ตอนที่ 439 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (1) / ตอนที่ 440 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (2)
ตอนที่ 439 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (1)
ยามอู่[1] ของวันนี้ ฟ่านจิ่นก็มาทานอาหารที่ลานป่าไผ่อย่างตรงเวลา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของน้องชาย เขาก็รู้สึกมีความสุขจริงๆ
อาหารของฟ่านจัวในช่วงนี้ถูกแทนที่ด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของยาทั้งหมด แม้ว่ารสชาติจะไม่อร่อยเท่าอาหารปรกติ แต่มันก็มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเอง
หลังจากอาจิ้งวางอาหารลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ฟ่านจัวก็หยิบอาหารที่มีส่วนผสมของยาขึ้นมาแล้วเริ่มทานทันที โดยเมินเฉยต่ออาหารรสเลิศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม
ปรกติเขาก็ทานน้อยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หลังจากรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของยาของจวินอู๋เสียแล้ว สีหน้าและจิตใจของเขาก็ดีขึ้นอย่างมากและเขาก็รู้สึกมีความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นแค่เสียสละเรื่องกินมิใช่เรื่องใหญ่อะไร
ในทางกลับกัน ฟ่านจิ่นกลับไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย เขาทานอาหารบนโต๊ะหมดอย่างรวดเร็ว ยังดีที่ฟ่านจัวไหวพริบดี เตรียมจานเล็กๆ ให้จวินอู๋เสียแล้วตักอาหารทุกอย่างไว้ให้นางก่อน ไม่อย่างนั้นดูจากความเร็วในการทานอาหารของจวินอู๋เสียแล้ว เมื่อพบกับฟ่านจิ่นเกรงว่านางจะได้ทานแค่น้ำแกงเท่านั้น
บนโต๊ะอาหารนอกจากจวินอู๋เสียและพี่น้องสกุลฟ่านแล้ว ยังมีร่างเล็กๆ ร่วมอยู่ด้วย
นับตั้งแต่ฟ่านจัวรับรู้ว่าวงแหวนภูติวิญญาณของจวินอู๋เสียไม่กลัวเขาจริงๆ เขาก็มักจะปล่อยให้เจ้าแมวดำตัวน้อยขึ้นมาทานอาหารบนโต๊ะ
แม้ว่าวงแหวนภูติวิญญาณจะไม่สามารถรับพลังงานจากอาหารธรรมดาได้ แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าพวกมันจะลิ้มรสอาหาร
เจ้าแมวดำตัวน้อยก็เช่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่ฟ่านจัวเตรียมอาหารอร่อยไว้ให้มัน มันก็ไม่เคยปฏิเสธ มันทานอาหารไปด้วย ส่ายหางไปโดนตัวฟ่านจัวด้วย จนทำให้ฟ่านจัวหน้าแดงอยู่บ่อยครั้ง
ฟ่านจิ่นทานอาหารอย่างมีความสุข จวินอู๋เสียก็ทานอย่างช้าๆ แต่หลังจากทานไปครู่หนึ่ง นางก็หยุดตะเกียบทันที
“เป็นอะไรไป” ฟ่านจิ่นถือถ้วยแล้วมองไปที่จวินอู๋เสีย เมื่อเห็นว่าอาหารและข้าวในถ้วยของนางไม่ได้ลดน้อยลงเลยจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามด้วยความสงสัย
“อาหารไม่ถูกปากหรือ” ฟ่านจัวก็วางอาหารของตัวเองลงแล้วมองไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแล้วจ้องไปที่อาหารบนโต๊ะอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นแล้วคว้าตะเกียบในมือของฟ่านจิ่นมาแล้วโยนลงบนพื้นทันที
“เอ่อ…ข้ายังไม่อิ่ม…” ฟ่านจิ่นกระพริบตาและมองไปที่จวินอู๋เสีย
“ทานไม่ได้” จวินอู๋เสียกล่าวขึ้นมาทันที
ฟ่านจิ่นชะงักงัน สีหน้าผ่อนคลายพลันแปรเปลี่ยนไป เขารีบหยิบตะเกียบเงินที่พกติดตัวตลอดเวลาออกมาแล้วจิ้มลงบนอาหารทุกจานบนโต๊ะ แต่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ตะเกียบเงินไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีดำ
“ไม่มีพิษ” ฟ่านจิ่นกล่าว
“ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นยาบำรุง” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร แต่ในกลิ่นหอมนี้ จวินอู๋เสียกลับได้กลิ่นของยาสมุนไพร
กลิ่นไม่ได้ชัดเจน แต่สิ่งเดียวที่จวินอู๋เสียมั่นใจได้คือไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นยาบำรุง
“ยาบำรุง” ฟ่านจิ่นยิ่งมึนงงมากขึ้นไปอีก
จวินอู๋เสียหลับตาลง ความสงสัยในไม่กี่วันที่ผ่านมาได้คลี่คลายลงทันที
“อาการกำเริบของฟ่านจัว ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือของคน” จวินอู๋เสียพูดข้อสันนิษฐานของตัวเองออกมา
“อะไรนะ!” ฟ่านจิ่นผุดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วมองจวินอู๋เสียด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “น้องเสีย เจ้าหมายความว่า…ในอาหารเหล่านี้ถูกคนวางยาไว้”
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย
“ในตอนแรกที่ข้าจับชีพจรของฟ่านจัว ข้าก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว เพราะด้วยสภาพร่างกายของฟ่านจัวในปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชีพจรที่สับสนยุ่งเหยิงเช่นนั้น”
ตอนที่ 440 อาหารเลิศรสที่มีพิษร้ายถึงตาย (2)
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” สีหน้าของฟ่านจัวก็เปลี่ยนเช่นกัน
“แม้ว่าร่างกายของเจ้าจะอ่อนแอ และเพราะความอ่อนแอจึงไม่ควรรับการตอบสนองที่รุนแรงขึ้น แต่เหตุการณ์แบบนี้กลับเกิดขึ้นกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า นั้นหมายความว่ามีใครบางคนกำลังใช้วิธีบางอย่างเพื่อทำให้เจ้าอาการกำเริบ” จวินอู๋เสียแตะที่คางของตัวเอง นางว่าแล้วว่าทำไมนางตรวจสอบกี่ครั้งก็ไม่พบสารพิษใดๆ ในร่างกายของฟ่านจัวเลย
ที่แท้อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะใช้ยาพิษตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ใช้วิธีอื่นที่ฉลาดกว่า
“ฟ่านจัวป่วยมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นอวัยวะภายในและเส้นเอ็นของเขาจึงอ่อนแอกว่าคนทั่วไปมาก แม้ว่าเขาจะทานยาบำรุง แต่ก็ต้องทานสูตรที่อ่อนโยน เขาไม่สามารถทานยาที่แรงเกินไปได้ ไม่อย่างนั้นไม่ต้องถึงมือผู้อื่น ยาเหล่านั้นก็สามารถทำให้ร่างกายของเจ้ารับไม่ไหวจนทำให้อาการเจ็บป่วยที่ถูกระงับไว้มานานปะทุขึ้นทันที” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ค่อนข้างฉลาด
พิษธรรมดาทั่วไป แม้ว่าจะระมัดระวังก็อาจถูกพบเจอได้ แต่ยาบำรุงนั้นต่างกัน
รวมกับที่ฟ่านจัวทานยาบำรุงมาโดยตลอด ฉะนั้นหากเพิ่มยาบำรุงที่มีผลรุนแรงที่เขาไม่สามารถรับได้เข้าไปด้วยก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
เริ่มแรกจวินอู๋เสียก็สงสัยว่าฟ่านจัวถูกวางยาพิษ แต่นางก็ไม่พบร่องรอยของยาพิษในชีวิตประจำวันของเขาเลย จนครั้งนี้อาการของเขากำเริบทำให้ข้อสงสัยในใจของจวินอู๋เสียยิ่งชัดเจนมากขึ้น
สำหรับฟ่านจัว ยาบำรุงก็สามารถเป็นยาพิษได้เช่นกัน
“อยู่ในอาหารเหล่านี้หรือ” สีหน้าของฟ่านจิ่นเริ่มไม่ดีเล็กน้อย
“ใช่ แต่คนที่ทำฉลาดมาก อาหารประจำวันที่เราทานไม่มี นอกจากเวลาที่เขาต้องการให้อาการของฟ่านจัวกำเริบ เขาจึงใส่มันลงไป ยิ่งกว่านั้นคือวิธีนี้สามารถรับประกันได้ว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นอย่างแน่นอน ฟ่านจัวทานยาบำรุงมากมายนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะมีคนมาตรวจสอบก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเป็นเพราะยาบำรุงที่ทำให้อาการของเขากำเริบ คนที่วางยา ไม่ได้ตั้งใจจะวางยาให้ฟ่านจัวเสียชีวิต แต่เขาตั้งใจใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ฟ่านจัวทุกข์ทรมานจนตายด้วยความเจ็บปวดบนร่างกายของเขา”
วิธีไม่เลว จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว
หากมิใช่เพราะช่วงนี้นางใส่ใจอาหารเป็นพิเศษก็เกรงว่านางก็คงไม่พบเร็วเยี่ยงนี้
หลังจากที่จวินอู๋เสียพูดจบ สีหน้าของฟ่านจัวก็ซีดเซียวขึ้นมาทันที ฟ่านจิ่นก็กำหมัดแน่น
“ใครกัน! ที่ต้องการให้เสี่ยวจัวตาย” ฟ่านจิ่นทุบโต๊ะจนหักทำให้จานที่อยู่บนโต๊ะตกลงบนพื้นจนแตกกระจายเต็มไปหมด
ฟ่านจัวอ่อนแอขนาดนี้แล้ว ใครกันที่ยังโหดเหี้ยมจนต้องการผลักเขาไปสู่หลุมแห่งความตายเยี่ยงนี้
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง “หาตัวอีกฝ่ายมิใช่เรื่องยาก แค่อยู่เฉยๆ”
ก่อนหน้านี้ ในลานป่าไผ่มีเพียงฟ่านจัวและอาจิ้ง และแม้ว่าอาจิ้งจะไม่ชอบจวินอู๋เสียเพียงใด จวินอู๋เสียก็ไม่คิดว่าอาจิ้งเป็นคนวางยานี้ ผักและผลไม้ประจำวันของลานนี้ถูกส่งมาโดยลูกศิษย์ของฟ่านฉี แน่นอนว่าพวกเขาต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้อย่างแน่นอน หากปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนมาส่งก็ต้องอยู่ที่ผักผลไม้เหล่านั้น
หากต้องการตรวจสอบเรื่องทั้งหมดนี้ ก็ทำได้เพียงให้อีกฝ่ายส่งเบาะแสมาให้พวกเขาเอง
“อยู่เฉยๆ หรือ” ฟ่านจิ่นงุนงงเล็กน้อย
จวินอู๋เสียมองไปที่ฟ่านจัวแล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในอาหาร เจ้ายังคงทานมันต่อไป และวันนี้อาการของเจ้าก็จะกำเริบ”
ฟ่านจัวชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียแล้วกล่าวว่า “ข้าเชื่อเจ้า”
“จวินเสีย เจ้าต้องการให้เสี่ยวจัวแกล้งป่วยหรือ แต่ว่า…เสี่ยวจัวทำไม่เป็น” ฟ่านจิ่นรู้จักน้องชายของเขาเป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ฟ่านจัวแกล้งป่วย
จวินอู๋เสียยกคางขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า “มีข้าอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องเป็น”
——————————————–
[1] ยามอู่ คือเวลา 11.00 – 12.59 น.