่างแดนรุกรานและลมหนาวพัดทำลาย บ้านมุงฟางจึงไม่นับเป็นที่อยู่อาศัยเสียด้วยซ้ำ

แต่ถึงกระนั้นการที่พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านดินก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เนื่องด้วยสภาพอากาศของที่แห่งนี้หนาวเย็นเกินไป

“แม่ รีบมาดูนี่เร็วเข้า ข้าได้เสื้อขนสัตว์มาด้วย!”

น้ำเสียงหนักแน่นปนหยาบกระด้างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ประตูไม้ถูกผลักออก ชายผิวคล้ำ ริมฝีปากและฝ่ามือที่แห้งแตกวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในบ้าน โดยกอดเสื้อขนสัตว์สองตัวไว้ในมืออย่างระมัดระวัง

“รีบปิดประตูเร็ว เดี๋ยวลูกหนาว”

เสียงของผู้หญิงดังมาจากในห้อง จากนั้นผู้หญิงในชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบก็เดินออกมา ทันทีที่เห็นเสื้อขนสัตว์ในมือของสามี รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ผ่านความลำบากตรากตรำมาอย่างหนัก

หญิงสาวก้าวไปหาอย่างรวดเร็วพร้อมกับสัมผัสเสื้อสองตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แม้จะทำจากขนแกะที่คุณภาพแย่ที่สุด ทั้งยังไม่ขาวผ่องเท่าเสื้อขนสัตว์ที่ทำจากขนแกะชั้นดี แต่สัมผัสนุ่มนวลที่เพียงแค่ลูบไล้เบา ๆ ก็ทำให้นางพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“ดีเลย ฤดูหนาวพวกเราก็จะอบอุ่นแล้ว”

นางพูดไปพลางก็หยิบเสื้อตัวที่มีขนาดเล็กกว่าและเดินเข้าไปในห้อง

“ซวนจื่อ รีบสวมเสื้อขนสัตว์สิ”

ซวนจื่อคือลูกชายของพวกเขาทั้งสอง อายุเพียงแปดขวบ ใบหน้าแดงระเรื่อแบบชาวที่ราบสูง ตัวหนาวสั่นจนสูดน้ำมูกไม่หยุด

เสื้อขนสัตว์ตัวนั้นเห็นชัดว่าเป็นขนาดของผู้ใหญ่ เมื่อสวมให้เด็กน้อยอายุแปดขวบจึงมีขนาดใหญ่เกินไป แต่เมื่อพันไว้รอบกาย ซวนจื่อก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันใด

เด็กชายตัวน้อยตะโกนเสียงดังด้วยความประหลาดใจ

“ท่านแม่ ข้าไม่หนาวแล้ว!”

เขาดีอกดีใจจนกระโดดโลดเต้น

หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา ฝ่ามือที่เย็นเยียบจนมีสีม่วงคล้ำลูบศีรษะของลูกชาย

“ลูกแม่ เสื้อตัวนี้เจ้าใส่เอาไว้นะ”

ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ พลางยื่นเสื้อขนสัตว์ในมือไปให้ แต่กลับถูกนางถลึงตาใส่ จากนั้นก็คว้าเสื้อมาสวมให้สามี

“ให้ข้าทำไม? ข้าอยู่แต่ในบ้านไม่หนาวเสียหน่อย เจ้าต้องออกไปลาดตระเวนรีบสวมไว้เสีย”

ชายหนุ่มกุมมือของนาง “จะไม่หนาวได้อย่างไร? ดูมือของเจ้าสิ”

ฝ่ามือของหญิงสาวหยาบกร้านและแห้งแตกไม่ต่างกัน ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ยิ่งทรมานจากความเจ็บและอาการคัน

นางเป็นผู้ดูแลงานการทุกอย่างภายในบ้าน เพราะมิอยากสิ้นเปลืองฟืนและน้ำร้อนในการซักผ้า นางจึงระเห็จไปซักถึงริมแม่น้ำที่เย็นเฉียบราวกับเป็นน้ำแข็ง

สองสามีภรรยายื้อยุดกันไปมาหวังจะสวมเสื้อขนสัตว์ให้กับอีกฝ่าย

แม้จะยากจนแต่ก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น

“จริงสิ เหมือนข้าได้ยินมาว่าหอภูษากำลังรับสมัครคนทอเสื้อขนสัตว์ ได้ยินด้วยว่าองค์ชายรองนำขนแกะจำนวนหนึ่งมาจากพวกชนเผ่าทุ่งหญ้า…”

ยังพูดไม่ทันจะจบ จู่ ๆ ก็สบเข้ากับสายตาดุร้ายของภรรยา

ชายหนุ่ม : เป็นอะไรไปล่ะนั่น เมื่อครู่ยังอารมณ์ดีอยู่เลยมิใช่หรือ

หญิงสาวถลึงตาใส่เขา “เจ้าโง่ เรื่องสำคัญเช่นนี้เหตุใดถึงไม่รีบบอกข้า!”

พูดจบนางก็รีบกุลีกุจอกลับเข้าห้องและเริ่มเก็บข้าวของทันที

“เจ้าทำอะไรน่ะ”

ชายหนุ่มทำสีหน้างุนงง

หญิงสาวดันเขาให้พ้นทาง “หลีกไป อย่าเกะกะข้า จะทำอะไรเสียอีกเล่า ข้าก็จะไปสมัครงานน่ะสิ เป็นช่างทอผ้าก็จะได้คลุกคลีกับเสื้อขนสัตว์ ทั้งยังได้เงินทุกเดือน ฝีมือเย็บปักถักร้อยของข้าก็ไม่เลว หากว่าได้รับเลือก ต่อไปพวกเราจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่”

เสื้อขนสัตว์เพิ่งเป็นที่นิยมในฤดูหนาวของปีนี้ ในทีแรกไม่ว่าใครได้เห็นเสื้อมีรูพวกนั้นต่างก็ไม่เชื่อว่ามันจะช่วยให้อุ่นได้ แต่หลังจากมีคนเริ่มสวมใส่พวกมัน เพียงไม่นานก็เป็นที่แพร่หลายในทันที

และที่สำคัญที่สุดก็คือเสื้อขนสัตว์พวกนี้มีราคาถูก!

ต่อให้เป็นประชาชนคนธรรมดาก็ยังสามารถเจียดเงินเพื่อหาซื้อได้สักตัว

แม้จะซื้อได้แต่เสื้อขนสัตว์ที่เนื้อผ้าไม่ค่อยดีนัก ทว่ามันก็ยังอบอุ่นและนุ่มสบายกว่าที่พวกเขาเคยสวมใส่เป็นไหน ๆ อีกทั้งราคาก็ยังถูกกว่าเสื้อผ้าที่บุด้วยฝ้าย

เมื่อทุกคนรู้ถึงข้อดีของเสื้อขนสัตว์ก็พากันไปแย่งชิงราวกับคนบ้า

เดิมทีนางยังกังวลว่าเสื้อขนสัตว์จะขึ้นราคาเพราะเป็นที่ต้องการอย่างมาก ทว่าต้องขอบคุณแม่ทัพเซี่ยและองค์ชายรองที่เมตตา ไม่ว่าเสื้อขนสัตว์นี้จะขายดีเพียงใดก็ไม่เคยขึ้นราคาเลยแม้สักครั้ง

แม้แต่พวกพ่อค้าหน้าเลือดที่คิดจะกว้านซื้อเสื้อขนสัตว์และนำออกมาขายในราคาที่สูงขึ้น ล้วนถูกคนของแม่ทัพเซี่ยจับมาลงโทษ ทั้งยังไม่อนุญาตให้ซื้อเสื้อขนสัตว์ในจำนวนมากอีกด้วย

แน่นอนว่าเสื้อขนสัตว์มีจำนวนไม่เพียงพอ หากเทียบกับผู้คนในอำเภอน้อยใหญ่ของแถบชายแดนทั้งหมด

บัดนี้เมื่อมีขนแกะมาเพิ่ม ทั้งยังรับสมัครช่างทอผ้า นางจะไม่คว้าโอกาสดี ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร

ไม่แน่ว่าช่างทอผ้าอาจจะมีสิทธิได้ซื้อเสื้อขนสัตว์ก่อนใคร!

หญิงสาวคิดได้ดังนั้นจิตใจก็พลันร้อนรุ่มขึ้นมา มิหนำซ้ำนางยังสามารถหาเงินเข้าบ้านได้ หากว่าไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ก็คงน่าเสียดายแย่

ต้องโทษสามีโง่ทึ่มของตนคนเดียวที่ไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้!

ชายหนุ่ม : …

ณ จวนแม่ทัพเมืองหน้าด่าน

“ท่านพ่อ พวกข้ากลับมาแล้วขอรับ!”

แม่ทัพหนุ่มผิวสีเข้มรีบร้อนกลับมาถึงบ้าน บนตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผง ทว่าใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสายตาเป็นประกาย

“ท่านพ่อ ครั้งนี้ข้ากับองค์ชายรองมิเพียงได้ขนแกะมาจากทั้งสามเผ่า แต่ยังได้ทำข้อตกลงกับอีกสองเผ่าด้วยขอรับ”

ดังนั้นขนแกะที่นำกลับมาในครั้งนี้จึงมีเยอะกว่าสองครั้งก่อน

“คราวนี้พวกเราก็จะผลิตเสื้อขนสัตว์ได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว”