บทที่ 248 ดูแลนางให้ดี!

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 248 ดูแลนางให้ดี!

คนที่เอ่ยขึ้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก จี้เสี่ยวซี! นางเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินมายืนข้างซูอัน นางใช้ความกล้าหาญไปมากในการพูดออกมาจนใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแดงก่ำ

ซูอันรู้สึกประทับใจ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้นางตั้งใจจะเลือกไป๋ซู่ซู่ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่กับเขา นางจึงเลือกที่จะมาหาเขาแทน นางช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ

เขาตั้งใจจะปฏิเสธนางแล้วรับไว้แค่ความปรารถนาดี แต่พอคิดอีกที เขาจะเข้าหาดอกบัวเร้นลักษณ์นี่นา จี้เสี่ยวซีเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรทุกประเภท นางน่าจะช่วยเขาได้มาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยอมรับนางเข้าร่วมกลุ่มในที่สุด

“แม่นางจี้ เจ้าต้องคิดให้ดี ๆ นะ! อยู่กลุ่มเขามันอันตรายมากหากเกิดอะไรขึ้นมาเขาจะช่วยเจ้าได้ยังไง ตัวเขาเองยังเอาตัวเองไม่รอดด้วยซ้ำ!”

“จริง! เขาเป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับสามเท่านั้น เจ้าควรมาอยู่กับพวกเรามากกว่า!”

เห็นได้ชัดว่า จี้เสี่ยวซีได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากเสียงของผู้คนมากมายที่ยุนางให้เปลี่ยนใจ

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า อาจารย์ซู ก็มีความแข็งแกร่งเหมือนอาจารย์คนอื่นเช่นกัน” จี้เสี่ยวซีตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

เพ่ยเหมียนหมานแอบแหย่ฉู่ชูเหยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ดูเหมือนว่าสามีของเจ้าค่อนข้างจะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงนะเนี่ย”

ฉู่ชูเหยียนรู้สึกประหลาดใจที่จี้เสี่ยวซีขอร่วมกลุ่มกับซูอันเช่นกัน นางเคยได้ยินมาว่าจี้เสี่ยวซีเคยเข้าข้างสามีของนางในสถาบันจันทร์กระจ่างครั้งหนึ่ง ความจริงที่ว่านางเลือกที่จะยืนข้างเขาในตอนนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาน่าจะสนิทกันมาก

“เอ๊ะ มีอีกคนละ” เพ่ยเหมียนหมานสะกิดฉู่ชูเหยียน และชี้ไปทางซูอัน

ฉู่ชูเหยียนหันหน้าไปมองและเห็นเจิ้งตานกำลังเดินไปหาซูอันเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”

ฝูงชนสับสน พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจิ้งตานรู้จักและสนิทสนมกับซูอัน

เมื่อเห็นแบบนี้ซูอันไม่สามารถกลั้นยิ้มได้ “แม่นางเจิ้งตั้งใจจะเข้าร่วมกลุ่มของข้าด้วยใช่มั้ยล่ะ?”

เจิ้งตานส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่ ข้าแค่มีเรื่องอยากจะบอกเจ้า”

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ?” ซูอันรู้สึกงุนงง

เจิ้งตานโน้มตัวเข้ามาใกล้เขาและกระซิบเบา ๆ ว่า “เจ้าต้องระวัง มีคนตั้งใจจะสังหารเจ้าในมิติลับ”

หลังพูดจบนางส่งยิ้มยั่วยวนให้เขาก่อนจะกลับไปที่กลุ่มของนาง

ฝูงชนหายใจออกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเจิ้งตานเดินออกมา มันคงจะบ้ามากถ้าเจิ้งตานก็เลือกซูอันด้วย ไม่มีทางที่ซูอันจะโชคดีได้ขนาดนั้น

ในทางกลับกันซูอันกำลังเหม่อลอย มีคนตั้งใจจะฆ่าเขา? ซือคุนเหรอ? เพราะแม้แต่เสวี่ยเอ๋อร์ก็อยู่ที่นี่ พวกเขาน่าจะมีแผนการอะไรสักอย่าง

เจิ้งตานมองซูอันที่หน้าซีดลง นางยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย…

ถ้าซูอันไม่รอดจากแผนของซือคุน ดังนั้นซือคุนก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องมาตำหนินาง อย่างไรก็ตามหากซูอันรอดไปได้ เขาคงจะจดจำหนี้แค้นต่อนางเอาไว้เช่นกัน ถึงจะเป็นอย่างนั้นนางก็อดใจที่จะบอกซูอันไม่ได้

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ซือคุนกำลังวางแผนลอบสังหารซูอันในมิติลับเพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น นี่คงจะเป็นโอกาสที่ดีที่นางจะได้ใกล้ชิดกับเขาโดยการเข้าร่วมกลุ่มเดียวกับเขา แต่ตอนนี้นางควรจะรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับแผนการสังหารนี้

เจียงลั่วฝูขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นจี้เสี่ยวซีเลือกที่จะไปกับซูอัน แต่ท้ายที่สุดนางก็เลือกที่จะไม่ออกความเห็นใดๆ

เมื่อการเลือกกลุ่มเสร็จสิ้น เจียงลั่วฝูเอ่ยกับกลุ่มนักศึกษาอีกครั้ง

“ยิ่งพวกเจ้าเข้าไปในมิติลับลึกเท่าไหร่ ระดับของอันตรายที่พวกเจ้าเผชิญก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น พวกเจ้าทุกคนต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเองและอย่าฝืนเกินกำลัง ที่สุดแล้วสิ่งที่พวกเจ้าจะได้รับในมิติลับนั้นขึ้นอยู่กับโชควาสนาของตัวเอง”

“เข้าใจแล้ว อาจารย์ใหญ่!” นักศึกษาตอบพร้อมกัน

ตอนนั้นเองประตูทางเข้ามิติลับที่อยู่ด้านหลังเจียงลั่วฝูก็เริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นส่งผลให้เกิดคลื่นเป็นม้วนวงกลมคล้ายกับน้ำวนหมุนเร็วยิ่งขึ้น จากนั้นผ่านไปสักพักคลื่นหมุนวนก็ค่อย ๆ สงบลงและเหลือไว้เพียงวงรีโปร่งแสงสีฟ้าอ่อนขนาดเท่าตัวคน ซึ่งทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานชี่อันหนาแน่นที่อยู่ภายใน

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น ถ้าด้านหน้าทางเข้ามีความหนาแน่นของพลังงานชี่อยู่ในระดับสูงขนาดนี้ ภายในจะหนาแน่นขนาดไหน?

“ประตูสู่มิติลับเปิดเต็มที่แล้ว ขอให้ทุกท่านโชคดี” เจียงลั่วฝูกล่าว

ลู่เต๋อและไป๋ซู่ซู่ เริ่มนำนักศึกษาเดินผ่านประตูสู่มิติลับ ซือคุนหยุดที่ทางเข้าครู่หนึ่งเพื่อหันกลับมามองซูอัน สัญญาณแห่งความยินดีปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา

ซูอันก็นึกถึงอะไรบางอย่าง ถ้าซือคุนวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากมิติลับเพื่อลอบสังหารเขา แล้วเขาจะทำเช่นเดียวกันไม่ได้หรือยังไง?

ฉู่ชูเหยียนเดินไปที่ด้านข้างของซูอันและเตือนเบา ๆ ว่า “ดูเหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าเห็นซือคุนมองมาที่เจ้า ตอนเข้าไปในมิติลับเจ้าควรจะรีบตามข้าเข้าไปเพื่อความปลอดภัย”

ซูอันส่ายหัว “ข้าเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้นำกลุ่ม ข้าจะให้นักศึกษาคอยปกป้องข้าได้ยังไง?”

ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าควรกังวลในเรื่องพวกนี้นะ!”

“ถ้าเจ้าต้องการช่วยข้าจริง ๆ ก็ช่วยข้ามองหาดอกบัวเร้นลักษณ์ด้วยก็แล้วกัน” ซูอันกล่าว

ยิ่งมีคนช่วยเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่เขาคลำหามันอยู่คนเดียว

“ดอกบัวเร้นลักษณ์?” ฉู่ชูเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าต้องการมันไปทำไม? มันเป็นสมบัติในตำนานที่สามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ แม้ว่าข้าจะเจอมัน ข้าก็คงไม่ให้เจ้าหรอก”

“เจ้าก็พูดตรงดี อืม…ถือซะว่าข้าไม่ได้พูดอะไรกับเจ้าก็แล้วกัน” ซูอันยักไหล่และไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม จี้เสี่ยวซีพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “พี่สาวตระกูลฉู่ พ่อของข้าเขียนใบสั่งยาให้เขาซึ่งตอนนี้ขาดแต่ดอกบัวเร้นลักษณ์เท่านั้น เขาต้องการมันเพื่อรักษา…เอ้อ บาดแผลของเขา”

ใบหน้าเขินอายของจี้เสี่ยวซีนั้นมากเกินพอที่จะบอกฉู่ชูเหยียนว่านางหมายถึงอะไร ฉู่ชูเหยียนจ้องเขม็งไปที่เป้าของซูอัน ขณะที่ใบหน้าของนางก็แดงเช่นกัน “เอาล่ะ ข้าจะช่วยเจ้าหามันแล้วกัน แต่ยังไงซะ เจ้าอย่าคาดหวังให้มากเกินไปจะดีกว่า มันเป็นสมบัติที่ข้าเคยได้ยินแต่ในตำนานเท่านั้น”

ฉู่ชูเหยียนรู้สึกเขินอายที่จะพูดเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว นางจึงรีบหันหน้าหนีและเดินจากไป

“เอ? เจ้าพูดอะไรกับภรรยาของเจ้าจนนางอายเดินหนีไปแบบนั้น?” เพ่ยเหมียนหมานเดินมาถามด้วยความอยากรู้

“ข้าบอกเจ้าไม่ได้ เจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ความลับทำให้ผู้ชายเป็นผู้ชาย’ เหรอ?” ซูอันโบกมือของเขา

“ข้าเชื่อว่าปากของเจ้าคงพ่นอะไรที่น่าสนใจออกมาแน่ ๆ” เพ่ยเหมียนหมานหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะดูแลตัวเองด้วย อย่าเข้าไปตายล่ะ!”

หลังจากพูดจบแล้ว นางก็เดินเข้าไปในมิติลับ

ในไม่ช้า คนที่จะเข้าไปด้านในมิติลับก็เหลือเพียงซูอันและจี้เสี่ยวซี ขณะที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้า เจียงลั่วฝูก็หยุดพวกเขาทั้งสองไว้ “ดูแลนางให้ดี ถ้าเจ้าปกป้องนางพลาดจนผมของนางหลุดร่วงแม้เพียงเส้นเดียว เจ้าก็เตรียมตัวรับเคราะห์ได้เลยตอนออกมาจากมิติลับ!”

ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะ “อาจารย์ใหญ่เจียง ท่านมีน้ำใจยิ่งนัก! ข้าไม่ต้องการให้แม่นางจี้ดูแลข้า ท่านขอแม่นางจี้มากไปแล้ว”

เจียงลั่วฝูบ่นอย่างเย็นชา “นี่เจ้าโง่หรือเจ้างั่ง? ข้าหมายถึงว่าให้เจ้าดูแลนาง! เจ้าควรระวังอย่าให้เกิดอันตรายกับนางแม้แต่น้อย!”

ซูอันนิ่งอึ้งไป…