ตอนที่ 495 สมบัติตกทอด ตอนที่ 496 ชื่อเสียงจากคุณงามความดี

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 495 สมบัติตกทอด

ซ่งอิงเองไม่ได้หวังจะใช้งานเลี้ยงนี้สร้างภาพให้ตนได้แต่งงานกับบุรุษที่เป็นดั่งใจปรารถนาสักคนเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเอ่ยวาจาจึงไม่ได้นึกเกรงใจ

อีกทั้ง นางเองก็อดทนมามากแล้ว

คนพวกนี้ต่างหากที่บีบให้นางทำอย่างนี้

“แม่นางซ่ง!” กัวอั๋งถลึงตามองซ่งอิงด้วยแววชิงชัง “ปากคอเราะราย สมแล้วที่เป็นหญิงปากตลาด! ซ่งสวิน ยังไม่จัดการน้องสาวเจ้าอีกหรือ จะปล่อยให้นางทำเรื่องขายหน้าต่อหรืออย่างไร”

“น้องสาวข้าพูดถูก เหตุใดต้องห้ามนางด้วย” ซ่งสวินเอ่ยตอบตามตรง “โบราณยังบอกไว้ว่า บุญคุณน้ำเพียงหนึ่งหยด จงตอบแทนด้วยน้ำหนึ่งถัง พี่กัวลืมแล้วหรือ”

“พวกบ้านนอกคอกนา ต่ำช้าเสื่อมทราม คิดว่ามีบุญคุณที่ได้ช่วยคุณหนูตระกูลมั่งคั่งแล้วจะลืมตาอ้าปากได้หรือ!” กัวอั๋งแสยะยิ้มเยาะ

ซ่งอิงหัวเราะเย้ยหยัน

จากนั้นก็จ้องมองคุณหนูสวี่

“คุณหนูสวี่ เดิมทีข้าก็ยังยับยั้งคำพูดบางอย่างไว้ แต่มาวันนี้เห็นว่าคุณชายกัวจะออกหน้ารับแทนเจ้าให้จงได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าพูดคำนั้นก็ไปก็แล้วกัน” ซ่งอิงเลิกคิ้วมองด้วยสีหน้าเยาะหยัน “เรื่องของเจ้า ต้าลี่ก็เคยเล่าให้ข้าฟัง นางบอกว่าเจ้าดุด่าตบตีคนใช้ในจวน จนคนใช้นึกโกรธ จึงได้ลงมือลับหลัง”

“วันนั้น เจ้าถูกชายฉกรรจ์หลายคนตามล่าอย่างคลุ้มคลั่ง จนเกือบจะถูกฝ่ายนั้นกลืนกินเสียแล้ว ต้าลี่ของข้าก็เป็นสตรีเช่นกัน เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น นางกลับปรี่เข้าไปทันที เข้าไปช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือโจรชั่วโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองด้วยซ้ำ และเพราะนางมีกำลังมาก จึงรอดพ้นจากเหตุการณ์นั้นได้อย่างปลอดภัย

จบเรื่องแล้ว เจ้าก็หมดสติไป ต้าลี่พาเจ้ากลับขึ้นเขาไปรักษาตัว เรื่องอาหารการกินล้วนได้ต้าลี่คอยดูแลให้ นางมิใช่บ่าวไพร่ของเจ้า แต่เจ้าก็เรียกใช้นางไม่เว้นว่าง!

ตอนหลังเจ้าขอให้ต้าลี่ส่งเจ้ากลับบ้าน ต้าลี่มีน้ำใจส่งเจ้าเข้าเมือง ระหว่างลงจากเขาเจอกับดักนายพรานเข้า นางบาดเจ็บที่เท้า กระนั้นเจ้าก็ยังดึงดันให้นางส่งเจ้ากลับ ด้วยความที่นางไม่มีเงินติดตัว ถึงขั้นต้องขายสมบัติตกทอดให้ข้าเพื่อเช่ารถลาลากจูง” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซ่งอิงก็หัวเราะเบาๆ “คุณหนูสวี่ แต่แล้วเจ้า…ปฏิบัติกับนางอย่างไร”

คุณหนูสวี่หน้าแดงก่ำ “ข้าเปล่านะ ข้าให้เงินนางต่างหาก…”

“ให้เงินนางหรือ คุณหนูอย่างเจ้าออกจากบ้านแล้วพลัดพรากกับสาวใช้ผู้ติดตาม เจ้าจะมีเงินติดตัวด้วยหรือ ตอนที่เจ้ากลับบ้าน ปิ่นปักผมที่หัวยังอยู่ครบด้วยกระมัง? เพราะเจ้าบอกว่าไม่อยากให้สมบัติของตนไปอยู่ในมือของคนอื่น” ซ่งอิงเอ่ยเหน็บแนม “ต้าลี่ของครอบครัวข้าทำเพื่อเจ้าถึงขั้นยอมสละสมบัติตกทอดด้วยซ้ำ”

คุณหนูสวี่เจ็บแปลบในใจ

สมบัติตกทอดอะไรกัน!

ก็แค่กำไลเขาวัวเท่านั้น ตัวนางก็เป็นถึงปีศาจวัว อยากได้กำไลเขาวัวมากมายสักเท่าไรจะหาไม่ได้เชียวหรือ!

แต่คำพูดนี้ คุณหนูสวี่ย่อมรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรเอ่ยออกไป

ช่วงที่ถูกขังในบ้านตลอดหลายวันที่ผ่านมา นางกระจ่างแจ้งแล้วว่า หากนางยังดึงดันพูดเรื่องภูตผีปีศาจ เช่นนั้น…

คนอื่นคงคิดว่านางบ้าไปแล้วจริงๆ

นางอยู่กับหนิวต้าลี่มาระยะหนึ่ง ย่อมรู้ว่าหนิวต้าลี่เพียงมีพละกำลังอยู่บ้าง แต่ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น

ไม่อย่างนั้น ตอนนี้นางคงไม่กล้าหาเรื่องซ่งอิง

เพียงแต่ ด้วยชื่อเสียงของนาง นางเองก็ไม่หวังจับตระกูลลู่แล้ว คงหวังได้เพียงคนอย่างกัวอั๋งเท่านั้น…

ส่วนกัวอั๋งไม่ถูกชะตาซ่งอิง อีกทั้งหนิวต้าลี่ผู้นี้…เคยเห็นสภาพนางตอนที่สะบักสะบอมและน่าอายที่สุด! นางเองก็กลัวว่าหนิวต้าลี่จะพูดจาเหลวไหล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้คนอื่นคิดว่าหนิวต้าลี่มีเจตนาอื่นแอบแฝง

“ตอนนั้นข้าตกใจจนขาดสติ พอกลับมาถึงบ้านจึงได้บอกเล่าเรื่องภูตผีปีศาจโดยผิดๆ ไป…” คุณหนูสวี่เอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเสมือนได้รับความไม่เป็นธรรม

“บอกเล่าไปอย่างผิดหรือๆ ตอนนั้นข้าได้เห็นกับตาว่าทหารมาล้อมหนิวต้าลี่เอาไว้ นางบาดเจ็บที่เท้า ไม่มีเงินสักอีแปะ จะซื้อยายังซื้อไม่ได้ นางรอเจ้าซื้อยากลับมาด้วยสีหน้าแสนใสซื่อ สุดท้ายเรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้! ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป นิสัยของคุณหนูสวี่ช่างน่าขันเสียจริง ข้าขอปรามเจ้าว่าอยู่แต่ในเรือน อย่าออกไปไหนจะดีกว่า หน้ากับใจไม่ต่างกัน เจ้า ช่างขี้เหร่เหลือเกิน! ขี้เหร่จนแทบจะทำให้ตาข้าบอดอยู่แล้ว”

ตอนที่ 496 ชื่อเสียงจากคุณงามความดี

ซ่งอิงพูดจบ หนิวต้าลี่ก็พยักหน้าซ้ำๆ และเอ่ยย้ำว่า “ขี้เหร่!”

เมื่อถูกคนด่าว่าขี้เหร่ต่อหน้าผู้คนมากมาย คุณหนูสวี่แทบบันดาลโทสะขึ้นมา

แต่ด้วยความที่ตรงหน้ามีเหล่าคุณชายผู้เป็นแขกเหรื่อในงานอยู่ไม่น้อย นางไม่ใช่สาวชาวบ้านอย่างซ่งอิง จึงไม่กล้าด่าทอสวนกลับไปตรงๆ

“แม่นางซ่ง…เจ้าช่าง…” คุณหนูสวี่ปิดหน้าร้องไห้ จากนั้นจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อแม่นางหนิว ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ข้าจะขอโทษแม่นางหนิวก็แล้วกัน!”

เมื่อพูดจบ นางก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีโซเซ คล้ายว่าจะคุกเข่าให้หนิวต้าลี่

เพียงแต่ยังไม่ทันคุกเข่าลงก็ถูกคนรอบข้างรั้งเอาไว้

“เจ้าเป็นคุณหนูสวี่ผู้มีชาติตระกูลสูงส่ง เจ้าจะไปคุกเข่าให้พวกนางทำไม! ข้าว่าพวกนางคงอยากได้เงินจากเจ้า หากเป็นเช่นนั้น…” คุณหนูกัวหันไปหาสาวใช้ของตน “เสี่ยวชุ่ย เอาเงินให้พวกนางสักหน่อยก็แล้วกัน!”

ซ่งอิงหัวเราะเยาะ

“หุบปาก!” ลู่ข่ายขมวดคิ้วนิ่วหน้า “วันนี้เป็นงานเลี้ยงจวนตระกูลลู่ของข้า คุณหนูกัวกับคุณหนูสวี่ทำอะไรกัน จะไล่คนแทนตระกูลลู่อย่างนั้นหรือ”

“พี่กัว เรื่องนี้…ทั้งที่คุณหนูสวี่เป็นฝ่ายผิด เหตุใดท่านต้องเข้าไปยุ่งด้วย” ลู่เล่อหลิงเริ่มโมโหเล็กน้อยแล้วเช่นกัน

คุณหนูกัวกลับเผยสีหน้าเหลือเชื่อเล็กน้อย “จะอย่างไรคุณหนูสวี่ก็เป็นสตรีสูงศักดิ์ จะยอมให้คนหมิ่นเกียรติได้อย่างไร”

ซ่งสวินเห็นดัวกล่าวจึงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ในเมื่อพวกเราพี่น้องไม่กลมกลืนกับท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย หากอยู่ต่อไปก็จะเป็นความผิดของพวกเราเสียเปล่า น้องลู่ พวกเราพี่น้องขอตัวกลับก่อน” ซ่งสวินเห็นว่ายามนี้เป็นโอกาสอันสมควรแล้ว

น้องสาวของเขาก็ไม่เสียเปรียบแต่อย่างใด

ในสถานที่ประเภทนี้ หากน้องสาวของเขาอยากอยู่เหนือกว่าย่อมไม่อาจทำได้ ในเมื่อในที่แห่งนี้ นอกจากพวกเขาสองพี่น้องแล้วก็มีแต่ทายาทตระกูลมั่งคั่ง ซึ่งส่วนลึกในใจย่อมนึกดูถูกพวกเขาอยู่แล้ว

แม้แต่ลู่ข่าย ก่อนที่พวกเขาจะมีสัมพันธ์อันดีงามต่อกัน เขาก็เหมือนคนอื่นๆ ไม่ใช่หรือ

“พี่ซ่ง!” ลู่ข่ายปรากฏแววร้อนรนใจ

“น้องข้าวางใจเถิด เรื่องนี้ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรอก” ซ่งสวินไม่ได้นึกโกรธลู่ข่ายแต่อย่างใด

เชิญคนมาตั้งมากมาย ลู่ข่ายย่อมไม่อาจดูแลเพียงเขาและน้องสาวได้ แม้ตระกูลลู่จะแยกแยะเหตุการณ์ได้ และตอนนี้ผู้ปกครองตระกูลลู่ก็เป็นขุนนางในเมืองหลวง แต่ใช่ว่าจะทำอะไรในอำเภอหลี่ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรให้เกียรติเหล่าคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ด้วยเสียหน่อย

นั่นยิ่งทำให้เขาบังเกิดปณิธานอันแรงกล้า

เขาต้องสร้างชื่อเสียงจากคุณงามความดีให้จงได้!

ลู่ข่ายไม่สบายใจอย่างยิ่ง เขาอยากเป็นสหายกับซ่งสวินด้วยความจริงใจ…

“ครั้งหน้าข้าจะชมดอกไม้กับพี่ซ่งตามลำพัง” ลูกข่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เมื่อไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ก็คงไม่มีเรื่องน่าวุ่นวายอย่างนี้แล้วกระมัง ส่วนสถานะตัวตนของพี่ซ่ง…

เมื่อก่อนเขาก็เคยถือสาเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นก็คิดว่าซ่งสวินเรียนมาตั้งหลายปีกลับยังสอบเป็นถงเซิงไม่ได้เลย แล้ววันๆ ยังเอาแต่วางมาดเป็นลักษณะอย่างนักเรียนที่ดีเด่น แต่มาตอนนี้พอได้เข้าใจแล้ว จึงพบว่าซ่งสวินมีนิสัยที่พอเจอได้น้อยคนนัก

ซ่งสวินแย้มยิ้มจางๆ เตรียมจะพาซ่งอิงเดินจากไป

ซ่งอิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่ได้นึกโกรธต่อท่าทีหนักแน่นเด็ดขาดของซ่งสวินแต่อย่างใด

คนที่ไม่ลงรอยกันอยู่แล้วแต่เดิม หากดึงดันอยู่ด้วยกันต่อไปนับเป็นเรื่องน่าทรมาน เพียงแต่การขอออกจากงานเลี้ยงเองก็ดูจะไม่งาม หากนางเป็นซ่งสวิน ใครทำให้นางเจ็บใจ นางจะทำให้คนนั้นเจ็บกว่าจึงจะถูก

แต่ว่าคนนิสัยอย่างซ่งสวินไม่เหมาะที่จะโต้กับใครจริงๆ การที่เขาตัดสินใจอย่างนี้ก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว ซ่งสวินก็หันกลับมามองคุณหนูสวี่และคุณหนูกัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “มีอย่างหนึ่งที่ข้าลืมบอกไป”

“จริงอยู่ที่คุณหนูทั้งสองเป็นผู้สูงศักดิ์ น้องสาวข้าเป็นสาวชาวไร่ย่อมเทียบมิได้เป็นธรรมดา วันนี้ข้าได้พบเห็นและเข้าใจอะไรใหม่ๆ ดังนั้นไว้หลังกลับไป จะจ้างคนเล่าหนังสือสักคนเพื่อชมเชยการแสดงท่าทีที่เกรี้ยวกราดเช่นนี้ของท่านทั้งสองอย่างแน่นอน จริงสิ…เมื่อก่อนข้าก็เคยเห็นในร้านหนังสือมีหนังสือเบ็ดเตล็ดที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน วันนี้กลับไปข้าจะลองศึกษาเพิ่มเติมเสียหน่อย แล้วให้เหล่านักเล่าหนังสือในตัวเมืองได้ยกย่องกิริยาของท่านทั้งสองด้วยเช่นกัน”

เมื่อพูดจบ ซ่งสวินก็หัวเราะออกมาอย่างสบายอกสบายใจ