ตอนที่ 204 ช่วยชีวิต

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

บทที่ 204 ช่วยชีวิต

เมื่ออวี้ชิงลั่วเอ่ยออกมาเช่นนี้ เสียงของผู้คนที่ถกเถียงกันก็หยุดลงไปโดยปริยาย ต่างก็หันมามองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ

หมอเสิ่นเอ่ยขึ้นด้วยความไม่ปักใจเชื่อ “เป็นเช่นนี้ได้เช่นไร? เจ้าบอกว่าเมื่อดมไปสักครู่ก็สูญเสียการได้กลิ่น เช่นนั้นแล้วเจ้าสามารถบอกส่วนผสมของยาได้อย่างไร?”

“ท่านเสิ่น ท่านบอกว่าท่านเป็นหมอปีศาจ เช่นนั้นแล้วทักษะทางการแพทย์ก็ต้องมีโดยปกติ คำถามของท่านหมอเริ่นนั้นแน่นอนว่าจะต้องไม่ง่ายเป็นธรรมดา เช่นนั้นแล้วจะไม่เป็นการดูถูกท่านไปหน่อยหรือ? ก็เพียงแค่การดมชนิดยา ท่านเองก็บอกว่าความรู้เช่นนี้แม้แต่หมอเล็ก ๆ ในชนบทเองก็รู้ ไม่มีอะไรให้น่าประลองเลย ดังนั้นในขณะที่ท่านหมอเริ่นกำลังทดสอบอยู่ เขาก็ใช้วิธีการเล็กน้อย” อวี้ชิงลั่วเดินทางเข้านอกออกในไปทั่วทั้งยุทธภพ แน่นอนว่าจึงมีประสบการณ์บางอย่างที่มีค่ามากกว่าทัศนคติทั่ว ๆ ไป

ท่านหมอเริ่นจ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ และพยักหน้าอย่างลับ ๆ

แต่ว่าคนอื่น ๆ กลับไม่เข้าใจ แต่ละคนต่างก็รอให้ท่านหมอเริ่นเอ่ยปาก จนแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเอ่ยออกไป “วิธีการอันใด?”

“ใช่ วิธีการอะไร เหตุใดพวกเราจึงมองไม่เห็น บอกข้าหน่อยเถิด”

ท่านหมอเริ่นก้าวขึ้นไปข้างหน้า ชายชรายกมือขึ้นและเอียงอย่างช้า ๆ และสะบัดแขนเสื้อข้างขวาออกเผยให้เห็นขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือ เขาหันไปทางด้านหน้าเย่ซิวตู๋ อัครเสนาบดี เวยหย่วนโหวและคนอื่น ๆ หลังจากนั้นจึงเก็บมือลงและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน

“นี่คือยาดมที่ข้าศึกษาและทำขึ้นมาเอง ยาดมนี้มีกลิ่นบางเบาและทำให้ตื่นตัว เป็นสิ่งที่ข้าเอาไว้ใช้ทำให้ตื่นตัวในวันปกติทั่วไป และการประลองครั้งนี้ก็เป็นอย่างที่แม่นางชิงกล่าว การประลองครั้งนี้เป็นเรื่องสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองหลวง แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะทดสอบว่าทักษะทางการแพทย์ของทั้งสองในท้ายที่สุดจะเป็นเช่นไร เมื่อสักครู่ในขณะที่แม่นางชิงและท่านเสิ่นเปิดขวดยา ข้าเองก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาแล้วเปิดขวดยานี้เพื่อให้กลิ่นนี้เข้าไปผสมกับกลิ่นของยา ”

ว่าพลางชายชราก็เดินกลับไปหาท่านหมอเสิ่นที่แววตาเต็มไปด้วยความตกใจด้วยสีหน้าที่เยาะหยันเล็กน้อย “ดังนั้นการแสดงออกของท่านหมอเสิ่นในตอนแรกจึงเป็นเรื่องปกติ เมื่อรอให้กลิ่นนี้เข้าไปผสมกับกลิ่นยา ท่านหมอเสิ่นจึงไม่ค่อยแน่ใจในกลิ่นของยา และในท้ายที่สุดก็ยังใช้อาการบาดเจ็บของจมูกตนเองมาเป็นข้ออ้างเพื่อเป็นเหตุผลในการออกจากการประลอง ท่านหมอเสิ่นว่าข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่? ”

หมอเสิ่นไม่สามารถยืนอยู่กับที่ได้จึงล่าถอยไปไม่กี่ก้าว ด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนกราวกับว่าตนนั้นเสียหน้า

เวยหย่วนโหวกำมือแน่น ใบหน้าของเขามืดมนและไม่เอ่ยอะไรออกมา

“ที่แท้แล้วเป็นเช่นนี้ เมื่อกล่าวแบบนี้แล้ว ทักษะความสามารถในการดมยาของท่านหมอเสิ่น จริง ๆ แล้วไม่สามารถเทียบกับแม่นางชิงได้” ท่านอัครเสนาบดีเอ่ยขึ้นมาได้พอเหมาะพอดี และหันไปยิ้มต่ออวี้ชิงลั่ว

ดวงตาของอัครเสนาบดีเป็นประกาย ทำให้อวี้ชิงลั่วยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และก็ทำให้สีหน้าของเย่ซิวตู๋เคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น เขาสะบัดแขนเสื้อและมองไปที่ท่านหมอเสิ่นที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อบนลานประลอง “ท่านยังมีอะไรที่อยากจะกล่าวบ้างหรือไม่?”

“ข้า ข้า …ในเมื่อท่านหมอเริ่นบอกว่ากลิ่นนี้เมื่อผสมกับกลิ่นยาจะทำให้ไม่สามารถรับกลิ่นได้ เช่นนั้นแล้วเหตุใดแม่นางชิงจึงสามารถรู้ได้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีแผนการอะไรอยู่ข้างใน?”

อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผากและมองชายชราอย่างเย็นชา “ท่านหมอเสิ่นเหตุใดท่านจึงฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ถ้าหากมีทักษะไม่เท่ากับผู้อื่น ก็กลับไปศึกษาเพิ่มเติมเสีย ในการประลองนี้พ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้ ยอมรับการพ่ายแพ้อย่างสง่างามดีกว่าคดโกงเป็นอย่างมาก ข้าก็บอกกับท่านแล้ว ข้าไม่เพียงแต่แยกแยะยาในขวดออก แต่ข้ายังสามารถแยกแยะส่วนผสมในกลิ่นยาดมของท่านหมอเริ่นได้อีกด้วย ท่านหมอเสิ่นอยากจะรู้หรือไม่? ต้องการให้ข้าบอกให้ท่านฟังหรือไม่?”

“เจ้า…” ท่านหมอเสิ่นโกรธจนหน้าแดง ชี้นิ้วที่สั่นระริกไปทางอวี้ชิงลั่ว ราวกับอยากจะกระโจนไปสังหารนางเสีย

“แม่นางท่านนี้พูดได้อย่างถูกต้อง สู้ไม่ได้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายขายหน้า สิ่งที่ขายหน้าต่อมวลชนนั่นก็คือการคดโกง คนที่ขายหน้าไม่เพียงแต่ท่านหมอเสิ่นเท่านั้น ยังมีท่านโหวที่คอยสนับสนุนท่านหมอเสิ่นเช่นกัน”

จู่ ๆ ก็มีเสียงของชายหนุ่มดังมาจากชั้นสอง น้ำเสียงของเขานั้นฟังดูชอบธรรมและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก และในท้ายที่สุดประโยคนั้นก้ทำให้เวยหย่วนโหวที่ต้องการจะเอ่ยปากพูดได้เงียบปากลง และมองไปที่ท่านหมอเสิ่นด้วยความโกรธเคือง

หนานหนานมองดูด้วยความสงสัย แต่กลับเห็นว่าหน้าต่างนั้นถูกเปิดอยู่แค่เพียงครั้งเดียว คนที่พูดดูเหมือนจะแอบอยู่หลังหน้าต่างบานนั้น แม้แต่ครึ่งตัวก็มองไม่เห็น

แต่ว่า แต่ว่าน่ะ เขารู้สึกว่าเสียงนั้นเหมือนจะเคยได้ยินมาจากที่ใดสักที่

แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา คนผู้นั้นจะต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน

หนานหนานคิดอย่างมีความสุข ชั้นล่างยังคงมีเสียงโห่ร้องคล้อยตามของผู้คนอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนต่างก็บอกว่าท่านหมอเสิ่นนั้นผิดศีลธรรมและยโสโอหัง ไม่เหมาะสมกับฉายานามหมอปีศาจเลย

แม้แต่บุคคลชั้นสูงจากชั้นสองเองก็ร้องตะโกนขึ้นมา

นั่นก็ห้องของพวกองค์ชายสามที่อยู่ทางข้าง ๆ ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะไม่ส่งเสียงอะไรออกมา แต่กลับถกเถียงกันเป็นการส่วนตัว เพื่อแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่ท่านหมอเสิ่นกระทำ

เวยหย่วนโหวขมวดคิ้ว และหันไปมองเย่ซิวตู๋ ก็เห็นสีหน้าของเขาดูราวกับว่าทุก ๆ อย่างไม่ได้มีอะไรเกี่ยวอะไรกับตน จึงหันไปมองอัครเสนาบดี คนผู้นี้ก็ยังสงบนิ่งไม่ไหวติงราวกับภูผา

เสียงกระซิบข้างหูของเขาดังขึ้นเรื่อย ๆ มีคำกล่าวหาบางอย่างดังเข้ามาในหูเวยหย่วนโหว เช่นนี้จึงทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปช่วยอธิบายแก้ต่างให้ท่านหมอเสิ่น ชายชราจึงลุกยืนขึ้นและเอ่ยขึ้น“ท่านหมอเสิ่น รอบนี้ท่านแพ้แล้วก็คือพ่ายแพ้ ยังเหลืออีกสองรอบ ท่านคือหมอปีศาจ อีกสองรอบที่เหลือแน่นอนว่ามันไม่ได้ยากสำหรับท่าน”

ท่านหมอเสิ่นตกตะลึง รอบนี้ให้เขายอมแพ้เช่นนั้นหรือ?

แต่ถ้ายอมแพ้แล้วมันจะเป็นเช่นไร? ตอนนี้ทั้งโรงเตี๊ยมต่างก็โห่ร้องว่าตนนั้นผิดจรรยาบรรณแพทย์ ท่านโหวกลับมาบอกเช่นนี้ เขาเองก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้าเท่านั้น และก็ให้ท่านหมอเริ่นรีบเริ่มบททดสอบต่อไป

เมื่อเห็นว่าในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ยอมรับสักคำว่าตนเองนั้นผิด ท่านหมอเริ่นก็เยาะเย้ยเขามากไปอีก

ชายชราเองก็ไม่เชื่อว่าคนเช่นนี้จะเป็นหมอปีศาจ เกรงว่าจะเป็นการแสวงหาลาภยศเสียมากกว่า

เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น ท่านหมอเริ่นเดินเข้าไปที่กลางลานประลองและโบกมือเพื่อให้ทุก ๆ คนเงียบลง “การแข่งขันรอบแรกก็ทราบผลแพ้ชนะแล้ว ทักษะการรักษาของแม่นางชิงนั้นเหนือกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะอื่น ๆ ทางการแพทย์ของทั้งสองฝ่ายนั้นจะเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้ยังเหลืออีกสองรอบ หวังว่าทุก ๆ ท่านจะตั้งตารอ การทดสอบรอบต่อไปจะเป็นการฝังเข็ม ข้าเองก็มี…”

“ช่วยด้วย รีบมาช่วยที” ท่านหมอเริ่นยังไม่ทันจะกล่าวจบ ก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งตะโกนมาจากข้างนอก เป็นการขัดจังหวะรอบที่สองของการแข็งขันนี้

ทุก ๆ คนต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ต่างก็หันไปทางต้นเสียงของคนที่ตะโกนมาจากข้างนอก

ผ่านไปไม่นาน ก็พบท่านหมอเจียงวิ่งเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวคนหนึ่ง และเอ่ยกับท่านหมอเริ่น “ท่านอาจารย์ เด็กผู้นี้โดนยาพิษ สถานการณ์เร่งด่วนมาก เมื่อครู่ศิษย์ได้ดูอาการแล้ว เกรงว่า…คงต้องการให้ท่านช่วยดูเด็กผู้นี้”

ว่าพลางท่านหมอเจียงก็ก้าวขึ้นมา ทั้งหมดจึงพบว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แพ้ก็คือแพ้นะหมอเสิ่น อย่าแถอีกต่อไปเลย

เด็กคนนี้โดนพิษอะไรมานะ

ไหหม่า(海馬)