บทที่ 230 ระดับเซียนทองวัฏจักรระยะปลาย แผนการใหญ่สถาปนาเทพ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 230 ระดับเซียนทองวัฏจักรระยะปลาย แผนการใหญ่สถาปนาเทพ

เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไปอย่างช้าๆ กาลเวลาราวกับม้าขาวลอดช่องว่าง ไปแล้วไม่หวนกลับ

เพียงแวบเดียวภาพเหตุการณ์ร้อยปีก็ผ่านไป

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับเซียนทองวัฏจักรระยะปลายแล้ว!

พลังเวทเพิ่มพูน พลังจิตถูกยกระดับ!

หานเจวี๋ยเข้าใจฟ้าดินอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แม้จะเป็นโลกมนุษย์ก็มีพลังที่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็นอีกจำนวนมาก

อาทิเช่นดวงชะตา ผลกรรม และชะตาชีวิต

เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว พลังแห่งกฎเบญจธาตุจัดอยู่ในสัจธรรมระดับล่าง

หลังจากทะลวงแล้ว หานเจวี๋ยก็ยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตนเอง ใช้เวลาอีกเกือบครึ่งปี

เขาเริ่มจำลองการทดสอบ

สู้กับเจียงอี้ สังหารภายในเสี้ยววินาที

สู้กับพุทธะอาภรณ์ขาว สังหารภายในเสี้ยววินาที

สู้กับจักรพรรดิสวรรค์ ถูกสังหารภายในเสี้ยววินาที

ศัตรูคนอื่นๆ ที่เคยพบเจอล้วนสังหารได้ภายในเสี้ยววินาที!

ดี!

ช่วงนี้ยังไม่พบเจอกับศัตรูที่มีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

จากนั้นหานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู และถือโอกาสตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x14002

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านได้รับอาวุธเทพของเทพสงคราม ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านถวายตัวเข้าร่วมราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ดวงชะตา ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าอสูร ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[หลงซั่นสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ตกเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการ]

[เซียนเมฆาแดงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ตัวตายมรรคผลสลาย]

……

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

เซียนเมฆาแดงกลับตายลงแล้ว

เซียนเมฆาแดงมีบุญคุณในการประคับประคองหานเจวี๋ย ก่อนที่วังสวรรค์จะชำระล้างโลกมนุษย์ เขาได้แจ้งข่าวให้หลายครั้ง แม้กระทั่งยังยินดีดึงหานเจวี๋ยมาเป็นพวก แม้จะไม่ได้ช่วยเหลืออย่างแท้จริง แต่น้ำใจยังคงอยู่

หานเจวี๋ยจดจำเรื่องนี้ไว้ จะต้องแก้แค้นให้กับเซียนเมฆาแดง

หลายเดือนต่อมา การสาปแช่งเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋ สอบถามว่าใครเป็นผู้สังหารเซียนเมฆาแดง

“ราชามังกรโฉดของวังปีศาจ ไม่ใช่แค่เซียนเมฆาแดงที่ตาย แต่องค์ชายหลงซั่นก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด วังปีศาจอันน่าสมควรตาย ไม่ยอมสงบสักที!”

ตี้ไท่ไป๋ตอบและกัดฟันกรอดๆ เขาเกือบจะหัวระเบิดเพราะเรื่องนี้แล้ว

เบื้องบนต้องรับมือกับความโกรธของจักรพรรดิสวรรค์ เบื้องล่างต้องปราบปรามศัตรูที่บรรดาเทพวังสวรรค์เกลียดชังและเคียดแค้นเช่นกัน

ราชามังกรโฉด?

หานเจวี๋ยจดจำชื่อนี้ไว้

“ช่วงนี้วังสวรรค์วุ่นวายอีกแล้วหรือ” หานเจวี๋ยถาม

ตี้ไท่ไป๋กล่าว “ไม่ถึงกับขนาดนั้น มักจะมีการกระทบกระทั่งกัน”

หานเจวี๋ยได้ยินก็วางใจในทันที

วังสวรรค์ไม่วุ่นวายเขาก็สามารถฝึกฝนได้อย่างสบายใจ

“ภายในวังสวรรค์จัดการเสร็จสิ้นแล้วหรือ” หานเจวี๋ยถามขึ้นอย่างสงสัย

เขาสังเกตเห็นว่าในค่าความสัมพันธ์มีรูปประจำตัวของเทพเซียนบางส่วนหายไป เพราะไม่ได้กดติดตามเป็นพิเศษ จึงไม่ปรากฏในจดหมาย

“พอประมาณแล้ว ฝ่าบาทดำเนินการรวดเร็วและเฉียบขาด ตอนนี้วังสวรรค์ควบแน่นเป็นเหล็กแผ่นหนึ่ง ฝ่าบาทยังเตรียมทำแผนการใหญ่สถาปนาเทพ เลือกเทพเซียนจากบรรดาสวรรค์หมื่นโลกา” ตี้ไท่ไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม

พูดถึงเรื่องนี้เขาก็ตื่นเต้นมาก

วังสวรรค์กำลังจะผงาด!

แผนการใหญ่สถาปนาเทพ?

หานเจวี๋ยรู้สึกถึงกลิ่นอายของนิยายเรื่องห้องสิน[1]

“โลกเมฆาแดงก็เข้าร่วมด้วยหรือ” หานเจวี๋ยถาม

“ไม่ผิด เจ้าก็เตรียมการไว้สักหน่อย บ่มเพาะบุตรแห่งสวรรค์จำนวนหนึ่ง อันดับของโลกเมฆาแดงในขณะนี้ไม่เลวเลย”

“ช่างเถอะ ข้ากลัวความยุ่งยาก หากพวกเขามีวาสนาอาศัยตัวเองก็ทำได้อยู่แล้ว”

“เอาเถิด”

ตี้ไท่ไป๋ตอบรับไปทีหนึ่ง ทั้งสองไม่พูดอะไรมากอีก และสิ้นสุดการสนทนาลง

หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งราชามังกรโฉด

อีกด้านหนึ่ง

ภายในพระราชวังเทียมเมฆา

ตี้ไท่ไป๋มองไปยังจักรพรรดิสวรรค์ที่อยู่เบื้องสูง ข้างพระวรกายของจักรพรรดิสวรรค์ยังมีบุรุษรูปงามชุดม่วงที่สง่าผ่าเผยและวีรอาจหาญยืนอยู่ท่านหนึ่ง

“ฝ่าบาท เขาไม่ชอบลาภยศจริงๆ พวกเราช่วยยกระดับโลกเมฆาแดงมากมายเช่นนี้ ทว่าเขายังไม่ยอมทุ่มเท” ตี้ไท่ไป๋กล่าวอย่างจนปัญญา

ที่เปิดเผยแผนการใหญ่สถาปนาเทพก็เป็นเพราะบัญชาจากจักรพรรดิสวรรค์

จักรพรรดิสวรรค์แย้มพระสรวลตรัส “ไม่เป็นไร เขาจะเข้าร่วมแน่นอน”

บุรุษชุดม่วงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสด็จพ่อ ท่านเมื่อครู่นี้คือบุตรแห่งสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบพันปีของวังสวรรค์หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม หากเจ้ามีเวลาก็ไปเยี่ยมเยียนเฮ่าเอ๋อร์สักหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

บุรุษชุดม่วงตอบรับคราหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่ชอบหลงเฮ่าเป็นอย่างมาก

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยปากกล่าว “ฝ่าบาท ช่วงนี้กายเนื้อของจอมพลเสินเผิงมีบางอย่างผิดปกติ จำเป็นต้องระมัดระวัง”

“เราทราบแล้ว ดูท่านิกายเจี๋ยจะยังไม่ยอมแพ้จริงๆ”

“มีศิษย์นิกายเจี๋ยปรากฏตัวตามสถานที่ต่างๆ บนแดนเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่”

“นิกายเจี๋ยเหมือนกับเผ่าจอมเวท ชะตากรรมสิ้นสุดไปแล้ว ไม่อาจสังหารกลับมาได้ ส่งเทพเซียนจำนวนหนึ่งจับตาดูพวกเขาโดยเฉพาะ”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

……

สาปแช่งราชามังกรโฉดทีเดียวสิบวัน อายุขัยของหายเจวี๋ยก็ลดลงหลายร้อยปี นับว่าทุ่มไปมาก

หานเจวี๋ยลอบคิดว่า ‘พี่ใหญ่เซียนเมฆาแดง ข้าพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ต่อไปจะจับจ้องศัตรูของท่าน หากมีโอกาสพบเจอจะต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน!’

การตายของเซียนเมฆาแดง เขาเพียงรู้สึกปลงอยู่บ้าง ไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียนเมฆาแดงไม่ได้ลึกซึ้งมากพอ หลังจากเซียนเมฆาแดงเลื่อนขั้นขึ้นไปแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้คบค้าสมาคมกันอีก

หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง เขามองไปทางอู้เต้าเจี้ยนและเอ่ยว่า “มรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สองฝึกสำเร็จแล้วหรือยัง”

อู้เต้าเจี้ยนพนักหน้า ดูเหมือนจะเรียบสงบแต่ดวงตากลับยิ้มหยี

“มานี่ ข้าจะถ่ายทอดขั้นที่สามให้เจ้า” หานเจวี๋ยตบเตียงไม้ข้างตัวกล่าว

อู้เต้าเจี้ยนรีบเดินเข้าไปในทันที

หลายวันต่อมา

อู้เต้าเจี้ยนเริ่มรู้แจ้งมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สาม

หานเจวี๋ยมาที่ริมวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ลี่เหยายังอยู่ห่างจากโลกเมฆาแดงไกลโข แต่นางมาถึงแดนเซียนแล้ว

หลังจากมาถึงแดนเซียน นางหาสถานที่แห่งหนึ่งซ่อนตัวฝึกฝน แต่ไม่นานก็เผชิญกับการบุกรุกของราชาปีศาจ หลังจากสังหารราชาปีศาจแล้ว ถูกเทพปีศาจที่อยู่เบื้องบนของราชาปีศาจตามล่า ต้องระหกระเหินด้วยชีวิตที่ลำบากใจยากแค้นอีกครั้ง

สิ่งที่ลี่เหยาเผชิญทำให้หานเจวี๋ยดีอกดีใจกว่าเดิม

สรรพชีวิตบนแดนเซียนดุร้ายกว่าโลกมนุษย์มาก คำพูดไม่ถูกใจเพียงประโยคเดียวก็โจมตีสังหารได้ ตามล่าจนสุดหล้าฟ้าเขียว ไม่เหมาะสมกับการฝึกฝนเลย

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตถ่ายทอดเสียงให้กับนาง และสอบถามขึ้นว่า “ยังสบายดีอยู่หรือไม่”

ไม่ได้ยินเสียงของหานเจวี๋ยนานแล้ว ตอนนี้ลี่เหยากลับรันทดใจอยู่บ้าง

นางระงับความตื่นเต้นกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้ายังสบายดี”

หลังจากผ่านความทุกข์ทรมานด้วยความยากลำบากร้อยแปดพันเก้า โลกเมฆาแดงก็เป็นความหวังเดียวในใจนาง

สถานที่ที่อยู่ห่างจากความขัดแย้ง สามารถฝึกฝนได้อย่างสงบ สถานที่เช่นนั้นคือแดนสุขาวดีที่นางใฝ่หา

หานเจวี๋ยกล่าว “เจ้าสามารถเข้าร่วมกับวังสวรรค์ หาวิธีพบเจอกับตี้ไท่ไป๋ ให้เขาส่งเจ้ามาโลกเมฆาแดง เจ้าบอกเขาว่าข้าเป็นคนเชิญเจ้ามา”

ลี่เหยาวิ่งไปทั่วทุกที่เช่นนี้ มันช้าไปจริงๆ

ลี่เหยาเอ่ยถาม “นามของผู้อาวุโสคือ?”

“หานเจวี๋ย”

“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก ข้าจะต้องเข้าร่วมวังสวรรค์โดยเร็ว”

เมื่อทราบว่าหานเจวี๋ยมีความสัมพันธ์กับวังสวรรค์ ลี่เหยาก็มั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าหานเจวี๋ยไม่หลอกนาง

ในโลกมนุษย์ เทพเซียนยังคงน่าไว้ใจมาก

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตัดขาดการติดต่อของพลังจิตแล้วกลับไปฝึกฝนบนเตียงอีกครั้ง

……

เจ็ดปีต่อมา

พุทธะอาภรณ์ขาวมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาไม่ได้ดึงดันบุกรุกเข้ามา แต่กลับถ่ายทอดเสียงให้กับหานเจวี๋ยอยู่บนเมฆา

“สหายเต๋าซุนเฉวียน ออกมาคุยกันหน่อยได้หรือไม่” น้ำเสียงพุทธะอาภรณ์ขาวแฝงไปด้วยความเคารพนอบน้อม

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงตอบ “มีเรื่องใด”

“เกี่ยวกับแผนการใหญ่สถาปนาเทพ ข้าได้คัดเลือกบุตรแห่งสวรรค์มาหนึ่งร้อยท่าน คุ้มค่าต่อการบ่มเพาะ ท่านสามารถมาดูได้”

ได้ยินเช่นนี้หานเจวี๋ยก็รู้สึกปวดไข่

จะต้องเป็นการจัดการของจักรพรรดิสวรรค์อย่างแน่นอน!

หากบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์รู้ว่าลูกน้องที่ส่งออกไปทำงานให้กับศัตรู คาดว่าคงต้องกระอักเลือดเป็นแน่!

……………………………………….

[1] ห้องสิน (สำเนียงฮกเกี้ยน) หรือ เฟิงเฉิน (สำเนียงจีนกลาง) แปลว่า สถาปนาเทวดา เป็นนิยายจีนซึ่งประพันธ์ขึ้นในช่วงราชวงศ์หมิง เนื้อหาใช้ภาษาชาวบ้าน มีทั้งหมดหนึ่งร้อยตอน จัดพิมพ์ครั้งแรกราวทศวรรษที่ 1550 และจัดอยู่ในประเภทนิยายภูตผีปีศาจ