บทที่ 265 ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 265 ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน?

บทที่ 265 ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน?

ที่ร้านอาหาร ผู้คนที่โต๊ะกำลังกินดื่มอย่างสนุกสนานจนแทบไม่มีใครสังเกตว่าอวิ๋นเหมี่ยวหายตัวไป

ยกเว้นเสิ้งเซี่ยที่ให้ความสนใจกับเพื่อนสาวคนนี้มาก

“เหมี่ยวเหมี่ยว”

เสิ้งเซี่ยรั้งอวิ๋นเหมี่ยวที่เดินกลับมา “คืนของเธอไปหรือยัง?”

“… ฉันไม่เจอใครเลย”

อวิ๋นเหมี่ยวอ้างว่าซูโย่วอี๋ทำของตก จึงไล่ตามอีกฝ่ายออกไป

“งั้นเหรอ” เพราะเสิ้งเซี่ยดื่มไวน์มากเกินไป เธอจึงเฉื่อยชา

อีกฝ่ายถือขวดพึมพำ “พวกเขาจะดื่มกันอีกนานแค่ไหนนะ ฉันง่วงมาก อยากนอนแล้ว”

ผู้ช่วยและพนักงานจัดโต๊ะชั่วคราวห่างจากโต๊ะหลัก ทำให้เหมยเหมยที่มาคอยดูแล รู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าซูโย่วอี๋ไม่ดื่ม เธอจึงไปกินปิ้งย่างที่โต๊ะข้าง ๆ

ตอนนี้เธออิ่มกับอาหารและเครื่องดื่มแล้ว เธอจึงกลับมาและกวาดตามองดูผู้คนบนโต๊ะหลัก แต่กลับไม่พบศิลปินที่ตัวเองต้องดูแล

เห็นแค่ฮันเจ๋อหยางนอนหมดสติอยู่บนโต๊ะ

จู่ ๆ หัวใจของเหมยเหมยก็เกิดความกังวล เธอเดินไปหาพวกอวิ๋นเหมี่ยว “คุณอวิ๋น คุณซูไปไหนเหรอคะ?”

อวิ๋นเหมี่ยวยิ้ม “ดูเหมือนว่าจะกลับไปแล้วนะ ใช่ไหม เสิ้งเซี่ย?”

เสิ้งเซี่ยหลับตาลงครึ่งหนึ่ง “ใช่แล้ว ทำไมไม่โทรหา… อา ฉันปวดหัวมาก พูดไม่ไหวแล้ว…”

เหมยเหมยรีบไปที่ประตูและมองไปรอบ ๆ ไม่พบร่างของซูโย่วอี๋

แปลก…

มันไม่สมเหตุสมผลเลย…

เป็นไปไม่ได้ที่ซูโย่วอี๋ที่มีสติครบถ้วนจะกลับไปโดยไม่บอกกล่าว…

เว้นแต่ว่าเธอจะหมดสติ

เหมยเหมยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกำลังจะโทรหาซูโย่วอี๋ แต่พลันเปลี่ยนใจและโทรหาลู่เฉินโดยตรง

ถ้าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ซูโย่วอี๋คงตกอยู่ในมือคนร้ายแล้ว การโทรไปตอนนี้มีแต่จะทำให้งูตกใจตื่น

โทรศัพท์ดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนปลายสายจะรับ

เหมยเหมยไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาทีเดียว “ประธานลู่ คุณซูอาจตกอยู่ในอันตรายค่ะ”

ลู่เฉินกำโทรศัพท์แน่น “[พูดให้ชัด]”

เหมยเหมยรายงานทุกรายละเอียดของงานเลี้ยงอาหารในคืนนี้ “อวิ๋นเหมี่ยวบอกว่าคุณซูออกไปคนเดียว ฉันไม่กล้าโทรหาเธอเพราะกลัวทำเรื่องยุ่ง”

“คุณซูอาจจะลืมบอกฉันจริง ๆ แต่ฉัน…”

ในตอนท้าย เสียงเหมยเหมยแทบจะขาด ๆ หาย ๆ

อวิ๋นเหมี่ยว?

ดวงตาของลู่เฉินหม่นลงเล็กน้อย “[ผมเข้าใจแล้ว]”

โทรศัพท์ถูกตัดไป

เขาติดต่อหัวหน้าตำรวจระดับสูงในกรุงปักกิ่งแทน และขอให้ตำรวจค้นหาโทรศัพท์มือถือของซูโย่วอี๋ทันที

สถานีตำรวจตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่โทรศัพท์มือถือของซูโย่วอี๋อยู่กับที่ ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายตั้งแต่ต้น

ไม่ใช่ที่อื่นไกลแต่เป็นร้านปิ้งย่าง

โทรศัพท์มือถือของซูโย่วอี๋ไม่ได้อยู่กับเธอ!

ลู่เฉินมองดูชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบของเขาในคอมพิวเตอร์ “เจ้าหน้าที่เหลียง ผมต้องการตำแหน่งที่แน่นอนของบุคคลนี้อย่างมากที่สุดหนึ่งชั่วโมง”

“คุณลู่ ผมจะไปที่ร้านปิ้งย่างเพื่อถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การไขคดีโดยไม่ที่ไม่รู้สาเหตุแรงจูงใจเป็นเรื่องยาก หรือคุณมีผู้ต้องสงสัยหรือเปล่าครับ?”

ลู่เฉินขมวดคิ้ว ก่อนพูดอย่างลึกซึ้ง “อีกสิบนาทีผมจะไปพบคุณที่ร้านปิ้งย่าง”

เมื่อทุกคนในสถานีโทรทัศน์ถูกตำรวจล้อมก็สร่างเมาขึ้นมาทันที

ผู้อำนวยการที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็รู้สึกไม่พอใจ “มาทำอะไรกัน?”

เจ้าหน้าที่เหลียงสังเกตท่าทางของผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นอย่างใจเย็น ส่วนใหญ่เพิกเฉย ในขณะที่บางคนโกรธ มีเพียงหญิงสาวที่อยู่ตรงมุมห้องที่ดูกระวนกระวายใจเล็กน้อย

เจอแล้ว…

“ผู้อำนวยการ ผมขอโทษด้วยครับ พอดีมีเหตุจำเป็น คุณลู่จากเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์โทรหาผมเมื่อครู่นี้ เขาบอกว่าซูโย่วอี๋แฟนสาวของเขาหายตัวไปหลังจากกินอาหารเย็นกับคุณ เขาขอให้เราตามหาเธอ”

เมื่อได้ยินชื่อของลู่เฉิน ผู้อำนวยการก็เก็บความไม่พอใจของเขาลง “เจ้าหน้าที่เหลียง ผมรู้ว่าคุณซูหายไป แต่เธอหายตัวไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ มันไม่ใช่เวลาที่จะแจ้งความคนหายได้ด้วยซ้ำ”

เขาจะสื่อว่าเจ้าหน้าที่เหลียงใช้อำนาจในทางที่ผิด

“ผู้อำนวยการมีความคิดเห็นอะไรเหรอครับ?”

เสียงของลู่เฉินไม่แยแส เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

ส่วนผู้อำนวยการไม่กล้าอวดเบ่งแม้อายุมากแล้ว เขายืนขึ้น “คุณลู่ ผมก็เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณซูเช่นกัน ถ้าต้องการความร่วมมือก็บอกมาได้เลยครับ เราจะช่วยแน่นอน”

เพียงลู่เฉินมองแค่ครั้งเดียว ความเย็นชาในดวงตาของเขาก็ราวกับจะทำให้ผู้คนหยุดนิ่ง

“ผู้อำนวยการ คุณคงต้องคิดใหม่ ถ้ามีคนหายตัวไปจริง ๆ คุณอยากจะหลีกหนีความผิดเหรอครับ”

ทุกคำเน้นย้ำ

จู่ ๆ ผู้อำนวยการเหงื่อท่วม “ใช่ ๆ เจ้าหน้าที่เหลียง บอกผมสิว่าคุณต้องการถามอะไร?”

เจ้าหน้าที่เหลียงตรงไปที่หญิงสาวตรงมุมห้อง “คุณชื่ออะไรครับ?”

อวิ๋นเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างลำบากใจ ไม่กล้ามองสายตากดดันของลู่เฉินด้วยซ้ำ

“ฉันชื่ออวิ๋นเหมี่ยว มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่เหลียงอ่อนโยน “คุณรู้อะไรบ้างไหม?”

แววตาของอวิ๋นเหมี่ยวสั่นคลอน “ฉัน… ไม่รู้ว่าคุณต้องการถามอะไร”

เหมยเหมยอดที่จะพูดไม่ได้ว่า “คุณไม่ได้นั่งถัดจากคุณซูเหรอคะ? ทำไมคุณถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ?”

ยิ่งเธอดูเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าอวิ๋นเหมี่ยวมีบางอย่างผิดปกติไป

เจ้าหน้าที่เหลียงหยิบโทรศัพท์บนที่นั่งของซูโย่วอี๋ขึ้นมา “คุณไม่สังเกตเห็นว่าเธอทำโทรศัพท์หล่นตรงนี้เหรอครับ?”

“ฉันรู้ หลังจากซูโย่วอี๋ออกไป ฉันก็ตามออกไปหาเธอแล้วเพราะอยากจะคืนโทรศัพท์ให้ แต่กลับไม่เจอน่ะค่ะ”

“คุณออกไปตามหานานแค่ไหน?”

อวิ๋นเหมี่ยวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “แค่… ประมาณ 2-3 นาที”

เสิ้งเซี่ยเอียงศีรษะของเธอ “ไม่ เหมียวเหมี่ยว เธอออกไปนานกว่าสิบนาทีเลยนะ”

ในเวลาสิบนาที สามารถเดินจากร้านปิ้งย่างกลับไปที่สถานีทีวีได้

คนปกติจะเดินกลับมาหลังมองที่หน้าประตูไม่เจอ แล้วทำไมเธอถึงออกไปตามหาเป็นเวลานานขนาดนั้น?

ในใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเหลียงได้ตัดสินแล้วว่าการหายตัวไปของซูโย่วอี๋นั้นต้องเกี่ยวข้องกับอวิ๋นเหมี่ยวแน่ ๆ

ลู่เฉินเองก็สงสัยอย่างนั้นเช่นกัน

“อวิ๋นเหมี่ยว ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน?”

มือของอวิ๋นเหมี่ยวที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นทันที “ประธานลู่ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ฉันไม่เห็นใครเลยตอนฉันออกไปนะ”

“ถ้าฉันรู้ฉันคงบอกคุณแล้วค่ะ”

ในความเป็นจริง อวิ๋นเหมี่ยวไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน เธอมีหน้าที่เพียงส่งมอบเธอให้กับซวี่เฟิงเท่านั้น

เรื่องที่ซวี่เฟิงพาไปที่ไหน เธอจะรู้ได้อย่างไร?

เสียงของลู่เฉินเย็นชามาก “ผมจะถามอีกครั้งว่าซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน?”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซูโย่วอี๋ ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่!”

อวิ๋นเหมี่ยวน้ำตาไหล “คุณโทษฉันเรื่องอะไร? เธอหายตัวไปเองนะ บางทีเธออาจจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนสักแห่งก็ได้ แต่คุณมาซักไซ้ฉันเหมือนนักโทษแบบนี้ มันใจร้ายเกินไปหรือเปล่า หรือที่คุณรังแกฉันแบบนี้เพียงเพราะคุณมีอำนาจที่จะทำ?”

“ลู่เฉิน คุณไม่เคยปฏิบัติกับฉันแบบนี้มาก่อน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็มองทั้งสองคนพลางซุบซิบ

สถานการณ์นี่มันคืออะไร?

สองคนนี้เคยคบกันมาก่อนงั้นเหรอ?

เหมยเหมยไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อเธอลองนึกดู ทุกอย่างก็ลงตัว

เจ้าหน้าที่เหลียงหยุดสอบปากคำอวิ๋นเหมี่ยวแต่เรียกลู่เฉินมาคุย “ร้อยละ 80 ของเหตุการณ์นี้ มีแรงจูงใจมาจากเรื่องชู้สาว อวิ๋นเหมี่ยวเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยและเธอต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด”

การสอบสวนได้ผลสรุปออกมาแล้ว

“เราได้ติดต่อร้านปิ้งย่างและตรวจกล้องวงจรปิดโดยรอบแล้ว คุณซูออกจากร้านปิ้งย่างไปด้วยตัวเอง หลังจากเดินไป 200 เมตร ก็เป็นจุดบอดของกล้องวงจรปิด และไม่มีใครออกมาอีกเลยครับ”

“อวิ๋นเหมี่ยวบอกว่าคุณซูทำของตก แต่เมื่ออวิ๋นเหมี่ยวออกจากร้านปิ้งย่าง เธอไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย หลังจากกลับมาที่ร้านอาหาร เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือของซูโย่วอี๋ออกมาจากกระเป๋าของเธอเอง”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในตอนแรก โทรศัพท์มือถือของซูโย่วอี๋ไม่ได้ตกอยู่ในร้านปิ้งย่าง”

เป็นไปได้มากว่าโทรศัพท์มือถือในมือของอวิ๋นเหมี่ยวถูกเอามาจากซูโย่วอี๋

ทีมสอบสวนบุคลากรในสถานที่ระบุว่า “ในบรรดาลูกค้าสิบแปดคนที่ร้านอาหาร มีเพียงอวิ๋นเหมี่ยวที่ออกจากร้านอาหารกลางคัน และคนอื่น ๆ ไม่มีเวลาไปก่อเหตุได้เลย”

หากเพิ่มขอบเขตผู้ต้องสงสัยขึ้น ใครก็ตามที่อยู่ในร้านปิ้งย่างรวมถึงผู้คนบนท้องถนนก็อาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้

แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันจะกว้างเกินไป

ลู่เฉินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดอะไร แต่แรงกดดันแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง

“มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดถนนโดยรอบและถนนเล็กทุกสาย ส่วนรถที่จะเข้าออกในโรงแรมใกล้เคียงทุกคนทั้งชายและหญิงจะถูกตรวจสอบ”

ลู่เฉินหันกลับไปและลากอวิ๋นเหมี่ยวเข้าไปในห้องส่วนตัวตรงข้าม เขาโยนเธอลงบนพื้นและล็อคประตู

อวิ๋นเหมี่ยวถดตัวถอยด้วยความกลัว “ลู่… ลู่เฉิน คุณกำลังจะทำอะไร?”

“ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน?”

“ฉันไม่รู้”

อวิ๋นเหมี่ยวพยุงตัวเองขึ้นอย่างรู้สึกผิด “อาเฉิน เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ? ฉันจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?”

มุมปากของลู่เฉินกระตุกขึ้นอย่างเย็นชา “ยังเล่นลิ้นอยู่อีก!”

“ดูเหมือนว่าถ้าคุณไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่คงหลั่งน้ำตาสินะ”

เขาถอดเสื้อสูทออก ปลดกระดุมสองเม็ดบนปกเสื้อเชิ้ตสีขาว แล้วค่อย ๆ พับแขนเสื้อขึ้น

ดูสง่างามราวกับผู้ดีในยุคกลาง

ในใจของอวิ๋นเหมี่ยวนึกถึงภาพของลู่เฉินยามที่เห็นเธอนอนกับซวี่เฟิง เขาก็ดูสง่างามมากเหมือนกัน

แต่ในช่วงเวลาต่อมา ซวี่เฟิงก็ถูกทำร้ายจนปางตาย!

ยิ่งลู่เฉินโกรธ เขาก็ยิ่งดูสุขุม!

ตอนนี้อวิ๋นเหมี่ยวกลัวมาก เธอไม่นึกเลยว่าลู่เฉินจะกล้าทำอะไรเธอ

“อาเฉิน คุณไม่มีหลักฐาน คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าการหายตัวไปของซูโย่วอี๋เกี่ยวข้องกับฉัน? คุณแค่ต้องการระบายอารมณ์งั้นเหรอ”

ลู่เฉินเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ “ผมไม่ใช่ตำรวจ แล้วผมไม่ต้องการหลักฐาน”

หลังจากพูดจบ เขาก็ต่อยลงไป

อวิ๋นเหมี่ยวหยุดร้องและตะโกนว่า “ลู่เฉิน คุณมันไม่ใช่คน คุณกล้าตีผู้หญิงอย่างฉันได้ยังไง”

แต่แทนที่เขาจะทำร้ายเธอที่ใบหน้า แต่เขากลับใช้กำปั้นกระแทกที่พื้นแทน

จนเสียงดัง ‘ปัง’

แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าแรงที่ใช้นั้นมากแค่ไหน

ลู่เฉินโน้มตัวไปข้างหน้า มองเข้าไปในตาอวิ๋นเหมี่ยวด้วยความเกลียดชังและความโหดเหี้ยมอย่างชัดเจน

อวิ๋นเหมี่ยวยกยิ้ม “ให้ฉันบอกความจริงกับคุณไหมล่ะว่าตอนนี้ซูโย่วอี๋กำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่บนเตียงกับผู้ชายคนอื่น แล้วคุณรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”

“ซวี่เฟิง!”

“เป็นไง? ตกใจหรือเปล่า?”

“ตอนเรียนมหาลัย เขานอนกับแฟนเก่าคุณ แล้วคืนนี้เขาจะนอนกับแฟนใหม่คุณอีก ไม่ว่าคุณจะสูงส่งแค่ไหน คุณก็เป็นคนขี้ขลาดที่ปกป้องแฟนคุณไม่ได้”

ในที่สุดลู่เฉินก็ต่อยเธอ

อวิ๋นเหมี่ยวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เธอล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงและพ่นเลือดออกมาเต็มคำพร้อมกับฟันที่หักไปสองซี่

“ฉันจะไม่บอกคุณว่าเธออยู่ที่ไหน”

“ถ้ากล้าก็ฆ่าฉันสิ”

“ฮ่า ๆ ๆ คุณต้องการช่วยเธอเหรอ? มันสายไปแล้ว… อาเฉิน คุณมาช้าไปหนึ่งก้าว”

ในตอนนั้น ตอนที่เธอลังเลว่าจะขายร่างกายเพื่ออาชีพของเธอหรือไม่ อาเฉิน ทำไมคุณไม่มาช่วยฉันล่ะ?

บางทีเธออาจไม่ต้องเดินไปตามถนนเส้นนี้ก็ได้

ลู่เฉินยืนขึ้นและหมุนข้อมือของเขาเบา ๆ “คุณนี่เป็นผู้หญิงน่ารังเกียจจริง ๆ”

เขาออกไปและพูดกับเจ้าหน้าที่เหลียงว่า “คนที่พาตัวซูโย่วอี๋ไปมีชื่อว่าซวี่เฟิง เขาเป็นแฟนของอวิ๋นเหมี่ยว”

“ตกลง รอข้อความของเราได้เลยครับ”

ตำรวจหนุ่มสองคนเข้าไปในห้อง ใส่กุญแจมืออวิ๋นเหมี่ยว และควบคุมตัวเธอเข้าไปในรถตำรวจ